สุภาษิตคำพังเพยฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฆ. ฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการทำทีว่าจะฆ่าก็ไม่ฆ่าจริงๆ เพราะไม่ทำให้ถึงตาย ทำแบบไม่จริงไม่จัง ทำแบบหลอกๆ แสดงว่ายังมีความเมตตากรุณาหลงเหลืออยู่บ้าง และคำว่าขาย ทำท่าว่าจะ ขายก็ไม่ขายอย่างเด็ดขาด โดยคนโบราณเล่นคำสองคำระหว่าง ฆ่าไม่ตาย กับ ขายไม่ขาด ให้คล้องจองกัน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ตัดเยื่อใยไม่ขาด (มักใช้แก่พ่อแม่ที่รักลูกมากถึงจะโกรธจะเกลียดอย่างไรก็ตัดไม่ขาด)

สำนวนนี้มักจะใช้เปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่าง คนกับคนด้วยกันเองหรือสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตาม มีความผูกพันกันมาก ตัดกันไม่ขาด เรามักจะพบเห็นบ่อยๆ ก็คนในครอบครัว ที่ ตัดกันไม่ขาด หรือคู่สามีภรรยาที่เหมือนคู่ทุกข์ คู่ยาก คู่รักคู่แค้น

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด

  • น่าเห็นใจครอบครัวนี้จริงๆ ลูกชายพึ่งไม่ได้ แถมมีแต่สร้างเรื่องเดือดร้อนเข้าบ้านเสมอ พ่อแม่ก็ฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด คอยช่วยเหลือทุกครั้งไป
  • เธอเป็นลูกแท้ๆ ของพ่อแม่ ถึงแม้ว่าจะทำอะไรพลาดพลั้งไปบ้าง แม้ว่าจะเลวร้ายขนาดไหนก็ตาม ถ้ากลับบ้านไปขอขมาลาโทษท่าน ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ถึงจะโกรธสักเพียงใด ท่านก็ฆ่าไม่ตายขายไม่ขาดหรอก
  • ก็เพราะเธอกับเขามัน ฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด กันไง พอเลิกกันไปเดี๋ยวก็กลับมาคบกันอีก ไป ๆ มา ๆ อยู่แบบนี้ไม่รู้จบ
  • ถึงเธอจะทำอะไรพลาดพลั้งไป เลวร้ายขนาดไหน ก็กลับไปขอขมาขอโทษท่านเถอะ คนเป็นพ่อแม่ถึงจะโกธรขนาดไหนก็ฆ่าไม่ตายขายไม่ขาดหรอก
  • “ฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด” ประกาศว่า เพียงบิดรมารดาพาลุล่วง หาใช่ใครไหนกล้ามาหลอกลวง จะรัก, ห่วง, ดวงตาค่าไม่พอ เป็นสำนวนสื่อถึงพึงสื่อสาร คำเรียกขานนานแท้ คือ แม่ พ่อ ที่เยื่อใยไม่ขาดแม้ปาดคอ มากบุญก่อต่อตั้ง โปรดสังวร

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยงมโข่ง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ง. งมโข่ง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยงมโข่ง

ที่มาของสำนวน คำว่า งม หมายถึง คลำหาของในน้ำ หรือดำน้ำหาของ ซึ่งเป็นกิริยาอาการที่ทำได้ช้า ไม่คล่องตัว งุ่มง่าม ชักช้า ส่วนคำว่า โข่ง อาจจะหมายถึง ไม่เข้าท่า หรือ อายุมากกว่าเพื่อนในชั้นเรียน เรียนช้า รวมกัน เป็น “งมโข่ง” หรือที่เรานิยมเรียกกันว่าเด็กโข่งนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ งุ่มง่าม พัฒนาช้า ไม่ทันเหตุการณ์ ล้าสมัย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยงมโข่ง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • เธอมัวไปงมโข่งอยู่ที่ไหนมา ตอนนี้มีห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่มาเปิดอยู่ใกล้ๆบ้านได้ 2-3 เดือนแล้ว แต่เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
  • ทำไมคนไทยต้องเกิดมางมโข่ง ขณะที่ชาวโลกล้วนหูตาสว่าง นี่เป็นวิถีชีวิตของคนไทย เป็นชะตากรรมของคนไทย เป็นโชคหรือเคราะห์ของคนไทยกันแน่
  • ตอนนี้มันโลกไอที เทคโนโลยีเขาไปถึงขั้นไหนกันแล้ว เธอไปงมโข่งอยู่ที่ไหนมาเนี่ย หัดสนใจโลกภายนอกเสียบ้างนะ
  • เพิ่งไปซื้อรองเท้าให้ลูก แล้วเพิ่งรู้ว่ามี!! เด็กสมัยนี้สบายแท้ เชือกรองเท้าก็ไม่ต้องร้อย แต่สมัยลุงนี่เมื่อก่อนการร้อยเชือกนี่แฟชั่นเลยนะ คุณว่ามีเชือกหรือไม่มีเชือกดีกว่า!?
  • เป็นคนงมโข่งก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถึงไม่ทันเหตุการณ์บ้านเมือง แต่ก็ไม่เดือดร้อนใคร อยู่แบบเงียบสงบเรียบง่ายก็มีความสุขดีเหมือนกัน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยงอมพระราม ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ง. งอมพระราม

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยงอมพระราม

ที่มาของสำนวน มาจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ตอนที่พระรามถูกขับออกจากเมืองเนื่องจาก นางไกยเกยี พระมารดาเลี้ยงได้ขอให้ท้าวทศรถผู้เป็นพระบิดา ยกราชสมบัติให้พระศรุต โอรสของนางขึ้นครองแทน จากพรที่ท้าวทศรถให้แก่นางในคราวที่ทำสงครามกับข้าศึก เนื่องจากเพลารถหัก นางไกยเกยีจึงเอาท่อนแขนของนางสอดแทนเพลารถ ในที่สุดก็รบชนะจึงให้พรว่า “นางจะขออะไรก็จะให้” นางจึงขอราชสมบัติ ทำให้พระรามต้องออกจากเมืองอโยธยา 14 ปี ทรมานทรกรรมยากลำบาก ต้องต่อสู้กับทศกัณฐ์เพราะขโมยนางสีดา ไทยเราจึงนำมาเปรียบเทียบกับความยากลำบากสุดแสนสาหัสว่า “งอมพระราม”

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ มีความทุกข์ยากลําบากเต็มที่ หรือทุกข์ระทมกับความลำบากสุดๆ เช่น ทศกัณฐ์จะงอมพระรามที่ไหน เกรงพระรามจะงอมพระรามไปเองเสียอีก

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยงอมพระราม

ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • ก็เพราะเขาเข้าไปหวังจะห้ามไม่ให้สองคนนั่นทะเลาะกันไง สุดท้ายกลายเป็นว่าโดนลูกหลงจน งอมพระราม อย่างที่เห็น
  • เจ้าของโครงการคอนโดนี้วางแผนสร้างคอนโดที่ทันสมัยที่สุด หรูที่สุด ซึ่งใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมากทำให้หมุนเงินไม่ทันสุดท้ายผู้รับเหมาแต่ละรายก็เลยงอมพระรามไปตามๆ กันไป
  • มีเหตุการณ์นักเรียนยกพวกตีกัน แต่มีผู้หวังดีจะเข้าไปช่วยห้าม สุดท้ายผู้หวังดีกลับถูกลูกหลงจนงอมพระรามไปหลายคน
  • อาการ “งอมพระราม”หรือ อาการทุกข์ระทมกับความลำบากสุดๆ ยามนี้จากอาการโดนรุมให้ “นับถอยหลัง”ของ “นายกฯ ลุงตู้เย็น”ที่เพิ่งพูดในทีวันนี้ท่อนหนึ่งว่า “ถ้าผมยังอยู่จะไม่มีการทุจริต”ในที่สุด
  • ตอนแรกธุรกิจก็ทำถ้าว่าจะไปได้ดี ฉันก็เลยไปกู้เพื่อหาเงินมาลงทุนเพิ่ม สุดท้ายหมุนเงินไม่ทันหนี้สินก็เริ่มมากขึ้นเลย งอมพระราม อยู่ทุกวันนี้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยงูๆ ปลาๆ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ง. งูๆ ปลาๆ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยงูๆ ปลาๆ

ที่มาของสำนวน สำนวนนี้นั้นมีที่มาจากการออกไปหาปลาตามทุ่งสมัยก่อน ถ้าไม่มีชำนาญในการมองปลาแล้วนั้นอาจจะทำให้เห็นงูที่อยู่ในน้ำเป็นปลาได้ และอาจจะส่งผลถึงชีวิตนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ มีความรู้เล็กๆ น้อยๆ รู้ไม่จริงในเรื่องนั้นๆ หรือมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ ไม่มากนัก หรือก็คือไม่รู้จริงนั้นเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยงูๆ ปลาๆ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • เอกชัย เขาเป็นคนที่ไม่เก่งภาษาญี่ปุ่น  แต่เขาสามารถพูดสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ แต่ไม่สามารถเขียนได้ นับว่าเขาเป็นคน รู้เรื่องภาษาญี่ปุ่นแบบงู ปลาๆ
  • หากรู้ตัวว่าไม่มีความรู้ในเรื่องหนึ่งเรื่องใดอย่างลึกซึ้ง รู้แค่ งูๆ ปลาๆ ก็ไม่ควรไปรับปาก รับงาน รับหน้าที่ทำภารกิจนั้นๆ เพราะมีแต่ จะสร้างปัญหาให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน อย่าทำเป็น โง่แล้วอยากนอนเตียง ไม่รู้แล้วก็ยังพยายามจะทำ เพราะอยากจะเอาหน้า
  • ฉันเป็นผู้หญิงมีความรู้เรื่องรถแบบงูๆ ปลาๆ พอแก้ไขเรื่องเล็กๆน้อยๆ ในยามขับขันได้เท่านั้น จะไปสู้ผู้ชายที่มีความชำนาญในด้านนี้ได้อย่างไร
  • แม้จะมีงานบางอย่างที่ไม่มีความรู้ หรือรู้แบบ งูๆ ปลาๆ ไม่รู้จริง แต่บางครั้งหากมีโอกาสเข้ามา ก็ต้องคว้าไว้ก่อน เพราะกว่าที่คนเรา จะประสบความสำเร็จในเรื่องใดก็ตาม ย่อมจะต้องมีการสูญเสียเสมอ
  • ผมกำลังฝึกเรียนภาษาอังกฤษอยู่ แต่ความรู้ยังแค่งูๆ ปลาๆ พอเจอฝรั่งจริงๆ ก็ยังฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยโง่แล้วอยากนอนเตียง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ง. โง่แล้วอยากนอนเตียง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยโง่แล้วอยากนอนเตียง

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงคนโง่ ไม่รู้ว่าเตียงนั้นด้านใดเป็นหัวเตียง ด้านใดเป็นปลายเตียง เมื่อไม่รู้ เวลานอนก็หันหัวหันเท้าผิดที่ผิดทาง อยากจะนอนเตียงแต่ไม่รู้ว่าจะนอนหันหัวไปทางไหน

โดยสำนวนนี้มีการเล่นคำให้คล้องจอง “คอเอียงแล้วอยากหนุนหมอน” คือ “โง่แล้วอยากนอนเตียง คอเอียงแล้วอยากหนุนหมอน”

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ โง่แล้วไม่เจียมตัวว่าโง่ โง่แล้วยังอวดฉลาด ไปทำสิ่งที่ตนไม่รู้ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ จนทำให้เกิดความเสียหาย หรือเรื่องน่าอับอาย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยโง่แล้วอยากนอนเตียง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • การแสดงภูมิความรู้หรืออวดเก่ง ปกติก็จะเป็นที่อิจฉาริษยาของคนทั่วไปอยู่แล้ว แต่หากไม่รู้จริง ไม่เก่งจริงในเรื่องนั้นๆ เป็นประเภท โง่แล้วอวดฉลาด โง่แล้วอยากนอนเตียง คนแบบนี้มีเยอะในสังคม
  • ถ้าเธออยากจะเก่งกว่านี้ ก้าวหน้ากว่านี้ เธอควรจะหัดฟังที่คนอื่นแนะนำบ้างนะ ไม่ใช่โง่แล้วอยากนอนเตียง
  • คนประเภท โง่แล้วอยากนอนเตียง ก็มีไม่น้อย เพราะบางคนก็อยากจะได้หน้า พยายามเสนอตัวเพื่อจะทำงานบางอย่าง หวังจะได้ หน้าหากทำสำเร็จ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น สุดท้ายก็จะนำพาความเดือดร้อน หรือสร้างปัญหาเดือดร้อนตามมา
  • ถ้าคุณไม่รู้ก็ไม่ต้องพูดอะไร อยู่เฉยๆ จะดูดีกว่า อย่าทำอะไรที่เหมือนโง่แล้วอยากนอนเตียง คนอื่นเขาจะดูถูกเอา
  • นายสว่างพยายามกลับรถใต้สะพานข้ามคลอง ปรากฏว่าลอดไปไม่ได้เนื่องจากรถสูงเกินไป แต่ก็ดันทุรังคิดว่าตัวเองทำได้ ทั้งๆ ที่ไม่ดูความสูงรถ สุดท้ายรถขูดเสียหายหลายแสน นี่แหละเข้าตำราโง่แล้วอยากนอนเตียง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยจงดูเยี่ยงกา แต่อย่าเอาอย่างกา ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. จงดูเยี่ยงกา แต่อย่าเอาอย่างกา

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยจงดูเยี่ยงกา แต่อย่าเอาอย่างกา

ที่มาของสำนวน เปรยบเปรยถึงธรรมชาตินิสัยของอีกา โดยสอนคนให้เอาเยี่ยงความขยันที่ออกหากินเช้าตรู่ แต่ไม่ให้เอาอย่างนิสัยชั่วที่ชอบลักขโมยกินนั่นเอง

อีกาเป็นสัตว์ที่ขยัน ตื่นแต่เช้าเพื่อบินไปหาอาหาร รักตัวเอง รักครอบครัว (รักลูก) นี้คือลักษณะที่ดีของกา น่าเอาเยี่ยงอย่าง แต่มันก็เป็นสัตว์ที่มีนิสัยขี้ลัก ขี้ขโมย เป็นมิจฉาชีพ ไม่ควรเอาอย่างเป็นอย่างยิ่ง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การพิจารณาว่าสิ่งใดที่ดี สิ่งใดที่ไม่ดี ควรเอาแบบอย่างแต่สิ่งที่ดีเท่านั้น

คติเช่นนี้น่าสนใจตรงที่ในตัวคนคนหนึ่งอาจมีบางสิ่งให้เอาเยี่ยงและมีบางสิ่งไม่ให้เอาอย่างทั้งสองแง่มุมล้วนเป็นประโยชน์หากแยกแยะออก

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยจงดูเยี่ยงกา แต่อย่าเอาอย่างกา

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตจงดูเยี่ยงกา แต่อย่าเอาอย่างกา

  • ถึงเขาจะอาศัยอยู่ในสลัม พ่อติดเหล้า แม่ติดการพนัน แต่เขาก็สามารถเป็นคนดีได้ รู้ว่าสิ่งไหนควร หรือไม่ควร นี่แหละจงดูเยี่ยงกา แต่อย่าเอาอย่างกา ชีวิตคนเราลิขิตเองได้ จะให้ดีมันก็ดี จะให้ไม่ดีมันก็ไม่ดี ไม่มีใครช่วยได้นอกจากตัวเราเอง
  • ดาวเรืองเป็นคนขยัน เรียนเก่ง แต่ออกจะเป็นคนเห็นแก่ตัว พวกเธอควรจะเลือกเอาอย่างในสิ่งที่ดี ดังสำนวนจงดูเยี่ยงกา แต่อย่าเอาอย่างกา
  • “ตื่นแต่เช้าเยี่ยงกาหาอาหาร มิเกียจคร้านชีวิตคิดดิ้นด้น แต่อย่าเอานิสัยกามาปะปน ที่ชอบวนลักขโมยโฉบโกยกอง สำนวนบอกรู้คิดพิจารณา สิ่งดีว่าเอาอย่างทางถูกต้อง แต่สิ่งร้ายชั่วทรามลามคะนอง อย่าจับจ้องเอาอย่าง… ท่านยั้งเตือนฯ”
  • อย่างที่โบราณว่าจงดูเยี่ยงกา แต่อย่าเอาอย่างกา ถึงเขาจะอาศํยอยู่ในสลัมมีพ่อติดเหล้า แม่ติดการพนัน แต่เธอก็สามารถเป็นคนดีได้ รู้ว่าสิ่งไหนควรหรือไม่ควร
  • ราตรี เป็นคนขยัน เรียนเก่ง มีการงานดี (น่าเอาเยี่ยง)แต่ออกจะเป็นคนเห็นแก่ตัว ชอบเอารัดเอาเปรียบคนอื่น (ไม่น่าเอาอย่าง)

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยจระเข้ฟาดหาง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. จระเข้ฟาดหาง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยจระเข้ฟาดหาง

ที่มาของสำนวน มาจากแม่ไม้มวยไทยท่าจระเข้ฟาดหาง ที่ใช้ฟาดฟันคู่ต่อสู้อย่างคาดไม่ถึง เปรียบดั่งจระเข้ที่ใช้หางอันทรงพลังเข้าฟาดนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เป็นกิริยาที่ผู้ที่ใช้อำนาจ หรือกำลัง ระรานผู้อื่นไปทั่วโดยไม่เลือกหน้า

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยจระเข้ฟาดหาง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตจระเข้ฟาดหาง

  • ถึงคุณจะเป็นหัวหน้าแต่ก็ไม่ควรจะทำตัวเป็นจระเข้ฟาดหางใส่คนอื่นแบบไม่มีเหตุผลไปทั่วแบบนี้ ระวังลูกน้องลาออกยกทีมแล้วคุรจะเดือดร้อน
  • โชคดีที่ไม่มีการทิ้งสินค้าจากเรือ Ever Given แต่ความเสียหายจำนวนมหาศาลก็ยังคงมีอยู่ และเจ้าของสินค้าที่ปลอดภัยบนเรือยังคงต้องร่วมรับผิดชอบ คล้ายกับถูกจระเข้ฟาดหางก็ไม่ผิดเพี้ยนและไม่รู้ตัว
  • ไม่รู้ว่าเขาไปมีเรื่องทะเลาะกับใครมา เพราะตั้งแต่เช้ามาเขาก็เป็นจระเข้ฟาดหาง ไปทั่วไม่ว่าใครก็เข้าหน้าไม่ติด ทำอะไรก็ไม่ถูกใจไปเสียหมด
  • สำหรับประเทศไทยก็มี พรบ. การเฉลี่ยความเสียหายทั่วไปจากภยันตรายในการเดินเรือ พ.ศ. 2547 ที่บัญญัติให้เจ้าของสินค้าที่ปลอดภัยก็ต้องร่วมเฉลี่ยจ่ายค่าเสียหายด้วย มันเป็นอาการถูกจระเข้ฟาดหางชัด ๆ แต่หากผู้ส่งสินค้าซื้อกรมธรรม์ประกันภัย (Marine Insurance) ไว้ ผู้รับประกันภัยก็จะเข้ามาร่วมรับผิดชอบแทนผู้ส่งสินค้าทันที
  • นี่หล่อน เธอเป็นผู้หญิง อย่าทำตัวจระเข้ฟาดหางไปทั่วแบบนี้ โวยวาย อาละวาดไปทั่วเลยนะ รู้จักความคุมอารมณ์ให้เหมือนสุภาพสตรีหน่อยสิ แบบนี้หนุ่มๆ หนีหมดแน่นอน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยจอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. จอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยจอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการจอดเรือหรือขี่ม้า ถ้าไม่ตรวจดูท่าจอดให้แน่นอน หรือไม่ดูหนทางที่จะขี่ม้าไปว่าจะเหมาะหรือไม่ ผลเสียหายก็ย่อมเกิดขึ้นได้

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การจะทำอะไรต้องพิจารณาให้ดี คิดให้รอบคอบก่อนลงมือทำ จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาด

สำนวนนี้มักจะใช้เตือนการกระทำที่ขาดความละเอียด รอบคอบ ไม่คิดพิจารณาให้เสียก่อน จึงทำให้เกิดปัญหา เกิดความเดือดร้อนตามมา เหมือนการจอดเรือ ถ้าไม่จอดให้ตรงท่า จะขึ้นเรือ ลงเรือ ก็จะลำบาก และการขี่ม้า (หรือรถในสมัยนี้) ไม่ดูทางก็อาจเกิดอันตรายได้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยจอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตจอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง

  • ฉันเตือนเธอแล้วว่าจะทำอะไรอย่าใช้อารมณ์ คิดให้รอบคอบ จอดเรือดูท่า ขี่ม้าดูทาง สุดท้ายคนอื่นต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
  • การเป็นคนไม่ระวัง ชอบทำอะไรโดยไม่วางแผน เป็นคนประเภท จอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง มักจะทำให้ตัวเองหรือผู้อื่นเดือดร้อน บางคนขับรถไปจอดบนทางรถไฟ ทำให้รถติดบนทางรถไฟ ต้องช่วยกันยกออกมา
  • ก่อนจะลงทุนทำอะไรก็หาข้อมูล พิจารณาให้ดีเสียก่อนนะ ไม่ใช่เห่อทำตามกระแส เข้าทำนองจอดเรือดูท่า ขี่ม้าดูทาง
  • ลูกชายคนเล็กถูกแม่เลี้ยงแบบตามใจ จึงเสียคน จึงกลายเป็นคนประเภท จอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้อไม่ดูทาง ทำจะสร้างปัญหาเดือดร้อน ให้ครอบครัวต้องตามแก้ปัญหาอยู่บ่อยๆ เพราะการกระทำที่ไม่รู้จักคิดให้รอบคอบ ใจร้อน วู่วาม ไม่มีความระมัดระวัง
  • ทุกก้าวของชีวิตอย่าประมาทแม้ในเรื่องเล็กน้อย หรือเรื่องที่ถนัด ดั่งคนโบราณสอนไว้จอดเรือไม่ดู ขี่ม้าไม่ดูทาง ทำให้ชีวิตลำบากขึ้น เดือดร้อนเองอย่างแน่อน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยจับดำถลำแดง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. จับดำถลำแดง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยจับดำถลำแดง

ที่มาของสำนวน มาจากการคัดเลือกทหารที่ต้องการจำนวนจำกัด แต่มีผู้มาคัดเลือกเกินจำนวนที่ต้องการ จึงมีการจับใบดำใบแดงเป็นการเสี่ยงดวง ถ้าจับได้ใบดำแสดงว่าไม่ได้ถูกคัดเลือกเป็นทหาร แต่ถ้าผู้ใดจับได้ใบแดงก็แสดงว่าถูกคัดเกณฑ์เข้าเป็นทหาร

การเป็นทหารมันเหนื่อย มันลำบาก ผู้ที่จับฉลากก็หมายมั่นปั้นมือว่าอยากจะได้ใบดำกันทุกคน แต่ถ้าเผอิญไปได้ใบแดงก็ถือว่าซวยสุดๆ ก็เลยมีที่มาของสำนวจับใบดำถลำไปได้ใบแดงเฉยนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ มุ่งอย่างหนึ่งไปได้อีกอย่างหนึ่ง หรือมุ่งอย่างหนึ่งกลายไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง

กล่าวคือ เมื่อบุคคลเรามุ่งหวังสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ จึงลงมือกระทำเพื่อให้ได้มาตามที่ตนเองต้องการ แต่ผลรับที่ได้มากลับกลายไปเป็นอย่างอื่น ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของตน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยจับดำถลำแดง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตจับดำถลำแดง

  • โคตรจะซวย!!! หนุ่มเชียงใหม่ถูกหวย แต่กลับดูผิด ซื้องวดที่แล้ว จึงไม่สามารถขึ้นเงินรางวัลได้ นี่แหละจับถลำแดงของแท้
  • ก่อนจะซื้อรถมือสองฉันก็หาข้อมูลมาเป็นอย่างดี ทดสอบสมรรถนะตรวจสอบทุกอย่าง แต่กลายเป็นจับดำถลำแดง ได้รถมีปัญหาจนได้
  • เกณฑ์ทหารรอบนี้ข้าบนมาอย่างดี สุดท้ายก็จับดำถลำแดง ได้เป็นทหารแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่เลย แต่ทำยังไงได้ เมื่อดวงมันมาทางนี้ ข้าก็ต้องยอมรับสภาพ
  • คุณแม่บ่นเพราะไปตลาดตั้งใจจะไปซื้อเป็ดย่าง แต่หาไม่ได้เลยจับดำถลำแดง สุดท้ายได้เป็ดพะโล้มาแทน
  • อยากเป็นนักลงทุน สุดท้ายเป็นแค่ผีพนัน จับดำถลำแดง เข้าตลาดหุ้นเพราะอยากรวย สุดท้ายได้มาเยอะ ก็เอาคืนตลาดหมด นี่แหละความโลภของคน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยจับตัววางตาย ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. จับตัววางตาย

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยจับตัววางตาย

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการจับตัวหมากรุก ตัวใดตัวหนึ่งเดินไปตาใดตาหนึ่งแล้ววางลง เมื่อวางลงแล้ว จะเปลี่ยนมาจับตัวอื่นเดินอีกไม่ได้ ที่มาของสำนวนนี้มาจากภาษาพูดที่ใช้เป็นข้อกำหนด หรือกติกาในการเล่นหมากรุก โดยได้ตกลงกันว่าจะต้องเล่นแบบจับตัววางตาย

ถ้าผู้เล่นจับหมากตัวไหน ก็ต้องเดินหมากตัวนั้น และเมื่อวางลงเดินไปตาไหน ก็ให้ถือว่าเดินไปตานั้นเป็นที่แน่นอนจะเปลี่ยนแปลงไปเดินตาอื่น หรือ เปลี่ยนไปเดินตัวอื่นใหม่อีกไม่ได้

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ กำหนดลงไปแน่นอนไม่มีเปลี่ยนแปลง ต้องเป็นไปตามนั้น

กล่าวคือ  การกําหนดตัวบุคคลให้ประจําหน้าที่โดยเฉพาะวางตัวบุคคลให้ทำงานชิ้นใดชิ้นนึงอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยจับตัววางตาย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตจับตัววางตาย

  • ผู้กำกับชื่อดังได้จับตัววางตายให้ “มาริโอ้” เป็นพระเอกในภาพยนต์เรื่องใหม่ที่จะเปิดกล้องถ่ายทำในเร็วๆ นี้
  • การจะขึ้นเป็นผู้นำผู้ถูกเลือกมักจะถูกจับตัววางตาย ผู้ถูกเลือกต้องมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมที่ไม่เหมือนใคร เพราะการเป็นผู้นำมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
  • การแข่งขันเทควันโด้ชิงแชมป์ประเทศไทย โค้ชได้จับตัววางตายไว้แล้วว่าจะให้ใครเป็นตัวแทนไปแข่งขัน เธอหมดหวังแล้วหล่ะ
  • การจับตัววางตายเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ใครจะไปคิดว่าการตีฝ่าวงล้อม และเดินเกมของเบี้ยตัวหนึ่งที่จะเติบโตขึ้นเป็นขุนนางนั้น จะเป็นการฟลุ๊คไป
  • มาแรงแซงทุกอันดับ นายพลไททัส ได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นใในการขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแบบจับตัววางตาย จากการโหวตของสหพันธ์

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube