สุภาษิตคำพังเพยปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ป. ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการที่จะสร้างบ้าน ผู้สร้างบ้านต้องถามความต้องการของผู้ที่จะอยู่อาศัยเป็นสำคัญ โดยใช้ความคิดของผู้ก่อสร้างเป็นเป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้นแต่การตัดสินใจควรเป็นผู้ที่อาศัย เช่น ชอบบ้านทรงแบบไหน ต้องการกี่ห้อง ฯลฯ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การกระทำการใดให้ใครต้องถามความต้องการ หรือความสมัครใจของผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์ และผลกระทบโดยตรง

กล่าวคือ เวลาจะทำอะไรให้ผู้อื่นนั้น ก็ต้องถามความต้องการ หรือความเห็นชอบจากผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงเสียก่อน อย่าเอาแต่ความคิดของผู้ทำเป็นหลักในการตัดสินใจ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน

  • แม่ก็เป็นเพียงคนแนะนำ ให้คำปรึกษา จะไปบังคับให้ลูกแต่งงานกับคนที่ลูกไม่ได้รักได้อย่างไร โบราณเขาว่าปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน
  • สมัยนี้หรือสมัยไหนเวลาสร้างบ้านต้องปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน หากกล่าวตามสภาพเศรษฐกิจ สังคม และ การเมืองในปัจจุบันแล้ว การมีบ้านที่สวยงาม ก่อสร้างได้ถูกต้องตามความพึงพอใจของเจ้าของบ้านทุกประการสักหลังนั้น คงสามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะกับบุคคลที่มีปัจจัยในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนครบถ้วน นั่นคือ มีที่ดินเป็นของตัวเอง มีทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม มีงบประมาณในการก่อสร้างที่เพียงพอสามารถใช้เป็นค่าใช้จ่ายได้ตามความต้องการทุกประการ
  • พ่อของสมชายเป็นช่างก่อสร้าง เขาต้องการสร้างบ้านให้กับลูกของเขา ก่อนออกแบบบ้าน เขาได้ไปสอบถามความต้อมการของสมชายก่อนว่าต้องการบ้านแบบไหน กี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ ต้องการที่จอดรถด้วยหรือไม่ กรณีนี้ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน
  • ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน นิยมใช้เพื่อสอนว่า เราควรตามใจผู้ที่ต้องรับหรือเป็นเจ้าของใหม่ ให้เขาได้เลือกของสิ่งนั้นๆ เอง เช่น การให้ลูกเลือกคู่ครองเอง การให้เขาเลือกรถยนต์รุ่นและสีที่ชอบเอง และ ห้ลูกหลานได้เลือกบ้านหลังใหม่ซึ่งเขาจะต้องอยู่ด้วยตัวเอง
  • การทำอะไรตามใจผู้รับ มักจะทำให้ผู้รับ รู้สึกดี รู้สึก มีความสุขกับสิ่งที่ได้รับ ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ผูกอู่ตามใจผู้นอน ผู้รับต้องการแบบใด ก็ทำให้แบบนั้น ก็จะมีความสุขทั้งสองฝ่ายทั้งผู้ให้และผู้รับ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ บ. บ่นเป็นหมีกินผึ้ง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยบ่นเป็นหมีกินผึ้ง

ที่มาของสำนวน มาจากธรรมชาติของหมีจะชอบกินผึ้ง โดยมันจะกินทั้งรังผึ้ง น้ำผึ้งและตัวอ่อนของผึ้ง เวลากินจะทำเสียงงึมงำ จึงนำมาเปรียบกับคนบ่นอุบอิบพึมพำ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ อาการของคนที่บ่นพึมพัมไปเรื่อย บ่นได้ทุกเรื่อง บ่นได้ทุกที่ เห็นอะไรก็บ่นไปหมดจนน่ารำคาญ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยบ่นเป็นหมีกินผึ้ง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตบ่นเป็นหมีกินผึ้ง

  • เบื่อเพื่อนที่แม่งชอบบ่น บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ชีวิตมีแต่ปัญหาขี้หงุดหงิดที่รำคาญบ่น ได้ทุกเรื่อง ได้กับทุกคนที่ คบค้าสมาคมด้วยคนแบบนี้เป็นคนที่น่ารำคาญมาก
  • เขาถึงกับบ่นเป็นหมีกินผึ้งเพียงแค่มีคนไปทำหนังสือเล่มโปรดที่เขาหวงมีรอยยับเพียงนิดเดียว
  • ผลการเรียนของฉันภาคเรียนนี้ไม่สู้จะดีนัก แม่ฉันบ่นพึมเป็นหมีกินผึ้งเลย โดนบ่นจนหูชาหมดแล้ว
  • พ่อชอบบ่นเรากับพี่ เป็นหมีกินผึ้งเลย เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วเจอมาสภาพบ้านที่เละเทะ เกะกะ ไม่มีความเป็นระเบียบ
  • ถ้าคุณจะบ่นเป็ยหมีกินผึ้งแบบนี้ ก็ไปบ่นคนเดียวไกลๆ เลย นอกบ้านนู้น ผมต้องการความสงบในการใช้ชีวิต และการทำงาน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยปลูกเรือนผิด คิดจนเรือนทลาย ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ป. ปลูกเรือนผิด คิดจนเรือนทลาย

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยปลูกเรือนผิด คิดจนเรือนทลาย

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการสร้างบ้านสักหลังหนึ่ง หากไม่มีการวางแผนอย่างรอบคอบ หรือวางเสาและคานไม่ได้ตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว ไม่เลือกที่ดินในที่เหมาะสม เมื่อปลูกไปแล้วท้ายที่สุดบ้านอาจเกิดการเสียหายได้

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การลงมือกระทำการใดลงไป โดยไม่คิดพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบตั้งแต่แรก จะทำให้ได้รับความเสียหายอย่างหนักในภายหลัง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยปลูกเรือนผิด คิดจนเรือนทลาย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตปลูกเรือนผิด คิดจนเรือนทลาย

  • เหนื่อยใจกับผู้รับเหมาชุดนี้จริงๆ พูดดิบ พูดดี ว่างานดี สำเร็จเรียบแล้วแน่นอน สุดท้ายพังหมด นี่แหละปลูกเรือนผิด คิดจนเรือนทลาย ไม่ดูให้ดีก่อนตัดสินใจจ้าง
  • นี่แหละปลูกเรือนผิด คิดจนเรือนทลาย เธอไม่น่าไปเป็นคนค้ำประกันเงินกู้ให้เขาเลยเพราะสุดท้ายเขาก็ทิ้งความเดือนร้อนไว้ให้เธอ
  • บ่อยครั้งนักเล่นหุ้นมือใหม่มักจะซื้อหุ้นตามผู้อื่น โดยก่อนซื้อไม่ได้วิเคราะห์ด้วยตนเองให้ดีเสียก่อน ซึ่งส่งผลให้เกิดการขาดทุนจนหมดเนื้อหมดตัวได้ ดังสำนวนสุภาษิตที่ว่า ปลูกเรือนผิดคิดจนเรือนทลาย
  • ปลูกเรือนผิด คิดจนเรือนทลาย หากเป็น การประกอบธุรกิจการค้า การลงทุน ก็อาจขาดทุน เจ๊ง ม้วนเสื่อกลับบ้าน แถมยังมี “เจ้าหนี้ – ลูกหนี้” ติดตามกวนใจ ไม่ขาดสาย (อีกต่างหาก) จนอาจไม่ต้องทำมาหากิน
  • ฉันทำผิดพลาดที่ไว้ใจให้เขาเป็นผู้บริหารกิจการนี้ สุดท้ายโดนเขาโกงเงินไปจนไม่เหลืออะไรเลย ปลูกเรือนผิดคิดจนเรือนทลายจริงๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยบ่นออดเป็นมอดกัดไม้ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ บ. บ่นออดเป็นมอดกัดไม้

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยบ่นออดเป็นมอดกัดไม้

ที่มาของสำนวน มาจากมอดเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ ที่เกิดในเนื้อไม้ และกัดกินเนื้อไม้ เช่น เสาเรือน ฝาเรือน ขณะกัดกินเนื้อไม้ได้ยินเสียงออดๆ จึงเอาเสียงที่เกิดจากมอดกัดไม้มาเปรียบ พูดว่าบ่นเป็นมอดกัดไม้

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนบ่นเสียงเบา บ่นพึมพำเสียงอยู่แค่ริมปาก ดังออดแอดๆ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยบ่นออดเป็นมอดกัดไม้

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตบ่นออดเป็นมอดกัดไม้

  • นี่คุณบ่นอะไรของคุณ บ่นออดเป็นมอดกัดไม้อยู่คนเดียว คุยกับใครคุยกับคนหรือบ่นกับผี!?
  • เขาและครอบครัวได้วางโปรแกรมไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันในอาทิตย์หน้า แต่บังเอิญบริษัทมีงานสำคัญทำให้เขาต้องพลาด อดไปเที่ยวกับครอบครัว ก็เลยได้แต่บ่นออดเป็นมอดกัดไม้ไม่หยุด
  • ทำการทำงานอย่าบ่นออดเป็นมอดกัดไม้ นอกจากจะสร้างพลังงานลบให้ผู้อื่นแล้ว ยังสร้างให้ตนเองอีกด้วย ถ้าทำงานไม่มีความสุขแล้วจะมีแรงทำไหม?
  • เป็นผู้ชายเสียเปล่าฉันแค่ขอแรงช่วยขนของย้ายบ้านนิดหน่อย ก็บ่นออดเป็นมอดกัดไม้เสียแล้ว
  • ถ้ายังบ่นออดเป็นมอดกัดไม้อยู่แบบนี้ ก็เชิญบ่นคนเดียว แต่ไปบ่นไกลๆ หน่อย รำคาญ นึกว่าได้ยินเสียผีบ่น!!!

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยบ้านแตกสาแหรกขาด ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ บ. บ้านแตกสาแหรกขาด

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยบ้านแตกสาแหรกขาด

ที่มาของสำนวน บ้านแตก คือ การที่ครอบครัวต้องแตกแยกกัน สาแหรก คือ เครื่องใส่ของสำหรับหิ้ว หรือหาบ ทำด้วยหวายถัก มีสี่สาย ตอนบนทำเป็นหูสำหรับหิ้ว หรือสอดไม้คาน ตอนล่างขัดกันเป็นสี่ หรือหกเหลี่ยมสำหรับวางกระจาด การที่สาแหรกไม่สามารถนำสิ่งของที่ใส่สองสาแหรกหาบไปพร้อมๆ กันได้ เพราะสายสาแหรกมันขาดซะแล้ว โบราณจึงนำสองประโยคมารวมเพื่อให้คล้องจองกัน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัว หรือในบ้านเมืองอย่างร้ายแรง ถึงทําให้ต้องกระจัดกระจายพลัดพรากกัน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยบ้านแตกสาแหรกขาด

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตบ้านแตกสาแหรกขาด

  • ตระกูลนี้มีปัญหาเรื่องแย่งชิงมรดก พี่น้องต่างก็ทะเลาะกันเรื่องมรดก จนถึงกับบ้านแตกสาแหรกขาดกันเลยทีเดียว
  • นักธุรกิจหนุ่มร้อยล้านกำลังเล่าประวัติของตนเองว่าชีวิตตอนเด็กๆเขามาจากครอบครัวที่บ้านแตกสาแหรกขาดกว่าจะมีทุกวันนี้ได้เขาต้องใช้ความพยายาม ดิ้นรนเป็นอย่างมาก
  • สภาวะบ้านแตกสาแหรกขาดอาจจะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่อาจจะคาดคิดได้ อาทิเช่น สามีภรรยาเกิดทะเลาะวิวาทกันจนถึงกับต้องหย่าร้างกัน ทำให้ลูกจะต้องเกิดการพลัดพรากจากพ่อ หรือแม่  สภาวะเกิดศึกสงคราม หรือเกิดอุบัติภัยทางธรรมชาติที่ร้ายแรงเกิดขึ้น ทำให้เกิดการพลัดพรากจากกัน
  • ครอบครัวนี้เคยมีปัญหาเรื่องแย่งชิงมรดก พี่น้องต่างก็วางแผนเพื่อเอาทรัพย์สมบัติทะเลาะกันจนถึงขนาดบ้านแตกสาแหรกขาดกันทีเดียว
  • บ้านแตกสาแหรกขาด แปลว่า สภาพที่ต้องกระจัดกระจายพลัดพรากกัน เพราะเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงขึ้นในครอบครัวหรือในบ้านเมือง พอมาเปลี่ยนเป็นวัยแสบสาแหรกขาด ก็แปลตรงตัวเลยค่ะว่า วัยที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ และมีปัญหา เกิดเหตุการณ์เลวร้ายในครอบครัวนั่นเอง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยปลาตกน้ำตัวโต ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ป. ปลาตกน้ำตัวโต

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยปลาตกน้ำตัวโต

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการที่เผลอทำปลาหลุดตกน้ำ แล้วปลาว่ายหนีหายไป จะรู้สึกเสียดาย แล้วมักบ่นว่าปลาที่ตกน้ำไปนั้นตัวใหญ่ ทั้ง ๆที่คนทำตกยังไม่ทันได้สังเกตขนาดของปลาเลย

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ สิ่งที่เสียหรือสูญหายไปมักดูมีค่ามากเกินความเป็นจริง กล่าวคือ การสูญเสียสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปเพียงเล็กน้อย แต่กลับบอกว่าสิ่งของนั้นมีมูลค่ามาก ทำให้ของนั้นดูมีค่าเกินกว่าความเป็นจริง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยปลาตกน้ำตัวโต

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตปลาตกน้ำตัวโต

  • ปลาตกน้ำตัวโตชัดๆ เขามาบอกว่าถูกโจรขโมยนาฬิกาหรูราคาแพง แต่ที่ฉันเห็นเขาใส่อยู่ทุกวันมันก็เป็นนาฬิกาข้อมือทั่วๆไป
  • นักลงทุนในตลาดหุ้นเวลาได้กำลัง 10% จะดีใจในระดับหนึ่ง ในทางกลับกันหากเขาขาดทุน 10% มักคิดว่าเป็นการขาดทุนที่ร้ายแรงมาก ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า ปลาตกน้ำตัวโต
  • ดาราชื่อดังออกมาขอความเห็นใจให้ข่าวว่ามีโจรยกเค้าที่บ้าน สูญเสียทรัพย์สินไปหลายสิบล้านเครื่องเพชรหายไปหลายชุด ไม่รู้ว่าจะเป็นปลาตกน้ำตัวโตหรือเปล่า
  • ของมันเสียไปแล้วไม่ต้องไปเสียดายมันหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ก็เหมือนปลาตกน้ำตัวโตแหละ
  • การเสียคนรัก ไม่ใช่เรื่องใหญ่ปลาตกน้ำตัวโตหรอก แค่เห็นไม่ค่าของเรา ก็ควรปล่อยเขาไป มาพัฒนาตัวเอง เดียวคนดีๆ ที่คล้ายกับเราก็ดึงดูดมาเอง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยปากชักเป็นยนต์ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ป. ปากชักเป็นยนต์

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยปากชักเป็นยนต์

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการเอาปากไปติดเครื่องยนต์ เครื่องยนต์สามารถทำงานอย่างต่อเนื่อง ชักขึ้นชักลงของลูกสูบ ทำให้สามารถพูดได้ไม่หยุดไม่หย่อน

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การพูดว่ากล่าวสั่งสอน ตักเตือนไม่รู้จักหยุดหย่อน เช่น เวลาพ่อแม่สั่งสอนลูก บ่นให้ลูกไม่หยุด

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยปากชักเป็นยนต์

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตปากชักเป็นยนต์

  • โธ่ แม่เลิกบ่นผมปากชักเป็นยนต์ได้แล้ว แค่เข้าบ้านดึกวันเดียว ทุกทีก็ไม่ได้ไปไหนไกล ผมโตแล้วนะแม่
  • เห็นคุณลุงแกนิ่งๆ เงียบๆแบบนี้ อย่าให้มีโอกาสนะพูดเป็นปากชักยนต์จนทุกคนเอือมระอา
  • การที่ผู้ปกครองสั่งสอนเรา จนปากชักเป็นยนต์ เพราะเขาหวังดี เป็นห่วงเรา แต่บางทีมากเกินพอดี ก็สร้างความรำคาญ และเราก็ไม่รับฟังได้ เพราะฉะนั้น ฟังๆ แก เออออ ตามไปเถอะ
  • ปกติเขาก็ไม่ชอบขี้หน้าผมอยู่แล้ว พอผมทำงานพลาดเข้าหน่อยก็เลยได้โอกาสว่าซ้ำเติมผมปากเป็นชักยนต์ไม่หยุดเลย
  • ที่ฉันต้องบ่นคุณจนปากชักเป็นยนต์แบบนี้ ก็เพราะคุณทำตัวเละเทะ กลับบ้านเมา ตลอด ฉันต้องลำบากตามเช็ดอ้วกให้ คราวหน้าถ้ายังทำอีก จะให้นอนนอกบ้าน!

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยตลบนกบนเวหา ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ตลบนกบนเวหา

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยตลบนกบนเวหา

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นนก การที่นกบินขึ้นสูงก็หมายถึงความไว้ใจที่มีให้มาก สุดท้ายโดนตลบหลัง ปีกหัก ร่วงโรยลงมา จึงเปรียบว่าแกล้งตีสนิท ทำดี จนไว้ใจ แล้วตลบหลัง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การพูดจาหลอกลวงพลิกแพลงให้ผู้อื่นหลงเชื่อ เพื่อหาประโยชน์ใส่ตนเอง กล่าวคือ แกล้งตีสนิทแล้วหักหลัง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยตลบนกบนเวหา

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตตลบนกบนเวหา

  • คนบางคนต้องระวังให้ดี ตีสนิทเพื่อประโยชน์ส่วนตน แล้วเชดหัวเราทิ้งอย่างไม่ใยดี เหมือนตลบนกบนเวหา อย่าเสียเวลากับคนแบบนี้
  • อย่าไปไว้ใจเขานักเลย คนอย่างเขาสามารถตลบนกบนเวหา พูดจาโกหกพลิกแพลง เพื่อเอาตัวรอดได้เสมอแหละ
  • คนที่ติดอบายมุข จะมีปัญหาเงินไม่พอจับจ่ายใช้สอยอยู่เสมอ จึงจำเป็นต้องแก้ร้อนด้วยการกล่าววจีทุจริต เพื่อความอยู่รอดของตนเอง บางครั้งอาจพูดโกหกหลอกลวงเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า บางครั้งอาจใช้คำพูดพลิกแพลง ปอกลอก เพื่อเอาเปรียบผู้อื่น และเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตน โดยสรุปก็คือ พูดจาเชื่อถือไม่ได้ มีพฤติกรรมเข้าทำนองตลบนกบนเวหานั่นเอง
  • ไม่นึกเลยว่าคนหน้าตาซื่อๆ ไม่มีพิษมีภัยอย่างเขาจะเป็นพวกตบนกบนเวหา พูดจาตลบตะแลงจนคนอื่นๆหลงเชื่อได้
  • “ตาข่ายขว้างกางตลบสยบนก ให้ร่วงตกกลางหาวพริ้งพราวยิ่ง ต้องพลิกแพลงฝีมือถืออ้างอิง นับเป็นสิ่งยากนักหากกระทำ สำนวนเทียบเปรียบถ้อยคนร้อยลิ้น พลิกไม่สิ้นวาจาคราพูดพร่ำ ตลบแตลงชวนเชื่อร้ายเหลือล้ำ ทุกข่ายคำดังคล้าย… ขว้างข่ายกล ฯ” หมู มยุรธุชบูรพา

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน

ที่มาของสำนวน มาจากการที่จะตีเหล็กต้องตีเมื่อความร้อนถึงจุดหนึ่งจนแดงจัด เป็นจังหวะที่สามารถตีให้เข้ารูปได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีที่ติ และการกินแกง ควรกินเมื่อตอนมันยังร้อน เพราะเป็นช่วงเวลาที่อร่อยที่สุด

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คิดจะทำการใดต้องทำให้ถูกจังหวะ เหมาะสมแก่เวลาและโอกาสจะทำให้ได้ผลดี

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน

  • สำนวนนี้มักจะใช้สอนในเรื่องการทำงาน ทำการใดๆ หากมีโอกาสดีๆ เข้ามา จะต้องรีบคว้าไว้ก่อน รีบหาทางตักตวงผลประโยชน์ ตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน เพราะเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ก็มักจะไม่สามารถหาประโยชน์กับสิ่งนั้นได้อีกเลย
  • ตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน ตอนนี้กระแสหนังผีกำลังจะมา คนหันมานิยมดูหนังผีกันมากขึ้นเราควรจะผลิตหนังผีออกมาเพื่อรองรับตลาดนะครับ
  • โอกาศดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตของเคนเรานั้น ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย นัก ตีเหล็กตอนร้อน หากมีโอกาสดีที่เป็นประโยชน์กับเราก็ต้องรีบลงมือทำ อย่าให้เสียโอกาสดีๆ นั้นไป
  • ตอนนี้ราคาทองกำลังลงหากจะซื้อไว้ทำกำไรในภายภาคหน้าก็รีบๆ ซื้อก่อนที่ราคาทองจะสูงขึ้น อย่างที่เขาว่าตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน
  • การจะซื้อหุ้นไม่ได้ซื้อได้ทุกจังหวะ ควรประเมินมูลค่า และซื้อตอนที่มันถูกเสมอ อาศัยการรอจังหวะเก็บของถูก ดั่งตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน รับรองไม่มีขาดทุน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง

ที่มาของสำนวน มาจากภาษิตปักษ์ใต้ การทำสวนมะพร้าวหรือสวนยางก็อาจเลี้ยงชีวิตได้เหมือนกัน โดยสวนมะพร้าวไม่จำเป็นต้องตื่นแต่เช้าตรู่ จัดแจงเวลาใดก็ได้ตามความเหมาะสม แต่สวนยางจะต้องตื่นตั้งแต่ยังไม่สว่างเพื่อออกไปกรีดยาง เพราะถ้าสายๆ น้ำยางจะหยุด

ใครจะเลือกสร้างสวนยางหรือสวนมะพร้าว ก็ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยของตัวเอง โดยพิจารณาตัวเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน และเลือกปฏิบัติไปตามที่เห็นเหมาะสม

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การจะทำงานหรือเลือกประกอบอาชีพใด ควรเลือกทำให้สิ่งที่เหมาะสมกับอุปนิสัยใจคอของตนเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง

  • การจะทำอะไรต้องรู้จริตตัวเอง สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ ถ้าทำในสิ่งที่ไม่ชอบแต่ให้จะดีแค่ไหนก็ทำได้ไม่ได้ ดั่งภาษิตที่ว่าตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง
  • ฉันว่าเธอไม่เหมาะที่จะทำงานเกี่ยวกับบัญชีเลยนะ อย่างเธอช่างพูดช่างคุยชอบเดินทางเหมาะที่จะไปทำงานเป็นพนักงานขายมากกว่า อย่างที่โบราณว่าตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนอย่างไง
  • สายอาชีพนั้นมีหลากหลาย แต่ละคนมีความถนัดไม่เหมือนใคร การเลือกอาชีพให้เหมาะสมกับตัวเองนั้นสำคัญ เหมือนสำนวนตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง เลือกให้ดี แล้วชีวิตการทำงานจะมีความสุข
  • ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง ตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว สอนคนให้รู้จักตัวเอง ให้รู้จักสิ่งที่ตนเองภนัด และชอบ แล้วทำมันสร้างประโยชน์ให้โลก ให้คนอื่น เป็นภาษิตเรียบง่ายแต่ทรงพลัง
  • โลกของธุรกิจมีธุรกิจหลากหลายประเภท เรื่องทำในสิ่งที่ตนเข้าใจ ถนัด และชอบ เหมือนตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง ยังไงก็ไม่มีเจ๊ง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube