Category: สำนวนสุภาษิตคำพังเพย

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ห. เอาทองไปรู่กระเบื้อง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเอาทองไปรู่กระเบื้อง

ที่มาของสำนวน สมัยก่อนคือการเอาทองคำ (ซึ่งมีค่า) ไป “รู่” (ก็คือการเอาทองนั้นไปขีดเหมือนฝนแต่ถ้าฝนต้องหลายทีส่วนรู่คือทีหรือสองที) กับกระเบื้องซึ่งราคาแตกต่างกันมากๆ ทำให้ทองเสียรูปเสียทรงหรือเป็นริ้วรอยเป็นตำหนิ เสียราคาไป

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การลดตัวไปทะเลาะ โต้ตอบกับคนพาล คนที่มีฐานะต่ำกว่า เป็นการกระทำที่ไม่สมควร มีแต่จะเสียศักดิ์ศรี

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเอาทองไปรู่กระเบื้อง

• คนใช้รถสมัยนี้มีแต่คนใจร้อน เห็นแก่ตัว คุณควรใจเย็นๆนะ อย่าเอาทองไปรู่กระเบื้อง มีเรื่องกับกับคนขับรถแบบนี้เลย จะมีแต่เสียกับเสีย
• พ่อแม่สอนไม่ให้ไปพูดจาตอบโต้กับคนที่มีนิสัยไม่ดี หรือ คนพาล เพราะมันจะเปลืองเนื้อเปลืองตัวเราฝ่ายเดียว อุปมาเสมือนดั่งว่า เราเอาทองไปรู่กระเบื้อง ทองก็มีแต่จะสึกหรอไปฝ่ายเดียว เพราะกระเบื้องมีความแข็งแรง และเนื้อหยาบ
• ไปมีเรื่องทะเลาะกับอันธพาล นี่เธอเอาทองไปรู่กระเบื้องชัดๆ ก็รู้ว่าคนพวกนี้เป็นอย่างไร ยังจะลดตัวลงไปยุ่งกับเขาอีก
• เกร็ดความรู้เอาทองไปรู่กระเบื้อง สมัยโบราณไม่มีเครื่องมือที่จะตรวจสอบคุณภาพทองคำ สมัยโบราณพ่อค้าทองจะมีหินสีดำเล้กๆ ติดตัวไปเวลาจะซื้อจะขายทองกัน พ่อค้าก็จะเอาทองนั้นมาของขีดที่หินที่ติดตัวไป (เป็นเส้นเล็กๆ เพื่อดูเนื้อทอง) แล้วตกลงราคากัน ทีนี้รอยขีดนั้นเป็นเส้น เลยกลายมาเป็นชื่อเรียกเครื่องหมายในภาษาไทยว่า ฝนทอง
• จำไว้นะลูก คนที่เติบโตแล้ว ใจเย็น นิ่ง และประสบความสำเร็จ ไม่เคยลดตัวไปยุ่งกับพวกขี้ยา เสเพล เด็ดขาด มันไม่มีทางที่คนดีๆ จะเอาทองไปรู่กระเบื้อง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ห. หมองูตายเพราะงู

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยหมองูตายเพราะงู

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงหมองูถึงจะผู้ที่ชำนาญในการเอางูเห่ามาเลี้ยงเป็นอาชีพก็อาจถูกงูเห่ากัดตายเพราะความประมาทได้

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ผู้ที่มีความชำนาญมีความสามารถในสิ่งใดก็ตาม ถ้าหากมีความประมาทก็อาจเกิดเหตุพลาดพลั้งถึงตายได้

สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เก่งในเรื่องใด มีความชำนาญในเรื่องใด ก็มักจะได้รับอันตราย อุบัติเหตุหรือบาดเจ็บหรือได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องนั้น เรื่องแบบนี้ก็เป็นปกติธรรมดาทั่วไปต่อให้ เก่งแค่ไหนก็มีโอกาสผิดพลาด เพราะความเป็นมนุษย์ของเรา หรือแม้แต่ธรรมชาติไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตหมองูตายเพราะงู

• เห็นข่าวพนักงานการไฟฟ้าถูกไฟดูดตาย ระหว่างปฏิบัติงาน เพราะไม่ได้สวมชุดป้องกัน หมองูตายเพราะงูแท้ๆ คิดว่าตัวเองเชี่ยวชาญแต่ก็พลาดจนได้
• เมื่อต้องทำสิ่งใดหรือศึกษาในเรื่องใดเป็นเวลานานๆ แม้จะมีความรู้ ความเฃี่ยวชาญ แต่ก็อาจเกิดความผิดพลาดจนได้รับ อันตราย เข้าทำนอง หมองูตายเพราะงู คนเก่งเรื่องใดก็มักจะได้รับอันตรายจากเรื่องนั้นเป็นธรรมดา แม้จะไม่ประมาทก็ตาม
• จริงๆ แล้วคุณสมชายเป็นนักวางแผน ผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน ซึ่งทำให้เขาสามารถบริหารเงินให้เกิดรายได้เป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายก็พลาดท่าเพราะเรื่องเงินเพราะความโลภ ประมาณคิดว่าตนเองแน่ อย่างที่เขาว่าหมองูตายเพราะงู
• หมองู ภาพหมองูโพกหัว กำลังเป่าปี่เรียกงูจงอางให้โผล่ขึ้นมาจากตะกร้าสาน โยกย้ายส่ายลำตัวไปมาตามเสียงเพลง แทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติอินเดียไปแล้ว แต่ภาพลักษณ์นี้กำลังจะเป็นอดีต หมองูกำลังจะสูญพันธุ์ หมองูอาจไม่ได้ตายเพราะงูซะอย่างเดียว แต่ตายเพราะรัฐบาล
• อยู่ในตลาดหุ้นไม่ว่าจะเก่ง จะเซียนขนาดไหน ก็สามารถตกต่ำได้เมื่อตลาดแย่ ไม่มีใครสามารถคุมตลาดได้ ได้จากตลาดเยอะ ตลาดก็เอาคืนได้เช่นกัน นี่แหละเหมือนดั่งหมองูตายเพราะงู

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ล. เล่นกับไฟ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเล่นกับไฟ

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงไฟมีพลังความร้อนและความอันตรายในตัวมันเองอยู่แล้ว การเข้าไปใกล้มากเกินไปหรือไปเล่นโดยไม่คิดอะไร ย่อมเสี่ยงต่อชีวิต

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ลองดีเสี่ยงกับสิ่งที่รู้ว่าจะเป็นอันตราย หรือการทำอะไรที่อันตราย ทำอะไรที่เสี่ยงเป็นอย่างมาก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเล่นกับไฟ

• การสอนลูกๆ ให้อย่าเล่นไฟอาจจะไม่เพียงพอ ครูควรสอนให้พวกเขารู้ว่าต้องทำอะไรถ้าเสื้อผ้าติดไฟ ต้องหยุด นอนลง แล้วกลิ้งตัวให้ไฟดับ แล้วก็ต้องเรียนรู้ด้วยว่าต้องทำอย่างไรเวลาเห็นไฟลุกในบ้าน
• คุณกำลังเล่นกับไฟ ถ้าคิดจะขับรถเร็วเกินกำหนดโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
• เธอยังจะเข้าไปเล่นกับไฟ ทั้งๆที่รู้ว่าเขาไม่บริสุทธิใจ คิดวางแผนอยู่ตลอดเวลา ระวังจะเจ็บตัวนะ
• บางครั้งทีมเราก็ต้องเล่นกับไฟเพื่อให้ได้แต้มตัดสิน การแกล้งบาดเจ็บมันเสี่ยง แต่ก็อาจทำให้ได้เตะฟรีคิก
• เธอรู้หรือไม่ว่ากำลังเล่นกับไฟ เขาเป็นผู้มีอิทธิพลใครๆ ก็เกรงกลัว ไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย จะทำอะไรคิดให้ดีๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ล. ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

ที่มาของสำนวน โดยปกติลูกหรือผลของต้นไม้ต้นไหนเมื่อหล่นลงมา ก็จะหล่นใกล้ต้นไม้ต้นนั้น จีงใช้เป็นสำนวนเปรียบเปรยความคล้ายคลึงกันของผู้คนในครอบครัวเดียวกัน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ลูกย่อมไม่ต่างกับพ่อแม่มากนัก ครอบครัวเป็นอย่างไรลูกก็เป็นเช่นนั้น

นิยมใช้อธิบายว่าลูกนั้น เมื่อถูกอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ ก็ย่อมมีนิสัยหรือวิถีการดำเนินชีวิตไม่ต่างจากพ่อแม่ของตน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

• เด็กหนุ่มคนนี้เก่งเหมือนพ่อไม่มีผิดลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อเป็นผู้บุกเบิกบริษัท พอมารุ่นลูกเขาก็สามารถดำเนินกิจการของผู้เป็นพ่อจนเป็นที่รู้จักในต่างประเทศได้
• พ่อของพี่เก๋ เป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา ส่วนพี่เก๋ก็คล้ายกับคุณพ่อเลย ชาวบ้านจึงพูดกันว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ
• ตอนนี้บัวดำเป็นนักมวยที่มีชื่อเสียงมาก คนที่รู้จักพ่อของเขาซึ่งเป็นนักมวยชื่อดังในอดีต ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ
• เด็กคนนี้ลูกไม้หล่นไม่ไกล้ต้นจริงๆ พ่อของเขาเป็นนักแข่งรถชื่อดัง ลูกชายก็ยังจะมีแววเข้าวงการนี้อีกคน ชอบสนใจเรื่องรถ ความเร็วตั้งแต่เด็ก
• ลูกย่อมมีจะมีพ่อแม่เป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะความสำเร็จในเรื่องหน้าที่การงาน เหมือน ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อแม่ เก่งอย่างไร ลูกหลานก็เก่งเหมือนกัน เพราะยึดพ่อแม่เป็นต้นแบบ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. แมงเม่าบินเข้ากองไฟ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยแมงเม่าบินเข้ากองไฟ

ที่มาของสำนวน แมลงเม่ามีพฤติกรรมเคลื่อนที่เข้าหาแสง เพื่อให้สามารถอพยพถิ่นฐานได้ในเวลากลางคืน ตามธรรมชาติแล้วมันจะเคลื่อนที่ตามแสงดวงจันทร์ไปเรื่อยๆ จนเมื่อมันพบแสงจากกองไฟ หรือหลอดไฟที่สว่างกว่า จะทำให้พวกมันลังเล และคำนวณเส้นทางบินใหม่ จึงเกิดการพุ่งตัวเข้าไปหาแสงไฟเหล่านั้น จนเป็นที่มาของคำว่าแมลงเม่าบินเข้ากองไฟนั่นเองครับ ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่เข้าใจพฤติกรรมของแมลงเม่าอย่างชัดเจน แต่ที่เราสรุปได้แน่ๆ คือพวกแมลงเม่าไม่ได้ตั้งใจฆ่าตัวตาย แต่ไม่รู้ว่าแหล่งกำเนิดแสงนั้นจะทำให้พวกมันตายได้นั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่หลงสิ่งลวงตา คิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี แล้ววิ่งเข้าไปหาจนตัวเองได้รับอันตราย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตแมงเม่าบินเข้ากองไฟ

• การที่เราจะเข้าจะลงทุนอะไรสักอย่างนั้น หากไม่ศึกษาข็อมูลให้ดีเสียก่อนก็เหมือนกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ โดยเฉพาะตลาดหุ้น แล้วคริปโตเคอเรนซี่
• นายสมชายเห็นคนอื่นเขามีบัตรเครดิต ซื้ออะไรได้ตามอำเภอใจ ก็เลยอยากได้อยากมีเหมือนเขาบ้าง ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง สุดท้ายก็ต้องเป็นหนี้บัตรเครดิตก็คงไม่ต่างอะไรกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
• ตลาดเงินดิจิทัล แมลงเม่าบินเข้ากองไฟเยอะมาก ลงทุน “บิตคอยน์” ได้หลายเด้ง เจ็บหลายเท่า แนะนำนักลงทุนหน้าใหม่ศึกษาให้ดี
• “แมลงเม่า บินเข้ากองไฟ” เป็นสำนวนไทยที่เราคงได้ยินกันบ่อยๆ แต่ถ้าแมลงเม่าตัวเป็นๆ มาเล่นไฟในบ้าน อันนี้ไม่ใช่สำนวน แต่เป็นสัญญาณบอกว่า “ปลวก” ที่เป็นศัตรูร้ายของบ้าน กำลังหาทางบุกรุกเข้าทำลายโครงสร้างบ้านเรือนของคุณต่างหาก
• เล่นกับความรักก็เหมือนเล่นกับไฟ แต่ทุกคนก็อยากลองเล่นดู แม้จะรู้ว่ามันให้ทั้งความรู้สึกอบอุ่นและเจ็บปวดได้ในเวลาเดียวกัน ดั่งแมงเม่าบินเข้ากองไฟ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มือใครยาว สาวเอาสาวเอา

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยมือใครยาว สาวเอาสาวเอา

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยมือกับคนที่มีความเห็นแก่ตัว ที่แย่งของกันเปรียบกับใครที่รุมแย่งได้เร็วกว่า แขนยาวกว่าก็จะโกยประโยชน์ได้มากกว่า

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ต่างคนต่างรุมแย่ง เอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง โดยไม่นึกถึงคนอื่น คิดเอาแต่ได้โดยไม่สนใจวิธีการที่จะทำให้ได้มา

สำนวนนี้ใช้พูดถึงคนที่มี โอกาสเมื่อมีผลประโยชน์ต่างๆ เข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่มักจะกอบโกยเข้าตัวอย่างเต็มที่ เท่าที่จะสามารถทำได้ ด้วยความเห็นแก่ตัว

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตมือใครยาว สาวเอาสาวเอา

• ในโลกธุรกิจมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด บรรดาบริษัทน้อยใหญ่ต่างชิงดีชิงเด่นกัน มือใครยาวสาวได้สาวเอา ไม่สนใจอะไรให้ได้ผลประโยชน์เข้าตัวไว้ก่อน
• รัฐบาลเปิดน่านน้ำเปิดโอกาสให้ชาวประมงเข้าไปจับปลา ซึ่งทุกคนก็คิดว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอา หาวิธีกอบโกยที่จับปลาให้ได้มากที่สุด ทั้งจับปลาในฤดูวางไข่ ใช้แหตาถี่ หรือใช้ไฟฟ้าช๊อตปลาก็ตาม
• สังคมไทย เป็นสังคมแบบ ใครมือยาวสาวได้สาวเอา ต่างจากคนญี่ปุ่น ในช่วงที่เกิดวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพ เราอาจจะได้เห็น พฤติกรรมการยื้อแย่งอาหารกัน บางคนนั้นพยายามเอาให้มาที่สุดเท่าที่จะเอาได้ แต่คนญี่ปุ่นจะไม่เป็นแบบนั้น
• ตลาดหุ้นถ้ามาเกร็งกำไรก็เหมือนมือใครยาว สาวเอาสาวเอา แต่ถ้ามาลงทุนคุณจะไม่ต้องมาแก่งแย่งอะไรกับใครเลย
• โลกแห่งความเห็นแก่ตัวมือใครยาว สาวเอาสาวเอา ชิงดีชิงเด่น ชื่อเสียง แก่งแย่งผลประโยชน์ มันเป็นสัจธรรมของโลกใบนี้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ พ. พุ่งหอกเข้ารก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยพุ่งหอกเข้ารก

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการพุ่งหอก(อาวุธสําหรับแทงชนิดหนึ่ง ทําด้วยโลหะ มีด้ามยาว) เข้าไปในป่ารกโดยไม่สนใจว่ามีอะไรอยู่ในป่ารกบ้าง ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายกับสิ่งที่อาจจะอยู่ในป่าที่รกนั้นได้ สมมุติว่าผู้พุ่งหอกอาจต้องการจะล่ากวาง แต่ยังมองไม่เห็นว่าเป็นกวางอยู่ในป่ารก ก็ได้พุ่งหอกออกไปโดยไม่คิดถึงผลที่เกิดขึ้น

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การกระทำสิ่งใดเพื่อให้เสร็จแบบลวกๆ โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตพุ่งหอกเข้ารก

• เขากำลังพุ่งหอกเข้ารก เพราะเป็นหนี้บัตรเครดิตแต่ไม่มีเงินมากพอที่จะใช้หนี้ จึงหันไปเล่นการพนันเพราะคิดว่าจะได้มีเงินมาใช้หนี้ แต่ไม่ได้คิดว่าถ้าเสียพนันขึ้นมาจะทำอย่างไรต่อไป
• เด็กสมัยนี้ทำอะไรแบบพุ่งหอกเข้ารก ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาให้ดีเสียก่อน พ่อแม่เลยต้องมานั่งเสียใจอยู่อย่างนี้
• รัฐบาลบางประเทศพุ่งหอกเข้ารก กู้เงินมาโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาในอนาคต ที่ลูกหลานคนในประเทศต้องตามใช้หนี้
• การใช้ชีวิตแบบพุ่งหอกเข้ารก หาเงินก็ใช้จ่าย ไม่คิดเก็บออม ลงทุน ก็เหมือนทำลายอนาคตดีๆ ของตนเองทางอ้อมม
• คนเราควรคำนึกถึงปัจจุบัน อนาคต และต้องทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เพื่อเดินหน้าต่อไป อย่าพุ่งหอกเข้ารก ด้วยการตัดพ้อกับชีวิต ยิ่งตัดพ้อยิ่งแย่ จงสู้และยืนหยัดเพื่อตัวเอง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ น. น้ำมาปลากินมด นํ้าลดมดกินปลา

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยน้ำมาปลากินมด นํ้าลดมดกินปลา

ที่มาของสำนวน เปรียบถึงเมื่อมีน้ำท่วมมดก็จะจมน้ำและถูกปลากิน แต่หากน้ำแห้งปลาก็จะถูกมดกัดกินได้เช่นกัน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ทีใคร ทีมัน หมายถึงโอกาสของใครคนนั้นก็จะกระทำการได้เปรียบกว่าอีกฝ่าย แต่เมื่อถึงโอกาสของอีกฝ่าย ฝ่ายนั้นก็จะได้เปรียบบ้างเช่นกัน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตน้ำมาปลากินมด นํ้าลดมดกินปลา

• ในสังคมที่มีแต่การแก่งแย่งแข่งขันกันค่อนข้างสูง ใครได้เปรียบก็จะพยายามตักตวงผลประโยชน์จากอีกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ น้ำมาปลากินมด น้ำลด มดกินปลา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
• หลังจากเขาได้รับเลือกเป็นหัวหน้าในการดูแลงานนี้ ก็เอาแต่กดขี่ข่มเหงคนอื่น ใช้อำนาจในทางที่ผิด ระวังเถอะน้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา ซักวันจะโดนตรวจสอบ
• เห็นมั๊ยเจ้าเสก ครั้งก่อนแกไปโกงเงินเขา ครั้งนี้เขาแกล้งล้มงานแกจนแทบหมดตัว น้ำมาปลากินมดน้ำลดมดกินปลาแท้ๆ
• การทำธุรกิจเมื่อมีโอกาสได้เปรียบ เสียเปรียบ คนได้เปรียบก็มักจะใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย หรือตักตวงผลประโยชน์ให้มากที่สุด น้ำมาปลากินกินมด น้ำลดมดกินลา เพราะเป็นการทำธุรกิจ คุณธรรมนั้นเก็บไว้ที่วัด ไม่ได้เก็บไว้ในใจคนเหล่านี้ จึงไม่มีการคำนึงถึงความเมตตากรุณาอะไรทั้งนั้น เพราะในอนาคตตนอาจจะตกเป็นผู้เสียเปรียบ ก็อาจจะถูกกระทำไม่ต่างกัน บางรายจึงอาจจะเจ๊ง หมดเนื้อหมดตัวกันเลยทีเดียว
• โลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ครั้งนี้เราทำเขา ครั้งหน้าเขาก็ทำเราได้เช่นกัน เหมือนที่โบราณเขาว่าไว้น้ำมาปลากินมดน้ำลดมดกินปลา

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่

ที่มาของสำนวน เวลาช้างตกลูกให้ดูลักษณะของหางว่าเป็นช้างดีหรือช้างเผือก เพราะที่ปลายหางของมันยังเหลือให้เห็นสีขาวอยู่ ตามเรื่องที่เล่าว่า เวลาช้างพังตกลูกเป็นช้างเผือกสีประหลาด พวกช้างพลายและช้างพังจะช่วยกัน ย้อม กลายลูกมันเสีย ด้วยการใช้ใบไม้หรือขี้โคลนดำ ๆ พ่นทับ เพื่อมิให้คนรู้ว่าเป็นช้างเผือกแล้วมาจับไป หรืออย่างไรไม่แน่ชัด แต่การย้อมลูกของมันด้วยสีเผือกให้เป็นสีนิลนั้น ก็ยังเหลือร่องรอยอยู่อย่างหนึ่ง คือที่ปลายหางเป็นสีขาว เหตุนี้เขาจึงให้สังเกตลักษณะของช้างเผือกที่ตรงหางไว้เป็นหลักสำคัญ เปรียบกับชายจะดูผู้หญิงที่จะมาเป็นสะใภ้ในบ้านหรือหมู่ญาติต้องดูที่ นิสัยใจคอ หรืองานบ้านงานเรือน และกริยามารยาทร่วมไปถึงคำพูดคำจา

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การพิจารณาเลือกผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ครอง โดยให้ดูแม่ของผู้หญิงคนนั้นประกอบ เพราะลูกจะดีได้ก็ต้องมาจากแม่ที่ดี

สำนวนนี้พูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่”

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่

• การเลือกคู่ครองชองคนสมัยก่อนจะสอนการเลือกคู่ ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่ จะเลือกหญิงใดมาเป็นคู่ครองก็ต้องดูถึงครอบตรัวฝ่ายหญิง แม่ของฝ่ายหญิงเป็นอย่างไร มีความเป็นแม่ศรีเรือนหรือไม่ ไม่เช่นนั้น ก็ไม่ควรเลือกมาเป็นคู่ครอง
• นี่คุณอยากจะหาแฟนให้ลูกก็ไม่เห็นต้องไปหาที่ไหนไกล ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่นะคะ คุณจันทร์ที่อยู่ตรงข้ามบ้านเรามีลูกสาวท่าทางเข้าที เพราะแม่ก็ดูเป็นกุลสตรี เรียบร้อย ลูกสาวก็ต้องเหมือนแม่จริงไหม
• ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ผู้หญิงดีๆ ย่อมได้รับการเลี้ยงดูมาจากแม่ที่ดี เป็นที่การันตรีได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้มีความเป็นกุลสตรีแม่ศรีเรือนจริงๆ
• การเลือกคู่ในปัจจุบันดูเหมือนสำนวน ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่ จะใช้ไม่ได้ผล เพราะคนแต่ละยุคสมัยนั้นเปลี่ยนไป ผู้หญิงแต่ละคนไม่ได้เป็นเหมือนที่แม่สอนไว้ บางคนทำอะไรไม่เป็นเลย เพราะพ่อแม่ตามใจ เอาใจ ไม่ต้องทำอะไร แม่ทำเอง ลูกจึงทำอะไรไม่เป็น การเลือกหญิงสาวมาเป็นคู่ครองจึงต้องดูที่ตัวผู้หญิงคนนั้น พิจารณาด้วยตัวเอง ว่าเคมีเข้ากันได้หรือไม่ ไปกันได้หรือไม่
• คนโบราณมักสอนผู้ชายไว้ว่าการเลือกคู่ชีวิตนั้นสำคัญมาก เหมือนการดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ เพราะการเลือกภรรยาที่จะใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอดชีวิต ผู้ชายก็ต้องทำหน้าที่ปกป้อง ดูแลผู้หญิงให้ถูกคนมากที่สุด

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กำปั้นทุบดิน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกำปั้นทุบดิน

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยลักษณะการพูด หรือโต้ตอบแบบทื่อๆ ตรงไปตรงมา เหมือนเอากำปั้นไปทุบดินเฉยๆ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การพูดแบบกว้างๆ อาจจะตรงประเด็นหรือไม่ตรง เป็นการตอบที่ไม่ใช่คำตอบที่ผิด แต่เป็นการตอบที่ไม่ได้ประโยชน์แก่ผู้ฟัง

นิยมใช้กับคนที่ชอบทำหรือพูดอะไรแบบไม่อยากร่วมรับผิดชอบอะไรด้วย พูดพอให้เรื่องนั้นมันพ้นตัวไป

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกำปั้นทุบดิน

• คุณให้คำแนะนำกับลูกน้องแบบ กำปั้นทุบดิน แบบนี้มีแต่จะทำให้พวกเขาอึดอัดใจที่ต้องทำงานให้คุณ
• ถ้าคุณจะให้คำตอบกำปั้นทุบดิน ไม่มีเหตุผลรองรับแบบนี้ ไม่ต้องตอบก็ได้เพราะฉันก็ไม่ได้คำตอบที่ต้องการอยู่ดี
• นายวันมาปรึกษานายมาเรื่องเงินค่าเรียนลูกที่ยังหาได้ไม่พอ จะต้องจ่ายในวันพรุ่งนี้แล้ว แทนที่นายมาจะสนใจเรื่องเดือดร้อนของเพื่อนหรือยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแต่กลับตอบแบบกำปั้นทุบดินไปว่า เงินไม่พอก็ไปหาเพิ่มซิ
• คุณมันก็ชอบตอบแบบ กำปั้นทุบดิน ระวังคนอื่นจะหมั่นไส้เอาเพราะคำตอบแบบนี้มันไม่ทำให้ใครสบอารมณ์ได้หรอก
• การแก้ไขปัญหาแบบสิ้นคิดหรือแบบกำปั้นทุบดิน มาถึงจุดนี้เตรียมไว้ทั้งหมดแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร พ.ร.บ.ก็เป็นเส้นทางของเขา ซึ่งสภาพิจารณาแล้ว ไม่ได้ตีตก แต่ให้กลับไปทบทวนดูใหม่ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างฯ ก็จะทบทวน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube