สุภาษิตคำพังเพยว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ว. ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง

ที่มาของสำนวน มาจากวรรณคดีเรื่อง “อิเหนา” หรือที่เรียกกันว่านิทานปันหยีนั้น เป็นนิทานที่เล่าแพร่หลายกันมากในชวา เชื่อกันว่าเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ของชวา ในสมัยพุทธศตวรรษที่สิบหก ที่อิเหนาเคยต่อว่าจรก กับวิหยาสะกำ ว่าไปหลงรักนางบุษบ จนต้องมาทำสงครามกันได้อย่างไร แต่เมื่ออิเหนาได้พบนางบุษบา ตัวเองกลับหลงรักจนต้องทำอุบายเผาเมืองดาหา เพื่อชิงตัวนางบุษบาซะเอง ซึ่งไม่เหมือนกับที่เคยต่อว่า จรกา กับวิหยาสะกำ นั่นจึงทำให้คนรู้จักอิเหนา ซึ่งเป็นคนที่มีนิสัย ตำหนิผู้อื่นเรื่องใดแล้วตนก็กลับทำในเรื่องนั้นเสียเอง

วรรณคดีเรื่องอิเหนา มีความเห็นเกี่ยวกับการกระทำของจรกาและวิหยาสะกำเกี่ยวกับการหลงรัก และแย่งชิงนางบุษบา ว่าเป็นสิ่งไม่ควรกระทำ แต่เมื่ออิเหนาเห็นนางบุษบาหลังจากเสร็จศึกกะหมังกุหนิงก็หลงรักนางบุษบาไม่ต่างจากจรกาและวิหยาสะกำ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ตำหนิผู้อื่นเรื่องใดแล้วตนก็กลับทำเรื่องนั้นเสียเอง กล่าวคือ การกระทำของบุคคลหนึ่ง ที่ตำหนิ สั่งสอนผู้อื่นว่าการกระทำของผู้นั้นเป็นสิ่งที่ผิด แต่ตนก็กลับทำเองในภายหลัง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง

  • อิเหนาดันไปว่า กษัตริย์ที่มารบแย่งนางบุษบาว่า ผู้หญิงในโลกนี้ไม่มีแล้วรึไง มาแย่งอะไรอยู่กับนางบุษบาคนเดียว จนยอมเอาชีวิตเข้าแลก แต่สุดท้าย คำพูดของอิเหนาก็เข้าตัว เพราะเมื่อเจอหน้านางบุษบา ก็ลืมจินตราวาตีไปเลย สมคำว่า “ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง”
  • สมศรีชอบบอกว่าฉันไม่มีรสนิยมในการแต่งตัว แต่งตัวเชยๆ เหมือนป้าแก่ๆ แต่วันนี้สมศรีก็แต่งตัวเหมือนป้าแก่ๆ นะ แบบนี้ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
  • ปากบอกว่าไม่ชอบคนเจ้าชู้ แต่ตัวเองดันคุยหลายคน อยากคบหลายคน นี่แหละน้า คนเรา ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง
  • วลาครูบุญมาเห็นนักเรียนทิ้งขยะในลงในท่อระบายน้ำ ก็มักจะเรียกนักเรียนมาตำหนิ ตักเตือน แต่วันนี้มีเด็กนักเรียนเห็นครูบุญมาทิ้งขยะลงในท่อระบายน้ำเสียเอง ว่าว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เสียงเองซะอย่างนั้น
  • คนไทยคุ้นสำนวนว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ได้ยินแล้วก็เข้าใจ หมายความถึงคนที่พูดว่าคนอื่นอย่างไร ตนเองก็เป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะนักการเมืองบางคน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฟ. ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า

ที่มาของสำนวน เปรียบไฟหมายถึงงเรื่องราวที่ไม่ดี เรื่องร้อนๆ เรื่องแย่ๆ จากภายในก็ไม่ควรนำออกไป และจากภายนอกก็ไม่ควรนำเข้ามา ให้ชีวิตเกิดความทุกข์ยาก

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เรื่องราวไม่ดีภายในครอบครัวไม่ควรนำไปเล่าให้คนนอกบ้านฟัง และเรื่องราวไม่ดี คำนินทาว่าร้ายที่คนภายนอกพูดถึงคนในครอบครัวก็ไม่ควรนำมาเล่าให้คนภายในครอบครัวฟัง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า

  • ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสาธารณะ ควนเคลียร์กันเองในบ้านเถอะ ไม่ใช่พอมีเรื่องราวทะเลาะกันในครอบครัว มีแต่เสียกับเสีย ก็วิ่งโร่ไปหาสื่อมั่ง นี่แหละไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า
  • ก่อนที่ลูกแต่งงานไปอยู่กับครอบครัวอื่น แม่จะสอนว่าครอบครัวจะอยู่อย่างเป็นสุขได้ไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจต้องยึดหลักไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า
  • หากเรานำสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในบ้าน จะทำให้คนในครอบครัวเดือดเนื้อร้อนใจกับเราไปด้วย สุดท้ายจะทำให้ทุกคนในครอบครัวเกิดความทุกข์ แล้วเรื่องภายในก็ควรเก็บไว้พูดกันเองพอ ดั่งไฟในก็อย่านำออกไป ไฟนอกก็อย่ามานำเข้ามา
  • “หากไฟที่ร้อน มอดด้วยน้ำได้ฉันใด จิตใจก็เย็นได้ด้วยความสงบฉันนั้น ไฟในอย่านำออกมา ไฟนอกอย่าได้นำเข้าไป”
  • เคล็ดลับชีวิตคู่ที่ยั่งยืน ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า สามี-ภรรยา ทะเลาะกันทีไร โพสลงเฟส โพสลงบนโลกโซเชียลทุกที ทำแบบนี้ไม่ดีแน่ เอาเรื่องในบ้านมาป่าวประกาศด้วยอารมณ์ชั่ววูบเนี่ย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยไฟสุมขอน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฟ. ไฟสุมขอน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยไฟสุมขอน

ที่มาของสำนวน ไฟที่ไหม้คุกรุ่นสะสมปกคลุมท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่ดับยากที่สุด มันจึงมีความร้อนอยู่ตลอดเวลา และยาวนานจนกว่าขอนที่มีขนาดใหญ่นั้นจะมอดไหม้หมดไป ใช้เปรียบเปรยถึงอารมณ์ โกรธ, แค้น, เหมือนดั่งไฟบนขอนไม้ที่อยู่ภายในใจ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ไฟที่คุกรุ่นอยู่ในขอนไม้ขนาดใหญ่ ดับยาก โดยปริยายหมายถึงอารมณ์รัก โกรธ หรือแค้นเป็นต้นที่ร้อนรุ่มอยู่ในใจ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไฟสุมขอน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไฟสุมขอน

  • ไฟสุมขอน โบราณท่านใช้อธิบายอารมณ์ที่ยังรุ่มร้อนอยู่ในใจ ทั้งๆที่ภายนอกอาจจะดูสงบลงแล้ว ซึ่งอารมณ์ชนิดนี้สามารถระเบิดออกมาได้แบบไม่มีใครคาดคิด ดังนั้นเมื่อจะพูดหรืออธิบายให้ใครอารมณ์เย็นลง ต้องมั่นใจว่าเขาเย็นลงแล้วจริงๆ อย่าดูเพียงแค่ภายนอก ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาอีกก็เป็นได้
  • เธอต้องรู้จักให้อภัยและปล่อยวางเรื่องราวที่ผ่านมาเสียบ้างนะ ไม่เช่นนั้นมันก็จะเหมือนไฟสุมขอนทำให้เธอทรมานอยู่แบบนี้ จนในที่สุดก็หาความสุขไม่ได้
  • น่าสงสารเขาจริงๆ ชีวิตของเขาตอนนี้ก็เหมือนไฟสุมขอนมีแต่ความแค้นมากมาย คอยแต่จะหาโอกาสแก้แค้นจนทำให้ชีวิตไม่มีความสุข
  • เพื่อนร่วมงานบอกกับฉันว่า ช่วงนี้หัวหน้าเป็นอะไรไม่รู้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หงุดหงิดง่าย เหมือนเขามีเรื่องร้อนรุ่มอยู่ในใจดั่งไฟสุมขอน
  • ผมรักเธอมากที่สุด แต่เธอกลับหักหลังอย่างน่าเจ็บปวด ทำให้ผมต้องโกรธเหมือนไฟสุมขอน รักมากก็แค้นมาก แต่สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยเธอไป ความสัมพันธ์มันถูกทำลายแล้ว

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยมั่งมีในใจ แล่นใบบนบก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มั่งมีในใจ แล่นใบบนบก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยมั่งมีในใจ แล่นใบบนบก

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการจินตนาการคิดร่ำรวยมั่งมีอยู่ในใจ ไม่สามารถจับต้องได้ เปรียบเสมือนกับจะแล่นเรือใบบนบกที่ไม่สามารถจะเป็นไปได้เลย

คนเราถ้าคิดแต่มั่งมีในใจ อยู่แต่ในโลกแห่งการจินตนาการ สร้างมโนภาพแต่ในทางบวกที่เข้าข้างตนเองโดยไม่ได้คิดถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มันก็คล้ายๆ กับว่าเราคิดเองเออเองอยู่ในใจ มันก็จะมีแต่สิ่งดีๆที่เราปรารถนาที่เป็นเพียงนามธรรม จับต้องไม่ได้มีแต่อากาศธาตุเท่านั้น เพราะสิ่งที่คิดที่ฝันไม่สามารถจะเป็นจริงได้ ถ้าเราไม่ได้ลงมือกระทำ เปรียบเสมือนกับว่าเราแล่นใบบนบก คือการนำเรือใบมาแล่นบนบกนั้นมันจะผิดปรกติวิสัย มันย่อมแล่นไม่ได้

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คิดฝันในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้  เพ้อฝันไปเรื่อย คิดสมบัติบ้า สร้างวิมานในอากาศ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยมั่งมีในใจ แล่นใบบนบก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตมั่งมีในใจ แล่นใบบนบก

  • ถ้ามัวแต่นั่งจินตนาการสร้างมโนภาพ มั่งมีในใจ แล่นใบบนบก อยู่อย่างนี้ก็คงจะอดตายแน่ๆ เราต้องรีบขวนขวายหางานทำให้จงได้
  • นี่มันชีวิตจริงนะคุณไม่ใช่ละครที่จะมานั่งฝันหวาน มั่งมีในใจ แล่นใบบนบกอยู่แบบนี้ หัดมองความเป็นจริงเสียบ้าง
  • อยากมั่งอยากมี ต้องสร้าง ต้องสู้ชีวิต ไม่ใช่แค่มั่งมีใในใจ แล่นใบบนบก รอโอากสเข้ามาหา มันคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก
  • คนเกียจคร้านอย่างเขาคงไม่มีชีวิตที่ดีกว่านี้หรอกเพราะวันๆ เอาแต่มั่งมีในใจ แล่นใบบนบก คิดเพ้อฝันสร้างวิมานในอากาศ
  • สมชายเป็นคนชอบเพ้อฝันไปวันๆ คิดว่ามั่งมีในใจ แล่นใบบนบก สักวันจะรวยโดยไม่ทำงานหนัก แบบนี้มันฝันกลางวันชัดๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยมัดมือชก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มัดมือชก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยมัดมือชก

ที่มาของสำนวน เปรียบกับคนที่ถูกบังคับให้จำยอมทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่า เหมือนกับคนที่ถูกมัดมืออยู่ ย่อมไม่สามารถใช้มือปัดป้องต่อสู้หรือทำอะไรได้ เมื่อถูกชกถูกต่อยก็ไม่สามารถต่อสู้ได้ ต้องยอมให้เขาชกไปฝ่ายเดียว สำนวน มัดมือชก จึงนำมาเปรียบคนที่ตกอยู่ในภาวะจำยอม ต้องทำตามผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า หรือทำตามโดยไม่มีโอกาสคัดค้าน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ บังคับหรือใช้วิธีการใดๆ ให้อีกฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในภาวะจำยอมโดยไม่มีทางต่อสู้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยมัดมือชก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตมัดมือชก

  • เขาขอให้ฉันไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว เอาเสื้อผ้ามาให้แล้วก็กลับไปเลย มัดมือชกแบบไม่ให้ฉันปฏิเสธได้เลย
  • ครอบครัวฉันมัดชือชกจองแพคเกจทัวร์ไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ช่วงปีใหม่ 5 วัน โดยไม่ถามฉันซักคำว่าอยากไปหรือไม่
  • นักท่องเที่ยวมักจะถูกมัดมือชกให้ซื้อสินค้าในร้านที่มัคคุเทศก์พาไปอยู่เสมอๆ แบบนี้เอาเปรียบนักท่องเที่ยวจริงๆ
  • อยู่ๆ เขาก็มัดมือชกเขียนใบสมัครให้ฉันเป็นตัวแทนไปประกวดร้องเพลง โดยที่ฉันไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธเลย
  • เธอเล่นมัดมือชกให้ฉันไปเป็นวิทยากรโดยไม่ให้ฉันได้มีโอกาสปฏิเสธเลย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยมากขี้ควาย หลายขี้ช้าง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มากขี้ควาย หลายขี้ช้าง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยมากขี้ควาย หลายขี้ช้าง

ที่มาของสำนวน ในสมัยโบราณสัตว์เลี้ยงประจำบ้านของเรานอกจาก สุนัข ไก่ แล้วก็ยังมีวัวควายอีกด้วย เพราะ นอกจากเลี้ยงไว้เป็นพาหนะแล้ว เรายังเลี้ยงไว้เพื่อช่วยเหลือในการทำงานต่างๆ เช่น ไถนา เข็น หรือ บรรทุกสัมภาระสิ่งของต่างๆ ดังนั้นทุกบ้านจึงต้องมีควาย เมื่อมีควายก็ต้องย่อมมีขี้ควาย มีควายมากก็มีขี้ควายมากเป็นเงาตามตัว และเนื่องจากควายกินหญ้าเป็นอาหารหลัก ขี้หรือกากอาหารที่ร่างกายของมันไม่ต้องการแล้วขับถ่ายออกมา จึงเป็นแต่เพียงเศษหญ้าที่ละเอียดๆ เท่านั้น และในสมัยก่อนเราก็ไม่นิยมใช้ขี้ควายมาทำปุ๋ย เพราะปุ๋ยตามธรรมชาติมีพอเพียงอยู่แล้ว จะนำขี้ควายมาใช้ประโยชน์ก็คือนำมายาลานเท่านั้น นอกนั้นก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร มีขี้ควายมากก็ไม่มีประโยชน์ และ ยิ่งเป็นขี้ช้างด้วยยิ่งไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะขี้ช้างเป็นแต่เพียงเศษหญ้าที่หยาบๆ เท่านั้นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ สิ่งที่มีอยู่มากมายก่ายกองแต่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้ กลายเป็นสิ่งไร้ค่า

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยมากขี้ควาย หลายขี้ช้าง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตมากขี้ควาย หลายขี้ช้าง

  • มีเงินมากขนาดไหน ถ้าเอาไปต่อยอดไม่ได้ สักวันมันก็หมด มากขี้ควาย หลายขี้ช้าง หาความรู้ และทักษะทางการเงินเสียบ้าง ไม่เสียหลาย
  • บ้านของสมชายมีที่ดินอยู่ตั้งมากมาย แต่ก็เหมือนมากขี้ควายหลายขี้ช้าง ทำไมไม่พัฒนา ฟื้นฟูให้เกิดประโยชน์
  • คุณพ่อผมมีที่ดินอยู่ตั้ง 1๐๐ กว่าไร่ แต่ก็เหมือน “มากขี้ควายหลายขี้ช้าง” ทำนาทำไร่ไม่ได้ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินเค็ม
  • เธออุตส่าห์ไปฝึกเรียนวิชาชีพมาตั้งมากมาย อย่าให้กลายเป็นมากขี้ควายหลายขี้ช้าง เอาความรู้ความสามารถมาใช้ให้เกิดประโยชน์บ้าง
  • สมหมายคำพูด ความรู้ มีเยอะมีมากเต็มไปหมด แต่พอจะเอาเรื่องเอาราว เอาประโยชน์จริงๆ กลับหาไม่ค่อยจะได้ มากขี้ควาย หลายขี้ช้างจริงๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยมีตาแต่หามีแววไม่ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มีตาแต่หามีแววไม่

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยมีตาแต่หามีแววไม่

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงแววตา ตามปกติตาจะต้องมีแววทุกดวงไป ถ้าตาไม่มีแววแสดงว่าตาดวงนั้นผิดปกติ และดวงตามีไว้สำหรับดู เมื่อดูสิ่งที่มีค่ากับเห็นว่าไม่มีเห็นคุณค่า จึงเป็นที่มามีตาแต่หามีแววไม่

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ มีตาเสียเปล่าแต่ขาดไหวพริบ ไม่รู้จักแยกแยะว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดี

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยมีตาแต่หามีแววไม่

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตมีตาแต่หามีแววไม่

  • คนร้ายที่ตกทองจะทำการสำเร็จได้ก็เฉพาะกับคนที่มีความโลภอยู่ในจิตใจ และ เป็นผู้ที่มีตาแต่หามีแววไม่ เพราะมองไม่ออกว่าทองที่เขานำมาหลอกล่อนั้นเป็นทองปลอม
  • เขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท เธอไปทำกิริยามารยาทูดจาไม่ดีแบบนั้นได้อย่างไร มีตาหามีแววไม่จริงๆ ระวังจะถูกไล่ออก
  • อยากขอโทษอะไรที่ร้ายๆ อยากให้เธออภัยในสิ่งที่ฉันผิดพลั้งไปมากมาย อยากขอโทษในวันที่ผ่านมา อาจเพราะฉันมีตาแต่หามีแววไม่ ทำสิ่งดีๆหล่นหาย ทำคนที่รักฉันเสียใจ
  • เธอนี่มีตาหามีแววไม่จริงๆ พนักงานคนนั้นเป็นคนดีมีฝีมือ เก่งที่สุดแล้วแต่เธอกลับไล่เขาออกไปได้ เพราะไปฟังคนพนักงานที่สนิทด้วยนี่นะ!!
  • ได้พบกับคนรักที่รักเรา แต่เรากลับไม่รักเขา จนเขาจากไป สุดท้ายกลับโหยหาเขากลับมา เรามันมีตาแต่หามีแววไม่ ต้องทนรับความเสียใจไว้คนเดียว ปล่อยเขาไปมีชีวิตที่ดี

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยมืดแปดด้าน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มืดแปดด้าน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยมืดแปดด้าน

ที่มาของสำนวน มาจากทิศทั้งแปด ได้แก่ ทิศเหนือ หรือ ทิศอุดร ทิศใต้ หรือ ทิศทักษิณ ทิศตะวันออก หรือ ทิศบูรพา ทิศตะวันตก หรือ ทิศประจิม ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ทิศอีสาน ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ทิศอาคเนย์ ทิศตะวันตกฉียงเหนือ หรือ ทิศพายัพ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือ ทิศหรดี

ทิศทั้งแปดที่มืดมนไปหมดทุกทิศ ปรากฎในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ในขณะที่พระมัทรีออกไปหาผลไม้ในป่า ได้เกิดลางร้ายขึ้นดังนี้

“ปางนั้นส่วนสมเด็จพระมัทรีศรีสุนทรเทพกัญญา จำเดิมแต่พระนาวเธอลีลาล่วงลับพระอาวาส พระทัยนางให้หวั่นหวาดพะวงหลัง ตั้งแต่พระทัยเป็นทุกข์ถึงพระเจ้าลูกมิลืมเลย เดินพลางทางเสวยพระโศกพลาง พระนัยเนตรทั้งสองข้างไม่ขาดสายพรอัสสุชล ทิศทั้งแปดก็มืดมิดมัวมนทุกแห่งหน ทั้งขอบฟ้าก็ดาษแดงเป็นสายเลือด ไม่เว้นวายหายเหือดเป็นลางร้ายไปรอบข้าง” เมื่อประสบกับเหตุการณ์ที่เป็นปัญหา ไม่รู้ว่าจะแก้ไขได้อย่างไร จึงพูดเป็นสำนวนว่า มืดแปดด้าน

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คิดไม่ออก จนปัญญา ไม่รู้จะหาทางออกได้อย่างไร แก้ปัญหาไม่ได้ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยมืดแปดด้าน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตมืดแปดด้าน

  • คดีลอบปล้นร้านทองกลางเมือง ตอนนี้ตำรวจยังมืดแปดด้าน ไร้วี่แววคนร้าย ยังไม่มีหลักฐานใดๆที่จะสาวไปถึงตัวผู้ลงมือได้
  • ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกและสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบกับมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศทำให้ธุรกิจการบินมีปัญหาทางการเงินอย่างมาก ผู้บริหารมืดแปดด้านไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว หากไม่ได้รับการช่วยเหลือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำตามยื่นขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลก็คงต้องปิดกิจการ
  • ตอนนี้ธุรกิจของฉันมีปัญหาทางการเงินมาก ไม่มีเงินทุนหมุนเวียนทำให้ส่งงานให้ลูกค้าได้ไม่ทันตามกำหนดจนตอนนี้มืดแปดด้านไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
  • สถานการณ์ตอนนี้หลายๆคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในสภาพมืดแปดด้าน ตามสำนวนไทยมืดแปดด้านหมายถึง คิดอะไรไม่ออก นึกไม่ออก จนปัญญาหาทางออกไม่ได้ ปกติจะมี ทิศหกทิศ คือ บน ล่าง ซ้าย ขวา หน้า หลัง คนโบราณคงจะต้องการเน้นย้ำว่ามันจนหนทางอย่างเหลือเกิน จึงมีสำนวนมืดแปดด้าน ออกมา มืดจริงๆในชีวิตคงไม่มีแม้เราจะหลับตาในที่มืดมันก็ยังมีแสง ไม่มีทางที่จะเจอหลุมดำที่แม้แต่แสงยังไม่สามารถผ่านได้
  • เวลาชีวิตมืดแปดด้าน ไม่รู้ไปทางไหน ไม่เป็นไรนั่งพักสักหน่อย แล้วเดินหน้าต่อไป แม้คุณจะอยู่ในนรกก็ตาม สุดท้ายมันจะมีทางออกเสมอ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยใฝ่ร้อนจะนอนเย็น ใฝ่เย็นจะดิ้นตาย ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฝ. ใฝ่ร้อนจะนอนเย็น ใฝ่เย็นจะดิ้นตาย

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยใฝ่ร้อนจะนอนเย็น ใฝ่เย็นจะดิ้นตาย

ที่มาของสำนวน การใฝ่ร้อนในที่นี่หมายถึงการทำงานหนัก สู้ชีวิต ไม่ย่อท้อ อดทน สุดท้ายจะได้นอนเย็นๆ สบายๆ ส่วนการใฝ่เย็นคือหาความสบาย ไม่ทำงาน ไม่เอาอะไรนอกจากความสบาย สุดท้ายก็จะทุกข์ ดิ้นรนจนตาย ยามไม่เหลืออะไร

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ มุ่งหวังจะสบายต้องทํางาน ถ้าเกียจคร้านจะลําบากยากจน

กล่าวคือ คนตั้งใจทำงานขยันขันแข็งยอมลำบากในตอนนี้จะสุขสบายในภายภาคหน้า แต่คนที่เกียจคร้านเอาแต่ความสบายไม่ยอมทำงาน ในภายภาคหน้าจะลำบากยากจน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยใฝ่ร้อนจะนอนเย็น ใฝ่เย็นจะดิ้นตาย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตใฝ่ร้อนจะนอนเย็น ใฝ่เย็นจะดิ้นตาย

  • อยากรวยต้องทำงานหนักวันนี้ อยากจนก็อยู่สบายวันนี้ ดั่งที่เขาว่าไว้ใฝ่ร้อนจะนอนเย็น ใฝ่เย็นจะดิ้นตาย ชีวิตเลือกเองได้เลยว่าจะเอาแบบไหน
  • หลานยังหนุ่มยังแน่นขยันทำงานเข้าเถอะ จำไว้ว่าใฝ่ร้อนจะนอนเย็น ใฝ่ย็นจะดิ้นตาย รับรองว่าในอนาคตยามบั้นปลายชีวิตหลานจะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องมาลำบากเหมือนลุงตอนนี้
  • นี่นักเรียนอนาคตจะเป็นอย่างไร อยู่ที่การกระทำในวันนี้ หลังจากเรียนจบแล้ว ใครขยันก็จะสบาย มีเงิน ใครขี้เกียจก็จะจน ไม่มีเงิน ดั่งว่าใฝ่ร้อนจะนอนเย็น ใฝ่เย็นจะดิ้นตาย จำไว้นะนักเรียน
  • ชีวิตคนเรามันจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ใฝ่ร้อนจะนอนเย็น ใฝ่เย็นจะดิ้นตาย เพราะทางเลือกชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน
  • ยังไงผมก็จะสู้ชีวิต ผมเชื่อมาเสมอว่าคนใฝ่ร้อนจะนอนเย็น ใฝ่เย็นจะดิ้นตาย วันนี้ไม่มีเป็นไร วันหน้าต้องมั่งมี และครอบครัวต้องสบาย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยปากหอยปากปู ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ป. ปากหอยปากปู

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยปากหอยปากปู

ที่มาของสำนวน แน่นอนว่ามีที่มาจากหอยและปู อันเป็นสัตว์ที่มีปากอย่างสัตว์อื่นๆ แต่ทว่าเล็กและส่งเสียงไม่ได้ จึงเปรียบเปรยถึง มีปากไว้พูดแต่ก็ไม่มีใครฟัง พูดไปก็เป็นเพียงเสียงเล็กเสียงน้อย เหมือนปากของหอย ปากของปู

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ผู้ที่ชอบซุบซิบนินทา พูดเล็กพูดน้อย แต่ก็ไม่มีความสลักสำคัญอะไรมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ หรือให้ใครมาสนใจ

*ในปัจจุบันความหมายในชั้นแรกได้เลือนหายไปแล้ว เหลือแต่กรณีซุบซิบนินทา

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยปากหอยปากปู

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตปากหอยปากปู

  • เมื่อนักร้องชื่อดังประกาศแต่งงานกับไฮโซอายุรุ่นพ่อแบบสายฟ้าแลบ ก็มีพวกปากหอยปากปูนินทาว่านักร้องคนนี้ต้องท้องก่อนแต่งแน่ๆ
  • ยายหนิงไม่น่าไปคบกับพวกยายปูเลย ใครๆ ก็รู้ว่ากลุ่มยายปูนี่ปากหอยปากปูขนาดไหน
  • คนปากหอยปากปู!! โบราณท่านนิยมใช้เรียกคนที่ปากไม่ดี ชอบนินทาว่าร้าย ชอบให้ร้ายคนอื่นลับหลัง โดยสามารถนินทาได้สารพัดไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ คนพวกนี้สามารถนินทาได้หมด
  • เธออย่าไปสนใจพวกปากหอยปากปูเลย เราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดเสียหน่อย ก็รู้อยู่ว่าพวกนี้มีปากก็พูดไปเรื่อย
  • เวลาพัฒนาตัวเอง มันจะมีพวกปากหอยปากปูซุบซิบนินทาตลอด คำแนะนำคือไม่ต้องไปสนใจ มุ่งพัฒนาทำสิ่งที่ดีต่อตัวเองต่อไป แล้วให้ความสำเร็จของเราหุบปากพวกเขาเอง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube