สุภาษิตคำพังเพยพายเรือทวนน้ำ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

X
Advertisements

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ พ. พายเรือทวนน้ำ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยพายเรือทวนน้ำ

ที่มาของสำนวน การพายเรือทวนกระแสน้ำที่ไหล ตามปกติธรรมดาธรรมชาติการพายเรือที่มีน้ำไหลตามแม่น้ำลำคลอง ถ้าเราพายเรือไปตามทิศทางที่น้ำไหล กระแสน้ำก็จะช่วยให้เรือของเราแล่นไหลไปตามกระแสน้ำได้ โดยเราไม่ต้องออกแรงพายมากนัก แต่ทว่าถ้าเราพายเรือทวนกระแสน้ำที่ไหลแล้ว เราจะต้องออกแรงพายมากขึ้นกว่าปรกติธรรมดาที่พายตามน้ำ และ ถ้าหากว่ากระแสน้ำไหลแรง เราก็จะต้องออกแรงพายมากขึ้นอีก กว่าเรือจะแล่นทวนกระแสน้ำไปได้ เราคงจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเป็นอย่างมาก เพราะเราจะต้องใช้แรงมาก

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การทำอะไรด้วยความยากลำบาก หรือการกระทำสิ่งใดด้วยความยากลำบาก ยากที่จะสำเร็จได้

โบราณท่านเปรียบไว้กับการกระทำที่ยากลำบาก หวังผลสำเร็จได้ยาก หรือไม่ก็อาจจะท้อก่อนที่จะทำได้สำเร็จ ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงเสีย สำนวนนี้มีความหมายคล้ายกับคำว่า เข็นครกขึ้นเขา

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยพายเรือทวนน้ำ

Advertisements


ตัวอย่างการใช้สุภาษิตพายเรือทวนน้ำ

  • สังคมปัจจุบันมีแต่ยิ่งยั่วยุ อำนวยความสะดวกให้คนทำชั่วได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นเราควรจะตั้งมั่นในการทำความดี ซึ่งก็เหมือนการพายเรือทวนน้ำ
  • การที่ผู้นำแย่ๆ พยายามที่จะทำให้มวลมหาประชาชน สามัคคีปรองดองกันนั้น มันช่างสวนกระแสจริงๆ เพราะมันเสมือนหนึ่งว่าพายเรือทวนน้ำเลย
  • หากคิดจะทำอะไรที่แปลกใหม่ พายเรือทวนน้ำ สวนกระแส ไม่ตามใคร มีความคิดที่แปลกแหวกแนว อาจจะไม่ง่ายที่จะประสบความสำเร็จ แต่คนทำธุรกิจบางคนก็ไม่ลังเลที่จะลองทำ เพราะมีไม่น้อยที่ทำแล้วประสบความสำเร็จได้
  • ถ้าคุณทำงานอยู่ในบริษัทที่มีวิธีการทำงาน มีแนวคิด และสังคมสวนกระแสกับที่เป็น ก็เหมือนพายเรือทวนน้ำ อาจจะสำเร็จได้ แต่ก็เหนื่อยและคงใช้เวลานาน
  • ความสัมพันธ์ของเราก็เหมือนพายเรือทวนน้ำ ต่างฝ่ายต่างเหนื่อย เราไม่เข้าใจกัน หรือเราคงเข้ากันไม่ได้ ฉันว่ามันถึงเวลาต้องทบทวนกันแล้วล่ะ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

Advertisements


สุภาษิตคำพังเพยกาในฝูงหงส์ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

X
Advertisements

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กาในฝูงหงส์

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกาในฝูงหงส์

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงอีกาตัวดำ น่ากลัว โทนสีเข้มมืดมน ใครเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นสัตว์ที่แตกต่างจากหงส์ที่มีขนสีขาวสวยงามอย่างสิ้นเชิง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่ต่ำต้อยไม่มีเกียรติ ไปอยู่ท่ามกลางสังคมผู้ดี ผู้สูงศักดิ์ ทำให้ถูกดูหมิ่น ดูแคลน เป็นที่รังเกียจ

สำนวนนี้มักใช้เปรียบเทียบคนที่มีฐานะต่ำต้อย ด้อยกว่าคนอื่น แต่อยู่ท่ามกลางคนที่มีฐานะสูงส่ง กว่า ซึ่งดูแล้วไม่เข้าพวก ไม่เข้ากลุ่ม แต่อาจคบกัน หรืออยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นมิตรกันหรือไม่ก็ตาม

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยกาในฝูงหงส์

Advertisements


ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกาในฝูงหงส์

  • ด.ช. กระทิ ซึ่งมีแม่เป็นแม่ค้าขายของชำร้านเล็กๆ ริมตลาด ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดที่มีแต่ลูกคนรวย คนมีหน้ามีตาในสังคมเขานิยมส่งลูกมาเรียน ด.ช. กระทิ จึงถูกคนอื่นค่อนขอดว่าเป็นกาในฝูงหงส์
  • ลูกไม่อยากไปโรงเรียนโดยบอกเหตุผลว่าไม่มีเพื่อน และมักจะถูกเพื่อนๆแกล้ง เพราะไม่ใช่ลูกผู้ดี ไม่สวย ไม่มีอะไรทัดเทียมเพื่อนๆได้ เหมือนกาในฝูงหงส์
  • ดญ. สมศรีเป็นเด็กที่มีฐานะยากจน แต่เรียนดี นิสัยดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น จึงมีเพื่อนหลายคน โดยเฉพาะคนที่มีฐานะสูงกว่า เป็น ลูกหลานคนรวย ลูกหลานข้าราชการบ้าง ซึ่งชอบเด็กคนนี้ เพราะนิสัยดี และไม่รังเกียจที่จะให้คบกับลูกหลานของตน ดญ, สมศรีจึง เหมือนกับ กาในฝูงหงส์ อยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ซึ่งมีฐานดีกว่า แม้จะดูไม่เข้ากันนัก แต่เพื่อนๆ ก็ไม่รังเกียจ
  • ฉันไม่อยากจะไปงานเลี้ยงเต้นรำคืนนี้เลย ไม่เหมาะกับฉันซักนิด เข้าไปอยู่ในงานแล้วเหมือนกาในฝูงหงส์ไม่มีผิด
  • “แม้ว่าจะทำไม่เหมือนคนอื่นแต่มันเป็นความต่างที่มีค่า ประดุจดังหงส์ที่อยู่ในฝูงกา หาใช่กาในฝูงหงส์ไม่”

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

Advertisements


สุภาษิตคำพังเพยผ้าขี้ริ้วห่อทอง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

X
Advertisements

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ผ. ผ้าขี้ริ้วห่อทอง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยผ้าขี้ริ้วห่อทอง

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงผ้าขี้ริ้วที่ดูสกปรก ดูเพียงภายนอกก็ไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีทองล้ำค่าซ่อนอยู่

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ภายนอกดูไม่มีคุณค่าความหมายอะไร แต่ภายในกลับมากด้วยคุณประโยชน์หรือคุณค่า เปรียบเปรยกับคนมั่งมี แต่แต่งตัวซอมซ่อ

สำนวนนี้ใช้พูดถึงคนที่ร่ำรวยแต่แต่งต้วเรียบง่าย ใช้เสื้อผ้าเก่าๆ แต่เหมือน ผ้าขี้ริ้วห่อทอง ร่ำรวย มีฐานะดี แต่หากมองแค่เปลือกนอก ก็จะไม่รู้ความเป็นมา นึกว่าเป็นคนจน ซึ่งบางคนก็ตั้งใจ แต่บางคนก็ใช้ชีวิตตามปกติ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยผ้าขี้ริ้วห่อทอง

Advertisements


ตัวอย่างการใช้สุภาษิตผ้าขี้ริ้วห่อทอง

  • ผ้าขี้ริ้วห่อทอง เป็นไม้ล้มลุกเลื้อยพัน ผู้คนส่วนใหญ่มักรู้จักในชื่อ “กะทกรก” ส่วนชื่อเรียกอื่น ๆ เช่น ผักแคบฝรั่ง หญ้าถลกบาตร ผักขี้หด ตำลึงทอง ตำลึงฝรั่ง รกช้าง และเถาสิงโต เป็นต้น พบในทุกภาคของประเทศไทย บริเวณป่าเหล่า ตามที่รกร้าง หรือขอบไร่ชายนา และบริเวณป่าพื้นราบ
  • คนที่ประสบความสำเร็จทำงาน ทำการจนร่ำรวยนั้น มีจำนวนไม่น้อยที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ได้แต่งตัวดูดี ให้สมกับฐานะของตน อาจจะใส่เสื้่อผ้าเก่าๆ ดูแล้วเหมือนไม่ใช่คนรวยอะไร แต่จริงๆ แล้วเป็นพวก ผ้าขี้ริ้วห่อทอง มีฐานะแต่ไม่เปิดเผยตัวเองให้ใครรู้ เพราะไม่จำเป็นหรือไม่อยากให้ตัวเองเดือดร้อน
  • เด็กหนุ่มคนนั้นดูเผินก็เหมือนชาวบ้านทั่วไปๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น เห็นเดินเข้ามาที่วัดก็นึกว่าเป็นชาวบ้านมาไหว้พระตามปกติ แท้ที่จริงแล้วเขามาทำบุญจำนวนเงินกว่า 10 ล้านบาทเพื่อมาบำรุงซ่อมแซมวัด แบบนี้ผ้าขี้ริ้วห่อทองชัดๆ
  • ที่ดินรกร้างแปลงนี้ประกาศขายอยู่หลายปีไม่มีใครซื้อ ซึ่งแท้จริงที่ดินแปลงนี้เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง เพราะบริเวณนั้นกำลังจะมีการสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูง ทำให้ที่ดินแถวนั้นมีราคาสูงขึ้นอย่างมาก
  • คนรวยจริงๆ มักทำตัวเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง พวกเขาไม่สนใจสิ่งที่คนอื่นมองเขาที่ภายนอก เขาโฟกัสที่ตัวเอง แล้วคนที่เขารัก และรักเขา ไม่อวดรวย ไม่โอ่อ่า แต่มีความมั่งคั่งมากถึงมากที่สุด

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

Advertisements


สุภาษิตคำพังเพยน้ำกลิ้งบนใบบอน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

X
Advertisements

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ น. น้ำกลิ้งบนใบบอน / น้ำกลิ้งบนใบบัว

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยน้ำกลิ้งบนใบบอน

ที่มาของสำนวน เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เราสามารถพบเห็นได้เมื่อเรานำน้ำหยดลงไปที่บริเวณพื้นผิวของใบบัวจะพบว่าน้ำจะไม่มีการซึมผ่านหรือตกค้างให้ใบบัวเปียก และนอกจากนี้หยดน้ำที่สังเกตเห็นยังไม่ไหลกระจายไปทั่วพื้นผิวของใบบัวแต่หยดน้ำจะมีรูปร่างกลมและกลิ้งไปบริเวณตรงกลางของใบบัวหรือเราจะเรียกได้ว่าปรากฏการณ์นํ้ากลิ้งบนใบบัว

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่มีจิตใจเรรวน ไม่มั่นคง ไม่แน่นอน พูดจากลับกลอก แก้ตัวไปเรื่อย เหมือนน้ำที่กลิ้งอยู่บนใบบอน จะมีลักษณะเป็นก้อนดิ้นไปดิ้นมา

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยน้ำกลิ้งบนใบบอน

Advertisements


ตัวอย่างการใช้สุภาษิตน้ำกลิ้งบนใบบอน

  • เมื่ออาทิตย์ที่แล้วแม่โอนเงินไปให้น้องสาวที่เรียนอยู่กรุงเทพฯ ผ่านมาไม่ถึงอาทิตย์น้องสาวก็โทรมาขอเงินอีก บอกว่าจะเอาไปทำรายงาน ทั้งๆที่อาทิตย์ก่อนแม่ก็เพิ่งโอนให้ พอแม่ถามก็พูดกลับไปกลับมาแล้ววางสายไปดื้อๆ จนแม่เอือมระอาทุกครั้งไป
  • จะมีใครที่ไหนให้ความจริงใจกับคุณ เพราะในเมื่อคุณก็โลเล พูดจากลับกลอก เป็นพวกน้ำกลิ้งบนใบบอนเหมือนกัน
  • ตามหลักธรรมะ คนที่มีจิตใจสว่าง สะอาด สงบ จะไม่ยึดติดกับอะไร เหมือนใบบอนที่จะไม่ยึดติดอะไร อะไรมากระทบก็ปล่อยมันไปเช่นนั้นเอง แต่ถ้าเป็นน้ำบนในบอนก็เป็นคนที่มีจิตใจกลับกลอก หรือเอาแน่นอนอะไรไม่ได้
  • เธออย่ามัวไปเสียใจให้กับคนแบบนั้นเลย คนประเภททำตัวเป็นน้ำกลิ้งบนใบบอน ไม่สมควรที่จะได้รับความรักจากใคร
  • ปรากฏการณ์ Lotus Effect หรือน้ำกลิ้งบนในบอน เป็นแรงบันดาลใจนักวิทยาศาสตร์คิดค้นวิธีการทำให้พื้นผิวมีความสามารถในการกันนำได้โดยใช้นาโนเทคโนโลยีสังเคราะห์สารที่มีคุณสมบัติเกลียดน้ำ เช่นเดียวกับใบบัวเพื่อเคลือบพื้นผิวของวัตถุ เช่น เสื้อผ้าที่กันน้ำได้ สีที่มีคุณสมบัติกันน้ำ เป็นต้น

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

Advertisements


สุภาษิตคำพังเพยเถรส่องบาตร ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

X
Advertisements

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ถ. เถรส่องบาตร

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเถรส่องบาตร

ที่มาของสำนวน มีเรื่องเล่าถึงที่มาของ “เถรส่องบาตร” ว่าวัดแห่งหนึ่งมีพระเถระน่านับถือในศีลวัตรปฏิบัติ จึงมีหมู่ชนเดินทางมากราบไหว้ด้วยความศรัทธาแทบไม่เว้น เรื่องเถรส่องบาตรมีดังนี้ มีพระเถระเจ้าสำนักปฏิบัติแห่งหนึ่งท่านเป็นผู้ที่เคร่งครัดในพระวินัยยิ่งนัก ด้วยเหตุดังกล่าวก่อนจะออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ประจำวันตอนฟ้าสางๆ ท่านมักจะยกบาตรขึ้นส่องกับแสงสว่าง เพื่อจะตรวจดูว่าบาตรลูกนี้มีรูรั่วหรือไม่? ส่วนพระลูกวัดไม่ทราบความมุ่งหมาย และมิได้ไต่ถามถึงเหตุผล ก็นึกเอาเองว่าการยกเอาก้นบาตรขึ้นให้แสงอาทิตย์ส่องนั้น เป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งในการปฏิบัติกรรมฐาน ครั้นเห็นผู้นำยกบาตรขึ้นส่องดู พวกเขาก็ยกบาตรขึ้นส่องดูตามไปด้วยเป็นแถว แต่ก็มิได้ยกขึ้นดูรูรั่วของบาตรเลย เพียงแต่ยกขึ้นมองๆเป็นพิธีเท่านั้นเอง ครั้นเวลาล่วงกาลนานมาประเพณีเถรส่องบาตรจึงระบาดไปทั่วในหมู่นักปฏิบัติกรรมฐานสืบต่อกันมา โดยมิได้มีเจตนาดูรูรั่วของบาตรแต่อย่างใด จนเป็นเรื่องเล่าขานต่อๆกันมาจนทุกวันนี้

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่ทำอะไรตามคนอื่นเขา ทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เห็นคนอื่นเขาทำ ก็ทำตามๆ กันโดยไม่รู้ที่มาที่ไป กล่าวคือคนบางคนทำตามอย่างบุคคลอื่น เพราะมองดูว่ามันเท่ห์ หรือสวยงามทั้งๆ ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าที่เขาทำอย่างนั้นเพราะสาเหตุอะไร

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเถรส่องบาตร

Advertisements


ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเถรส่องบาตร

  • จากเรื่องเถรส่องบาตรดังกล่าว เป็นคติธรรมที่เล่าขานกันมาเป็นนิทานพื้นบ้าน เพื่อสอนให้รู้ว่า การถือปฏิบัติสืบกันมา บอกกล่าวกันมา ฟังข่าวกันมา อย่างไม่รู้เหตุรู้ผล ไม่รู้จริง ไม่รู้จักไต่สวนสอบสวนและไม่ถามไถ่ผู้รู้ ไม่รู้จักนำมาศึกษาค้นคว้าทดลองปฏิบัติการด้วยตนเอง อย่างมีสติปัญญา จึงนำไปสู่ความงมงาย เกิดโมหะจิต ให้ประพฤติปฏิบัติผิดแผกไปจากบัณฑิตที่มีธรรม
  • การแต่งกายของวัยรุ่นสมัยใหม่ การทำผมทรงต่างๆ กระทำตามโดยไม่ทราบที่มาที่ไป เห็นเขาทำก็ทำตามอย่างไป ทั้งๆ ที่ตนเองก็ไม่ใช่ดาราไม่จำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้นให้สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์
  • ประเพณีก็คือกิจกรรม การประพฤติต่างๆ ที่มีการปฎิบัติสืบถอดกันมานาน แต่คนในปัจจุบันก็มักจะทำตามประเพณีที่เขาว่าไว้ ทำตามๆกันไปเหมือนเถรส่องบาตร แต่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาทำเพื่ออะไร
  • ลูกเอยการเลียนแบบอย่างเป็นสิ่งทำได้ ถ้าเรารู้ที่มาที่ไปของสิ่งเหล่านั้นว่าดี และถูกต้อง ไม่ใช่ลอกเลียนแบบ แบบเถรส่องบาตร โดยเราไม่รู้จักที่มาที่ไปว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร
  • นักลงทุนในตลาดหุ้นที่ขึ้นชื่อว่าแมงเม่าทำตัวเหมือนเถรส่องบาตร เห็นใครซื้อก็ซื้อตาม ทำตามเซียน ไม่มีจุดยืนของตัวเอง รับรองเจ๊งแน่ๆ แบบนี้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

Advertisements


สุภาษิตคำพังเพยถ่มน้ำลายรดฟ้า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

X
Advertisements

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ถ. ถ่มน้ำลายรดฟ้า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยถ่มน้ำลายรดฟ้า

ที่มาของสำนวน สำนวนนี้ เกิดจากนิยายสามก๊ก ตอนจิวยี่แค้นขงเบ้งจนกระอักเลือดตาย เพราะจิวยี่พยายามกำจัดขงเบ้งหลายครั้ง แต่ขงเบ้งก็เล็ดรอดภยันตรายมาได้ทุกครั้ง ด้วยสติปัญญาความสามารถที่เหนือกว่าจิวยี่ทุกประตู จนจิวยี่ต้องรำพันออกมาว่า… “เมื่อฟ้าส่งข้ามาเกิดแล้ว เหตุไฉนถึงส่งขงเบ้งมาเกิดด้วย” จิวยี่จึงเหมือนถ่มน้ำลายรดฟ้า ที่พ่นน้ำลายขึ้นฟ้าทีไร น้ำลายก็หล่นลงมาเปรอะหน้าตัวเองทุกครา การถ่มน้ำลายรดฟ้า จึงกลายมาเป็นสำนวนไทย

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การคิดร้าย หรือดูหมิ่นบุคคลที่สูงกว่า หรือเป็นที่เคารพของคนทั่วไป มักจะเกิดภัยหรือผลร้ายแก่ตนเองเสมอ การถ่มน้ำลายขึ้นไปในที่สูงเช่นฟ้า น้ำลายนั้นก็ย่อมจะย้อนตกลงมา ถูกหน้าตาของผู้ถ่มเลอะเทอะ อย่างไม่ต้องสงสัย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยถ่มน้ำลายรดฟ้า

Advertisements


ตัวอย่างการใช้สุภาษิตถ่มน้ำลายรดฟ้า

  • การทีนักเรียนดูหมิ่น พูดจาจาบจ้วงครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนเรามา ย่อมทำได้รับผลเสียตามมา ดั่งเป็นการถ่มน้ำลายรดฟ้า
  • ถ้าคุณไม่ศรัทธาในพระสงฆ์ ก็อยู่เฉยๆ ไม่ควรถ่มน้ำลายรดฟ้า เพราะถ้าท่านมีคุณงามความดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตัวคุณเองนั่นแหละจะมีบาปติดตัว
  • “อันตราย จะเป็นอันตราย ต่อผู้ทำอันตราย แก่ผู้ไม่เป็นอันตราย” บุคคลใดประทุษร้ายต่อนรชนผู้ไม่ประทุษร้าย ผู้บริสุทธิ์ ไม่มีกิเลสดุจเนิน บาปย่อมกลับถึงบุคคลนั้นผู้เป็นคนพาลนั่นเอง เหมือนธุลี อันละเอียดที่เขาซัดทวนลมไปฉะนั้น ดั่งถ่มน้ำลายรดฟ้า
  • พอสภาฯ เปิดรัฐบาลจะชี้แจงรายละเอียดเองว่านำไปแก้ปัญหาและรองรับเหตุการณ์หลังวิกฤติอย่างไรบ้าง จะพูดอะไรมันก็ไม่ต่างอะไรกับคำกล่าวที่ว่า “ถ่มน้ำลายขึ้นฟ้ารดหน้าตัวเอง” เพราะรัฐบาลในอดีตอุจจาระทิ้งไว้ให้ล้างให้เช็ดอย่างมากมาย”
  • นี่เพื่อนเลิกทำพฤติกรรมถ่มน้ำลายรดฟ้า พูดจาจาบจ้วงอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนเรามาได้แล้ว ระวังสิ่งที่นายทำจะย้อนหาตัวเอง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

Advertisements


สุภาษิตคำพังเพยตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

X
Advertisements

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงคนดีตามความเชื่อโบราณของคนไทยกับพระพุทธศาสนา “ผู้ที่ตกน้ำไม่ไหล” คือน้ำไม่พัดพาไปถึงได้รับอันตราย ก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำหยุดไหล แต่หมายความว่า มีผู้ช่วยนำขึ้นให้พ้นน้ำได้ “ผู้ที่ตกไฟไม่ไหม้” ก็ไม่ได้หมายความว่า ไฟไหม้เนื้อหนังร่างกายจริง ๆ แต่หมายความว่า มีผู้ช่วยให้พ้นจากไฟหรือช่วยดับไฟให้ ตนจึงพ้นภัยอันเกิดจากไฟนั้น

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนดีถ้าตกอยู่ในที่อันตราย หรือมีเหตุการณ์คับขันอย่างไร ก็ไม่เป็นอันตรายหรือมีสิ่งใดทำร้ายได้

มักจะใช้พูดเปรียบเทียบคนจิตใจดี จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแม้จะมีภายเข้ามา หรืออยู่ใน สถานการณ์ที่แย่ อันตราย แต่ก็คจะแคล้วคลาดปลอดภัย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้

Advertisements


ตัวอย่างการใช้สุภาษิตตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้

  • ติ้วเป็นคนดี ทำดีมาตลอด เขาเป็นตำรวจชายแดนที่คอยช่วยเหลือประชาชนพ่อและแม่คอยอวยพรให้ติ้วและบอกกับติ้วเสมอว่าคนดีอย่างลูกคุณพระจะคุ้มครองตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้อยู่แล้ว
  • พระธํุดงค์จะไม่กล้วอันตรายในการเดินธุดงค์คนเดียว และก็มีักจะไม่เป็นอันตรายใดๆ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ อาจจะมีบ้างใน บางครั้งที่ต้องผจญกับอันตราย หรือยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่ก็สามารถผ่่านพ้นไปได้ด้วยดี
  • ตำรวจคนนั้นเจอสัตว์ร้ายตอนเข้าไปในป่าเพื่อตามหาคนที่พลัดหลงจากกลุ่ม แต่ก็ไม่เป็นอะไรเลยคนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้จริงๆ
  • แม้จะมั่นใจว่า ตัวเองเป็นคนดี ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ก็ไม่ควรพาตัวเองไปเสี่ยงกับอันตราย เพราะแม้จะผ่านไปได้ รักษาชีวิตให้ อยู่รอดปลอดภัยได้ ก็อาจจะต้องผ่านเรื่องเลวร้าย เป็นความทรงจำไม่ดีติดตัวไปจนตาย คนเราทุกวันนี้ไว้ใจยาก รู้หน้าไม่รู้ใจ จึงไม่ควร เสี่ยง โดยเฉพาะเรื่องการคบคนไม่ดี
  • “ผู้ที่มีความดีเพียงพอจะเป็นที่พึ่งของตนเองได้” ย่อมสามารถมีผู้อื่นเป็นที่พึ่งได้ “ผู้ไม่มีผู้อื่นเป็นที่พึ่ง” คือผู้ไม่มีความดีเพียงพอที่ผู้อื่นจะแลเห็นความดีนั้น ไม่แลเห็นความสมควรที่จะพึงได้รับความช่วยเหลือ เมื่อผู้ไม่มีความดีเพียงพอนั้นได้รับความเดือดร้อนด้วยเรื่องใด ก็ย่อมไม่มีผู้ยินดีช่วยเหลือ คนดีย่อมตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้เสมอ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

Advertisements


สุภาษิตคำพังเพยได้ทีขี่แพะไล่ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

X
Advertisements

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. ได้ทีขี่แพะไล่

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยได้ทีขี่แพะไล่

ที่มาของสำนวน มาจากตอนหนึ่งในนิทานเรื่องพระรถเมรี ที่พระรถเสนมอมเหล้านางเมรี ซึ่งเป็นยักษ์จนเมาไร้สติ เมื่อได้จังหวะพระรถเสนก็หนีไปเมื่อนางเมรีรู้เท่าทัน จึงได้ขี่แพะเป็นพาหนะไล่พระรถเสนไป เป็นตอนที่สนุกสนาน ตื่นเต้นที่สุดตอนหนึ่ง เรื่องพระรถเมรี

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ผู้ที่ซํ้าเติมเมื่อผู้อื่นเพลี่ยงพลํ้าลง

โบราณท่านใช้เปรียบเทียบกับคนที่ชอลซ้ำเติมผู้อื่นเมื่อผู้อื่นผิดพลาดหรือเพลี้ยงพล้ำ ด้วยวัตถุประสงค์จะให้ผู้นั้นถูกมองว่าแย่หรือด้อยค่า และทำให้ตนเองดีดูขึ้น ในความเป็นจริงสำนวนได้ทีขี่แพะไล่นี้สามารถใช้ได้ทั้งแบบจริงจังและแบบหยอกล้อกันเล่น

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยได้ทีขี่แพะไล่

Advertisements


ตัวอย่างการใช้สุภาษิตได้ทีขี่แพะไล่

  • เมื่อวานไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนในหมู่บ้าน ปกติฝ่ายนั้นแพ้ตลอด พอเมื่อวานชนะไปแค่ลูกเดียว ก็เลยได้ทีขี่แพะไล่เลย
  • กระต่ายตัวหนึ่ง เสียขาเดินไม่ได้ นอนอยู่ใต้ต้นไม้แห่งหนึ่งแพะตัวหนึ่งเสียตา เดินมาเที่ยวหากิน เกิดพลัดหลงกับเพื่อน เข้าไปอยู่ใกล้เจ้ากระต่าย กระต่ายกลัวจะหนีก็ไม่ได้ แต่เห็นแพะเสียตา เลยดีใจหายกลัว ทำดุขู่ แพะกลัว ขอยอมเป็นข้าให้กระต่ายใช้ กระต่ายดีใจ ขึ้นขี่หลังแพะเข้าไปในป่า ไปเจอช้างที่รับปากจะให้เสือกิน เล่นบทหลอกเสือ ช่วยช้างไว้ได้ กระต่ายเห็นเสือกลัว เลย “ได้ทีก็ขี่แพะไล่” เสือวิ่งหนีจนสิ้นแรง ลงนอนที่ใต้โคนไม้
  • นางสมศรี พูดในที่ประชุมบริษัท เพื่อชี้จุดผิดพลาดของนางสมพร พร้อมทั้งยกตัวอย่างของตนที่ทำได้สำเร็จ ได้ทีขี่แพะไล่เลยนะนางสมศรี
  • ผมไม่น่าพลาดเลยจริงๆ พอเสนองานไม่ผ่าน คนที่เป็นคู่แข่งคอยหาโอกาสทำร้ายก็เลยได้ทีขี่แพะไล่
  • หยันมาตรฐานจริยธรรมรัฐบาล ‘เทพไท’ ได้ทีขี่แพะไล่ ยกสมัย ‘อภิสิทธิ์’ ออกกฎเหล็ก 9 ข้อให้ครม.ทำตาม

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

Advertisements


สุภาษิตคำพังเพยดาบสองคม ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

X
Advertisements

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. ดาบสองคม

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยดาบสองคม

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงดาบที่มีคมทั้งสองด้าน แม้จะเป็นอาวุธที่ร้ายกาจ สามารถใช้ฟันแทงได้ดี แต่หากเกิดพลาดพลั้งหรือผู้ใช้ไม่มีความชำนาญเพียงพอ ก็อาจสร้างความบาดเจ็บให้กับผู้ใช้ได้เช่นกัน

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ สิ่งที่มีทั้งคุณและโทษในตัวเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยดาบสองคม

Advertisements


ตัวอย่างการใช้สุภาษิตดาบสองคม

  • การสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็ก ก็เหมือนดาบสองคมที่ทำให้เด็ก เข้าใจ และรู้จักป้องกันตัวเอง แต่อีกด้านก็ทำให้เด็กเห็นช่องทางในการทำเรื่องไม่สมควรได้มากขึ้น
  • การให้ผู้ร้ายมาเป็นสายให้ตำรวจนั้นก็มีทั้งผลดีและผลเสีย เหมือน ดาบสองคม อาจจะแอบสืบข้อมูลไปให้พรรคพวกหรือทำคัวเป็นประโยชน์กับตำรวจก็ได้
  • คิดจะใช้บัตรเครดิตก็ต้องรู้จักวางแผนทางการเงิน เพราะบัตรเครดิตก็เป็นดาบสองคมที่สามารถอำนวยความสะดวกให้เราได้ แต่ก็ทำให้จับจ่ายใช้สอยเพลินได้เหมือนกัน
  • บางคนเปรียบเทียบว่า ความรู้เป็นเหมือน ดาบสองคม เพราะความรู้ทำให้คนกลายเป็นคนฉลาด ซึ่งอาจจะใช้ความฉลาดทำเรื่องที่ดี หรือทำเรื่องไม่ดีก็ได้ มีโอกาสทำให้เกิดผลดีและผลเสียตามมา
  • โลกออนไลน์วันนี้จึงเป็นดาบสองคม ประโยชน์สูง แต่ก็บาดมือง่ายหากจับไม่ดี อยู่ให้เป็นในโลกออนไลน์คือคำที่ต้องท่อง สำหรับคนสาธารณะที่เล่น สื่อออนไลน์วันนี้!!

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

Advertisements


สุภาษิตคำพังเพยจระเข้ขวางคลอง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

X
Advertisements

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. จระเข้ขวางคลอง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยจระเข้ขวางคลอง

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการที่จระเข้มาขวางคลองนั้นมันผิดวิสัย และทำให้การสัญจรด้วยเรือลำบาก การที่จระเข้เพี้ยนที่ไหนจะไปขวางลำน้ำ มันผิดวิสัยของสัตว์ทุกประเภทที่จะเลือกสถานการณ์ลำบากให้กับตัวเอง ทั้งที่ตัวมันเป็นนักล่าทรงคุณภาพ น่าจะง่ายและเป็นธรรมชาติกว่าที่มันจะไปตามกระแสน้ำแล้วล่าเหยื่อ มีเหตุอันใดที่มันต้องมาขวางคลอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ บุคคลที่ชอบกันท่าหรือขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นทำการอย่างใดอย่างหนึ่งได้สะดวก หรือกีดขวางผู้อื่น จนก่อให้เกิดความรำคราญ

ใช้พูดถึงคนที่ขัดขวางคนอื่น ไม่ให้ทำอะไร หรือทำการใดๆ เพราะ ตัวเองอาจจะเสียผลประโยชน์หรืออิจฉา กลัวจะได้หน้ามากว่าตนเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยจระเข้ขวางคลอง

Advertisements


ตัวอย่างการใช้สุภาษิตจระเข้ขวางคลอง

  • คนใช้รถสมัยนี้ทำอะไรเอาแต่ความสะดวกของตัวเอง อยากจอดรถตรงไหนก็จอด ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ไม่คิดว่ามันทำให้การจราจรติดขัดเลย
  • การพัฒนาหมู่บ้านไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมีชาวบ้านบางกลุ่มไม่ให้ความร่วมมือ ทำตัวเป็น จระเข้ขวางคลอง คอยขัดขวาง ทำ ให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ไม่เต็มที่ งานพัฒนาหมู่บ้านจึงไม่สำเร็จลุล่วงตามแผน
  • ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง มาคอยขัดขวางคนอื่น
  • การทำงานกลุ่มที่ครูมอบหมายไม่เสร็จตามกำหนด เพราะมีเพื่อนบางคนที่ทำตัวเป็น จระเข้ขวางคลอง คอยขัดขวาง คอยกลั่นแกล้ง ทำให้งานไม่สำเร็จ เพราะกลัวคนอื่นจะได้หน้ามากกว่าตัวเอง
  • จระเข้ขวางคลอง นิยมใช้กับคนที่มีนิสัยขวางโลก ชอบชักใบให้เรือเสีย หรือชอบมีความคิดเห็นไปในแนวทางที่แตกต่างจากผู้อื่น ชอบขัดขวางความเจริญของผู้อื่น เห็นใครกำลังจะทำอะไรดีๆก็มักจะเข้าไปป่วนให้วุ่นวาย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

Advertisements