สุภาษิตคำพังเพยพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ พ. พบไม้งามเมื่อขวานบิ่น

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น

ที่มาของสำนวนนี้ เปรียบเปรยถึงเมื่อมาเห็นมาพบต้นไม้งามๆที่พึงประสงค์ อุปกรณ์ในการโค่นฟัน ขวานก็ใช้การไม่ได้เสียแล้ว จึงทำให้หมดโอกาสที่จะได้ไม้ที่ดีๆไว้ในการครอบครอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ พบหญิงสาวที่ต้องใจเมื่อแก่ มักใช้กับชายที่แก่ชรา หรือชายที่มีครอบครัวแล้ว มาพบหญิงสาวที่ถูกใจ ก็หมดปัญญาที่จะเกี้ยวพามาเป็นภรรยาได้ เพราะตนเองมีครอบครัวแล้ว หรือ ไร้สมรรถภาพไปซะแล้ว หรือพูดง่ายๆ ว่าเจอกันช้าไป สำนวนนี้นิยมใช้กับการตัดพ้อกับตนเอง และแน่นอนว่าเมื่ออยู่ในภาวะนี้ เราควรต้องตัดใจ ไม่ฝืนธรรมชาติ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น

  • นี่ถ้ายังหนุ่ม ๆ นะแม่สาวคนนี้ฉันจีบแน่เสียดายมาพบไม้งามเมื่อขวานบิ่นเสียแล้ว
  • ตัดใจเสียเถอะมาพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น อย่าไปยุ่งกับเธอเลยเพราะนายเองก็มีครอบครัวอยู่แล้ว
  • ภาคินได้พบกับสมศรีซึ่งเป็นสาวงาม มีความน่ารักตรงใจภาคิน แม้ว่าภาคินจะชอบสมศรีมากเพียงใด ก็ต้องตัดใจเพราะภาคินมีภรรยาอยู่แล้ว ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “พบไม้งามเมื่อขวานบิ่น”
  • ทำไมเราไม่เจอกันให้เร็วกว่านี้ซัก 10 ปี มาพบกันในขณะที่ผมมีครอบครัวแล้ว แบบนี้มันเข้าตำราพบไม้งามเมื่อขวานบิ่นชัดๆ
  • น่าเสียดายมาเจอสาวถูกใจก็เมื่อยามแก่ทำได้แค่มอง อย่างนี้แหละที่เขาว่าพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยฝนทั่งให้เป็นเข็ม ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฝ. ฝนทั่งให้เป็นเข็ม

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยฝนทั่งให้เป็นเข็ม

ที่มาของสำนวนนี้คือ เปรียบเปรยถึงก้อนทั่งเป็นก้อนเหล็กที่มีขนาดใหญ่ หากฝนให้บางลงจนเป็นเข็ม จะต้องใช้ความพยายามอย่างสูงและอดทนอย่างมาก

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ มีเพียรพยายามสุดความสามารถจนกว่าจะสำเร็จผล มักใช้กับคนที่มีความพยายามทำงานเหมือนตกนรก สู้ชีวิต จนชีวิตประสบความสำเร็จได้นั่นเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยฝนทั่งให้เป็นเข็ม

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตฝนทั่งให้เป็นเข็ม

  • คณะดำเนินงานทีมนี้กำลังฝนทั่งให้เป็นเข็ม เพื่อที่จะให้ผลงานออกมาดีที่สุด
  • จะทำงานนี้ให้สำเร็จ พวกเราทุกคนต้องใช้ความพยายามกันอย่างสูงทุกคน เทียบได้กับการฝนทั่งให้เป็นเข็มเชียวละ
  • งานชิ้นนี้เป็นงานที่ยากราวกับการฝนทั่งให้เป็นเข็ม แต่ประยุทธ์กับธนาธรก็ร่วมมือกันทำจนสำเร็จได้ในที่สุด
  • สมชายมีความเพียรพยายามสู้ชีวิตสร้างธุรกิจอย่างยากลำบากเหมือนฝนทั่งให้เป็นเข็ม สักวันจะประสบผลสำเร็จแน่นอน
  • หลายๆ คนคงลืมไปว่ากว่าจะรวยได้ ต้องทำงานเหมือนตกนรก ทำงานให้ถูกที่ถูกทางด้วย เปรียบถึงกับการฝนทั่งให้เป็นเข็มมันยากจริงๆ กว่าจะทำได้ พยายามพัฒนาตนเองต่อๆ ไปในทุกๆ วัน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยฝนตกไม่ทั่วฟ้า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฝ. ฝนตกไม่ทั่วฟ้า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยฝนตกไม่ทั่วฟ้า

ที่มาของสำนวน สำนวนดังกล่าวน่าจะมีที่มาจากการที่มีฝนตกที่บางสถานที่ แต่ห่างไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตรกลับไม่มีฝนตกเลย นั่นทำให้เกิดความประหลาดใจ และมีการยกเอามาเป็นสำนวนไทยนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การให้ความช่วยเหลือที่ไม่ทั่วถึงกัน ซึ่งบางครั้งก็เป็นเรื่องยาก เพราะผู้คนก็มีมาก อย่างเวลาที่เกิดปัญหาบางอย่าง ภัยธรรมชาติ หรือเหตุร้ายต่างๆ แต่บางทีการช่วยเหลือนั้นก็มุ่ง ช่วยเหลือคนเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยฝนตกไม่ทั่วฟ้า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตฝนตกไม่ทั่วฟ้า

  • การใช้ความช่วย เหลือคนจึงต้องช่วยคนดี เพราะคนมีโอกาสกระทำความดีต่อ เนื่องกันไป หรือให้ความช่วยเหลือคนอื่นเป็นทอดๆ ต่างจากคน เห็นแก่ตัว รับอย่างเดียว ไม่ช่วยเหลือผู้อื่น
  • หน่วยงานของรัฐได้เข้าไปบริจาคสิ่งของอุปโภค บริโภคที่จำเป็นชาวบ้านในถิ่นธุรกันดาร แต่เนื่องจากมีชาวบ้านอยู่กันหลายครอบครัวทำให้ได้รับสิ่งของไม่ทั่วถึง ชาวบ้านบางคนถึงกับน้อยใจว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้า
  • ความลำเอียงของคนเรา หรือเห็นแก่พวกพ้องเป็นเรื่องปกติ อย่างกรณีเกิดภัยทางธรรมชาติ การให้ความช่วยเหลือประชาชน บางคนก็จะให้ความช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มหรือคนที่สนับสนุนตน เอง อย่างนักการเมือง ฝนตกไม่ทั่วฟ้า ให้ความช่วยเหลือไม่ทั่วถึง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้
  • ฝนตกไม่ทั่วฟ้า เขื่อนพิมาย โคราช เหลือน้ำไม่ถึง 10 % ชาวนาท้ายเขื่อนยังคงเดือดร้อน หวั่นไม่มีน้ำใช้
  • ความรักใคร่เฉพาะพวกพ้องเป็นเรื่องปกติของคนเรา แม้แต่ ในครอบครัว วงศาคณาญาติกันก็ตาม การให้ความช่วยเหลือกัน ก็อาจจะ ฝนตกไม่ทั่วฟ้า ช่วยเหลือเฉพาะญาติที่ตนรักใคร่เท่านั้น และบางคนก็อาจจะได้รับบทเรียนราคาแพง เมื่อญาติที่ตนให้ ความช่วยเหลือ กลับไม่สามารถพึ่งพาอะไรได้ สุดท้ายก็ได้รับ ความช่วยเหลือจากคนที่ตัวเองไม่เคยสนใจไยดี

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยผีถึงป่าช้า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ผ. ผีถึงป่าช้า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยผีถึงป่าช้า

ที่มาของสำนวนนี้ ในสมัยก่อนการเผาศพคนตายนั้นจะทำที่ป่าช้า ไม่ใช่ทำที่วัดเหมือนในปัจจุบันนี้ เมื่อมีคนตายก็จะแห่ศพหรือที่เรียกว่าผี ไปที่ป่าช้าเพื่อที่จะทำการเผา หรือฝังศพคนตาย และเมื่อคนตายถึงป่าช้าแล้วก็จะรีบทำการเผาหรือฝังในทันที หลังจากที่ทำพิธีทางศาสนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าหากทั้งไว้เนิ่นนาน อาจจะทำให้เน่าเหม็นหรือสัตว์มากินได้ ดังนั้นสำนวน ผีถึงป่าช้า นั้นจึงหมายถึงต้องยอมทำด้วยความจำใจหรือไม่มีทางเลือก

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ภาวะจำยอม ต้องยอมทำเพราะความจำใจไม่มีทางเลือก หรือไม่เต็มใจแต่ก็ต้องทำ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยผีถึงป่าช้า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตผีถึงป่าช้า

  • ฉันซื้อแพคเกจทัวร์ไปเที่ยวญี่ปุ่นโดยบริษัททัวร์แจ้งว่าเป็นราคารวมอาหารและที่พัก 5 ดาว แต่พอไปถึงกลับเป็นห้องพักถูกๆ ไม่มีอาหารให้ ผีถึงป่าช้าแล้วยังไงก็ต้องนอน
  • ก็มีคำสั่งลงมาแล้วฉันก็คงต้องไปในเมื่อผีถึงป่าช้าแล้วยังไงก็ต้องเผา
  • ระหว่างทางขับรถไปต่างจังหวัดมนัสรู้สึกว่ายางแบนจึงแวะเข้าร้านปะยาง พอถามราคาแล้วกะฟันเต็มที่ แต่ก็ไม่มีทางเลือกผีถึงป่าช้าแล้วก็เลยต้องให้เขาทำ
  • ในเมื่อเจ้านายมาผมจะไม่ไปด้วยก็คงไม่ได้ ผีถึงป่าช้าแล้วไม่เผาก็กระไร
  • บางครั้งชีวิตต้องจำยอม เคยรุ่งเรืองขึ้นสุด ก็พังทลายลงมาได้ ต้องสู้ชีวิตเหมือนกับผีถึงป่าช้า ถ้าไม่สู้ต่อก็ไม่มีเงินกิน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยผีซ้ำด้ำพลอย ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ผ. ผีซ้ำด้ำพลอย

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยผีซ้ำด้ำพลอย

ที่มาของสำนวน ที่มาของสำนวนนี้น่าจะมาจากแถวๆ อีสาน สังเกตจากคำว่า ด้ำ ที่เป็นภาษาถิ่นอีสาน หมายถึงผีบ้านผีเรือน ประมาณว่า เจอปัญหาอยู่แล้ว ผีบ้านผีเรือน (ด้ำ) ยังเอาปัญหาอื่นมาผสมโรงอีก อะไรทำนองนั้น

สำนวนนี้ใช้กันแต่โบราณ วันนี้ก็ยังใช้ เพียงแต่ว่าจะเข้าใจความหมายได้ลึกตื้นแค่ไหน

“กาญจนาคพันธุ์” อธิบายไว้ในหนังสือ “สำนวนไทย” เมื่อถึงคราวเคราะห์ร้ายแล้ว ผีอาจบันดาลให้เกิดโทษขึ้นได้ หรือกำลังเคราะห์ร้าย ผีอาจซ้ำเติมเอาได้

ในทัศนะผู้ใหญ่สมัยโบราณ พูดถึงการถืออาวุธหยอกล้อกัน เช่น จะแทง จะฟัน เป็นการล้อกันธรรมดา ท่านจึงห้ามว่า “เดี๋ยวผีซ้ำด้ำพลอย” คือผีอาจผลักมือคนถืออาวุธ ทำให้อีกฝ่ายถูกอาวุธเข้าจริงๆ ได้

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ถูกซ้ำเดิมเมื่อถึงคราวเคราห์ร้ายหรือพลาดพลั้ง หรือเมื่อมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ก็มีเรื่องราวหรือปัญหาเข้ามาเพิ่มซ้ำเติมให้หนักกว่าเดิมอีก

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยผีซ้ำด้ำพลอย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตผีซ้ำด้ำพลอย

  • สํานวนสุภาษิตนี้ มักจะมีคนเขียนเป็น “ผีซ้ำด้ามพลอย” ซึ่งที่จริงแล้วไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องเป็น “ผีซ้ำด้ำพลอย” มีความหมายว่าเมื่อเกิดปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่แล้ว แต่ก็มีมีเรื่องราวหรือปัญหาเข้ามาเพิ่มซ้ำเติมให้หนักกว่าเดิมอีก
  • มีคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า “ผีซ้ำด้ำพลอย” เรื่องเก่ายังไม่ทันหมด เรื่องใหม่ก็โผล่ขึ้นมา ทำให้เกิดความรู้สึกสับสน คนเราเวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็จะกลัวไปต่างๆ นานา
  • สมชายถูกไล่ออกจากงานทำให้เขาขัดสนไม่มีเงิน อยู่มาวันหนึ่งรถยนต์ของเขาก็ถูกขโมย ทำให้ยิ่งลำบากเข้าไปอีก ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า ผีซ้ำด้ำพลอย
  • รู้จักความสำคัญของคำ “ด้ำ” ที่อยู่ในสำนวน “ผีซ้ำด้ำพลอย” อีกที ชัดเจนแล้วนะครับ ด้ำ คือผีพ่อแม่ปู่ย่าตายาย… ญาติผู้ใหญ่ คนเราเมื่อเคราะห์หามยามร้าย… ถึงขนาดไร้ญาติขาดมิตร หากยังมีผู้ใหญ่คอยอุปถัมภ์ค้ำจุน… เคราะห์ร้ายก็เบาลง หรือถ้าผู้ใหญ่ยังยิ่งใหญ่ ก็อาจปัดเป่าเคราะห์ร้ายให้กลายเป็นเคราะห์ดี
  • ผีซ้ำด้ำพลอย! ชาวขอนแก่นช้ำอีก เจอน้ำท่วมหนัก โจรยังงัดบ้าน 4 หลังรวด

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยผักชีโรยหน้า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ผ. ผักชีโรยหน้า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยผักชีโรยหน้า

ที่มาของสำนวนนี้คือ เปรียบเทียบกับการเอาผักชีที่ใช้โรยหน้าหรือตกแต่งหน้าอาหารให้ดูน่ารับประทาน ทั้งมีกลิ่นหอม และเพิ่มรสชาติให้อาหารอร่อย เช่นเดียวกับการทำงาน การจัดงาน หรือจัดสถานที่ต่าง ๆ เมื่อมีผู้มาตรวจ มาเยี่ยม ก็จะจัดหาของสวย ๆ งาม ๆ หรือดูดี มาตกแต่ง เมื่อผู้มาตรวจ มาเยี่ยมกลับไป ของเหล่านั้นก็จะถูกรื้อออกกลับเป็นสภาพเดิมที่ไม่สวยงาม สกปรกเลอะเทอะ หรือไม่เรียบร้อย

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การทำความดีเพียงผิวเผิน ไม่ได้ทำดีอย่างจริงจังเป็นประจำ หรือสม่ำเสมอ จะทำดีเฉพาะหน้าหรือเวลามีคนมาตรวจ มาเยี่ยม ส่วนมักใช้จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยผักชีโรยหน้า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตผักชีโรยหน้า

  • ลูกต้องทำงานด้วยความตั้งใจเพื่อให้ผลงานออกมาดี ไม่ใช่ทำลวกๆ แล้วเอาผักชีโรยหน้าเพื่อปิดบังมันไว้
  • ผู้ว่าราชการจังหวัดจะไปตรวจท้องที่ในวันพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่ทุกอำเภอรีบจัดซื้อไม้ดอกไม้ประดับมาตกแต่งตั้งแต่ประตูทางเข้าจนถึงหน้าห้องน้ำ ผักชีโรยหน้ากันทั้งนั้น
  • นี่เธอ งานเราเสร็จไม่ทันแน่นอน เธอรีบทำดอกไม้ประดับงานแบบผักชีโรยหน้าไปก่อนนะ ขอให้รอดงานนี้ไปก่อน
  • สมชายทราบว่าเจ้านายจะเข้าสำนักงานในอีก 1 ชั่วโมง ในขณะที่สำนักงานนั้นก็รกรุงรัง ไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยเอาเสียเลย จึงรีบโกยของทุกอย่างใส่ลังแล้วเอาไปซ่อนไว้ในห้องเก็บของ เหลือไว้แต่สิ่งสวยๆ งามๆ เล็กน้อยๆ เท่านั้น เมื่อเจ้านายมาถึงก็ได้เห็นสำนักงานนั้นเรียบร้อย สวยงาม
  • งานประชุมครั้งนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า ผักชีที่อุตส่าทำไว้โรยหน้าก็ช่วยอะไรไม่ได้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยผัวหาบ เมียคอน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ผ. ผัวหาบ เมียคอน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยผัวหาบ เมียคอน

ที่มาของสำนวน หาบคือการเอาของห้อยทีปลายไม้ คานทั้งสองข้างแล้วแบกกลางคาน ส่วนคอนคือเอาสิ่งของห้อยทีปลายไม้คานหรือปลายไม้เพียงข้างเดียวแล้วแบกขึ้นบ่า ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ชายหาบหญิงคอนก็คือการช่วยกันทำงานนั่นเอง

สำนวนที่คล้ายกัน ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ช่วยกันทำมาหากินทั้งสามีภรรยา โดยคู่สามีภรรยาที่ช่วยกันทำมาหากิน ด้วยการทำงานอย่างแข็งขัน เพื่อช่วยกันสร้างฐานะให้มั่นคง ซึ่งจะทำให้ชีวิตไม่ขัดสน และไม่พออยู่พอกิน เป็นสิ่งที่สมควรทำในทุกยุคทุกสมัย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยผัวหาบ เมียคอน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตผัวหาบ เมียคอน

  • กว่าจะมาถึงวันนี้ได้พวกเราก็ผัวหาบเมียคอนกันมานานเหมือนกัน
  • ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียเล้งถึงแม้จะมีลูกน้องคอยเสิร์ฟอาหาร แต่เมียของเฮียเล้งก็ไม่เคยอยู่เฉย เธอจะมาช่วยเฮียเล้งหยิบถ้วยหยิบชาม คอยทักทายลูกค้า ช่วยเฮียเก็บเงิน และขอบคุณลูกค้าที่มาอุดหนุน
  • การมีคู่ชีวิตที่ดี เป็นสามีภรรยาที่ช่วยกันทำมาหากิน ผัวหาบเมียคอน ต่างคนก็ต่างช่วยกันสร้างรายได้นั้น หาได้ไม่ง่ายนักในยุคนี้ เพราะการเลือกคู่ของคนเรานั้น บางคนก็เน้นเลือกคนรวยไว้ก่อน หวังสบายมีคนทำมาหาเลี้ยง ไม่ต้องทำงาน จะคบคนเป็นคู่ครองจึงต้อง
  • สมัยนี้ทั้งสามีภรรยาต่างก็ต้องช่วยกันทำมาหากินแล้วถึงจะอยู่รอดเหมือนที่เขาว่าผัวหาบเมียคอน จะรอให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหาคงไม่พอกิน
  • ฉันชื่นชมสามีภรรยาคู่นี้จริงๆ ช่วยกันทำมาหากินผัวหาบเมียคอนขยันทำงานกันสุดๆ ร่วมกันเก็บเงินสร้างอนาคต

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยไปไหนมา สามวาสองศอก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ป. ไปไหนมา สามวาสองศอก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยไปไหนมา สามวาสองศอก

ที่มาของสำนวน เป็นความยาวของเรือ เรื่องมีอยู่ว่ามีคนหนึ่งเพิ่งได้เรือใหม่ รู้สึกดีใจอยากอวดชาวบ้าน พอพายกลับบ้าน ชาวบ้านที่ท่าน้ำก็ทักทายว่าไปไหนมา อารามอยากอวดก็ไม่ทันฟังว่าเขาถามว่าอะไร นึกว่าถามว่าเรือยาวเท่าไหร่ เลยตอบว่าสามวาสองศอก จริงๆ บทสนทนายังมีต่ออีก 2-3 คำถามที่ตอบคนละเรื่องกับที่ถาม

สามวาสองศอก (7 เมตร) เป็นความกว้างด้านสกัดของเรือนไทยภาคกลางที่เป็นแบบนิยม ท่านกล่าวว่า มีคนถามไปไหนมาตามประสามิตรไมตรี คนตอบช่างคิดแกล้งให้คนถามตีความคำตอบว่า มาจากบ้านครับ เรื่องเล่าสำนวนไทยนี้ ร่ำๆ มาจากเรื่องเล่าศรีธนนชัย ต่อมาก็มีบางท่านเอามาเป็นสำนวนฟังความผิด หรือตอบไม่ตรงความ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ถามอย่างหนึ่ง ตอบไปอีกอย่างหนึ่ง การพูดหรือตอบคำถามไม่ตรงคำถาม ซึ่งอาจเกิดจากการไม่เข้าใจ ไม่ได้ยิน หรือได้ยินไม่ชัดว่าผู้ถามถามว่าอะไรกันแน่ หรือต้องการที่จะเบี่ยงประเด็นที่จะตอบคำถามโดยตรงที่อาจจะกระทบบางอย่างก็ได้ การถามอีกอย่างแล้วตอบอีกอย่างใช้เพื่อที่จะกลบเกลื่อน หรือเบี่ยงเบนความสนใจผู้ถามจากประเด็นก็ได้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไปไหนมา สามวาสองศอก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไปไหนมา สามวาสองศอก

  • ความสละสลวยของภาษาจึงถูกคนสมัยใหม่มองว่า มีความสำคัญน้อยกว่าการสื่อสารกันให้เข้าใจ โดยลืมไปว่าความสละสลวยของภาษานั้น จะยิ่งทำให้ภาษามีความแน่นอนมากขึ้น โอกาสที่จะสื่อสารรับและส่งข้อความคลาดเคลื่อนกัน ในลักษณะ “ไปไหนมา สามวาสองศอก” ก็จะลดลงตามไปด้วย
  • สมชายมันเป็นคนพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่รู้เป็นอะไรของมัน ถามมันทีไรเหมือนไปไหนมา สามวาสองศอกจริงๆ ถามอีกอย่างตอบอีกอย่าง เหมือนคุยกับคนบ้า
  • อิหยังวะ ภาครัฐไทย ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ ถามอย่าง ตอบอีกอย่าง แล้วหลายๆอย่าง มันช่างคลับคล้ายคลับคลา เหมือนสำนวนที่ว่า “ไปไหนมา สามวาสองศอก”
  • ผมถามอีกอย่าง คุณก็ตอบอีกอย่าง มีอะไรปิดบังหรือเปล่า อย่ามาพูดแบบไหนมา สามวาสองศอก ผมไม่ชอบ
  • ไปไหนมาสามวาสองศอก ตอบให้ตรงคำถาม การตอบไม่ตรงคำถาม ที่เคยเจอมีหลายแบบ เช่น ตอบอ้อมไปอ้อมมา กว่าจะมาถึง จนคนฟังเบื่อ ตอบหว่านแห ครอบจักรวาล ไม่เข้าเรื่องสักที จนหาทางกลับไม่เจอ ตอบคนละประเด็นกับสิ่งที่ถามไปเลย ตอบ เร็ว พูดไว ไม่รู้กลัวคนเข้าใจเยอะหรือเปล่า

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยปิดทองหลังพระ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ป. ปิดทองหลังพระ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยปิดทองหลังพระ

ที่มาของสำนวน เป็นการเปรียบเปรยถึงการปิดทองที่ด้านหลังของพระพุทธรูป ที่คนส่วนใหญ่มักมองเพียงด้านหน้าขององค์พระ แต่การปิดทองทั่วทั้งองค์จะทำให้พระพุทธรูปนั้นมีความสวยงามทั่วทั้งองค์

ในส่วนของความเชื่อมโยงเกี่ยวกับความเชื่อเรื่อง “การปิดทององค์พระพุทธรูป” นั้นมีความเชื่อว่า การปิดทองหลังองค์พระ จะช่วยให้ส่งเสริมให้ผู้ปิดทองมีผิวพรรณดี มีความผ่องใส และมีสง่าราศี

นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับการปิดทองพระพุทธรูปในตำแหน่งอื่นๆ ด้วย เช่น

  • ปิดทองที่ศีรษะ: ความจำดี มีสติปัญญาเป็นเลิศ ฉลาดหลักแหลม
  • ปิดทองที่ใบหน้า: มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ
  • ปิดทองที่หน้าอก: เป็นที่ถูกอกถูกใจและเป็นที่รักใคร่ ใครเห็นก็เอ็นดูเมตตา
  • ปิดทองที่สะดือ: มีคนคอยอุปถัมภ์ค้ำจุน และได้รับการเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี
  • ปิดทองบริเวณท้อง: จะช่วยให้มั่งมี ร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังทำให้มีโชคมีลาภ
  • ปิดทองที่มือ: มีอำนาจบารมี เป็นที่น่าเคารพยกย่อง
  • ปิดทองที่เท้า: ช่วยให้ชีวิตพบเจอแต่ความราบรื่น ความสมบูรณ์เพียบพร้อม
  • ปิดทองที่ฐานรอง: ช่วยให้มีชีวิตที่มั่นคงแข็งแรง เจออุปสรรคอะไรก็จะไม่ย่อท้อ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ทำดีโดยไม่ต้องป่าวประกาศ, ทำความดีโดยไม่เป็นที่รับรู้ของใคร, ทำความดีแต่ไม่ได้รับการยกย่อง เพราะไม่มีใครเห็นคุณค่า หรือไม่มีใครรู้ หรืออาจจะใช้ในประโยคทำนองพ้อว่าทำดีแล้วไม่มีใครรู้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยปิดทองหลังพระ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตปิดทองหลังพระ

  • พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็เคยพระราชทานพระบรมราโชวาทในเรื่องไว้ว่า “การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมาก ไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้”
  • ทุกๆ ตอนเช้า ป้าสมศรีจะนำอาหารไปให้สุนัขจอนจัดกิน แม้ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครเยินยอ ดังสำนวนสุภาษิตที่ว่า ‘ปิดทองหลังพระ’ แต่ป้าสมศรีก็มีความสุขที่ได้ทำความดี
  • นี่คุณการทำความดีนั้น ไม่จำเป็นต้องไปโฆษณาให้ใครเขารับรู้หรอก เหมือนเราปิดทองหลังพระ คนไม่เห็น แต่เราเห็น พระท่านก้สวยงามครบถ้วน ไม่ใช่สวยแต่ด้านหน้า
  • นางสาวบีกับเพื่อนกลุ่มเล็ก มักจะช่วยกันเก็บขยะในหมู่บ้านซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้หมู่บ้านของตนเองสะอาด สวยงาม เพื่อให้นักท่องเที่ยวพอใจในความสะอาดและอยากกลับมาเที่ยวอีก เพื่อให้คนในหมู่บ้านของเธอได้มีรายได้จากนักท่องเที่ยว โดยการกระทำของเธอและเพื่อนๆ ก็ทำกันเงียบๆ ด้วยความเต็มใจและตั้งใจ โดยไม่ได้ป่าวประกาศให้ใครรู้
  • เจ้าเมฆมันคอยช่วยเหลือเพื่อนๆอยู่เงียบๆ ใครเดือดร้อนมันก็ช่วย แต่ไม่มีใครรับรู้ บางคนกลับต่อว่าว่าเป็นคนไร้น้ำใจเสียอีก เข้าตำราปิดทองหลังพระเลย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยปากหวานก้นเปรี้ยว ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ป. ปากหวานก้นเปรี้ยว

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยปากหวานก้นเปรี้ยว

ที่มาของสำนวนนี้คือ เมื่อก่อนสำนวนนี้มักจะใช้ว่า หัวหวานก้นเปรี้ยว ซึ่งหมายถึงผลไม้เป็นหลัก โดยผลไม้เมื่อแก่และสุกนั้นบริเวณหัวของมันจะมีความหวานมากกว่าส่วนปลายหรือก้นของผลไม้ แต่ได้มีการเปลี่ยนจากคำว่า หัว มาใช้คำว่า ปาก แทน จึงเกิดเป็นสำนวนไทยที่กล่าวว่า ปากหวานก้นเปรี้ยว นั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ พูดจาอ่อนหวานแต่ไม่จริงใจ มักใช้กับคนที่ต่อหน้าพูดจาดี ไพเราะ อ่อนหวาน เป็นวาจาที่ซ่อนเร้นความหมายและความต้องการอย่างอื่นอยู่ด้วย แต่ความจริงกลับไม่มีความจริงใจ  พอลับหลังชอบว่าร้ายเอาไปนินทา ถ้าเจอคนประเภทนี้ ควรหลีกหนีให้ไกล ถ้าหลีกไม่ได้ก็ให้แค่รับฟังเฉยๆ อย่าคล้อยตามเป็นอันขาด

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยปากหวานก้นเปรี้ยว

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตปากหวานก้นเปรี้ยว

  • คนที่มักพูดจาดี อ่อนหวาน ฟังแล้วเคลิบเคลิ้ม แต่หาความจริงใจไม่ได้เลย คนแบบนี้เป็นคนที่คบไม่ได้ และไม่ควรเข้าไปข้องเกี่ยวด้วย ดังนั้นคนที่ถูกเปรียบเปรยว่าเป็นคนที่ ปากหวานก้นเปรี้ยวนั้นมักถูกมองในแง่ลบมาก เพราะว่าเป็นคนที่มีนิสัยในการพูดและการกระทำที่สวนทางกัน หรือปากกับใจไม่ตรงกัน พูดอย่างทำอย่าง คนแบบนี้จึงไม่น่าคบหาอย่างยิ่ง เพราะไม่มีความจริงใจกับใครเลย คบหาไปก็อาจจะทำให้เดือดร้อนได้
  • เห็นหน้าตาน่ารักดูไม่มีพิษมีภัยแบบนี้ พอต้องทำงานอยู่ด้วยกันนานๆ ทำให้รู้ว่านิสัยจริงๆ แล้วหล่อนเป็นพวกปากหวานก้นเปรี้ยว ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่น
  • การคบหากับคนปากหวานก้นเปรี้ยวจะต้องคอยระมัดระวังตัวอยู่เสมอ หรือ ต้องคอยแยกแยะระหว่างคำพูดที่จริงใจกับคำพูดที่เยินยอด้วยคำหวาน แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังชื่นชอบที่จะได้ยินได้ฟังคำพูดหวานๆ เพราะไม่มีความหวานใดจะสร้างความพึงพอใจให้กับคนเราได้เท่ากับคำพูดหวานหูเพียงไม่กี่คำ
  • ที่เขาต้องไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่มีคนคบเพราะเขาเป็นคนปากหวานก้นเปรี้ยว ชอบสร้างภาพ ต่อหน้าก็พูดจาดี อ่อนน้อม แต่พอลับหลังก็ใส่ร้ายคนอื่น ทำให้ตัวเองดูน่าสงสาร เป็นคนโปรดของเจ้านาย
  • คนบางคนเป็นพวกปากหวานก้นเปรี้ยวพูดจาดูดี แต่หาความจริงใจไม่ได้เลย ปากบอกพูดกับเราแค่คนเดียว แต่ลับหลังไม่รู้คุยกี่คน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube