สุภาษิตคำพังเพยไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน

ที่มาของสำนวนนี้ มาจากการที่เราไม่รู้ที่นอน หรือที่พักอาศัยของเขา และปลายเท้าหมายถึง ที่อยู่บ้านช่องหรือความเป็นมาว่ามาอย่างไร ไปอย่างไรทำให้ยากที่จะคาดเดา หรือเสี่ยงที่จะคบหานั่นเอง คนไทยให้ความสำคัญกับหัวนอนปลายตีนมากตั้งแต่สมัยโบราณ ถึงขั้นต้องทำเครื่องหมายว่าด้านใดเป็นด้านหัว และด้านใดเป็นด้านตีน การที่นอนกลับข้าง หัว ข้างตีนนั้น จึงเป็นสิ่งที่อัปมงคล และเขาถือกัน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ไม่รู้ว่าบ้านช่องอยู่ไหน เป็นลูกหลานใคร ไม่รู้จักพื้นเพ นิยมใช้กับคนที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่รู้ว่ามาจากไหน เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่รู้พื้นเพที่แน่นอน ไม่รู้จักครอบครัวและเทือกเถาเหล่ากอ ส่วนมาจะใช้เมื่อต้องการความปลอดภัยเมื่อต้องอยู่ร่วมกับคนผู้นั้น บุคคลลักษณะนี้ก็ย่อมจะถูกจับตามอง หรือผิดสังเกตุ หรือไม่น่าคบหาเป็นธรรมดา เพราะไม่รู้ว่าเป็นคนดีหรือคนร้าย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน

  • การคบคนแปลกหน้า ที่ ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากการพบเจอกันนั้น เป็นการพบเจอกันขณะเดินทางท่องเที่ยว อย่างการเที่ยวกางเต็นท์ไปตามอุทยานแห่งชาติในประเทศไทยเรา มีโอกาสเจอนักท่องเที่ยวในลักษณะนี้ เพราะนักท่องเที่ยวก็มีหลายแบบ บางคนก็เที่ยวตามอัตถภาพ ตามกำลังทรัพย์ ใช้จักรยานบ้าง รถมอเตอร์ไซค์เก่า รถยนต์เก่าบ้าง การแต่งตัวก็อาจะไม่ดูดี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร เพราะต่างคนต่างอยู่ทางใครทางมัน
  • แกจะใจดีเกินไปแล้วกับคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนยังกล้าให้เขามาอาศัยที่บ้าน
  • ไม่เคยเห็นกันตัวจริงไปไว้ใจให้เค้ายืมเงินง่ายๆได้ไง ขนาดญาติกันยืมเงินกันยังโกง นับประสาไรกะคนอื่นไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน
  • การเที่ยวกลางคืนต้องระวังคน ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน อย่างการไปเที่ยว กิน ดื่ม ตามร้านอาหาร ผับ เธค หากมีคนประเภทนี้เข้ามาทัก ให้บอกเด็กเสิร์ฟให้รู้ จะได้เป็นพยาน เพราะบางคนกินแล้วไม่มีเงินจ่าย ทำเนียนมาขอร่วมโต๊ะด้วย ก่อนจะชิ่งหนีไป คนประเภทนี้พูดดี หรืออาศัยช่วงจังหวะต่างคนต่างเมาถือโอกาสเอาเปรียบ บางคนก็อันตรายมากกว่านี้ พกพาสิ่งผิดกฏหมายติดตัว แต่เพราะความเมาดันชวนชึ้นรถไปด้วย คุยกันถูกคอ เกือบได้รับความเดือดร้อน คนเที่ยวกลางคืนค่อนข้างอันตรายต้องระวัง
  • จำไว้นะถ้ายังไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนใครดีก็อย่าไปสนิทชิดเชื้อให้มากนัก

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยไม่ดูตาม้าตาเรือ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. ไม่ดูตาม้าตาเรือ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยไม่ดูตาม้าตาเรือ

ที่มาของสำนวนนี้ มาจากการเล่นหมากรุกไทย ตา คือ ตาตารางบนกระดานหมากรุก มี 64 ตา ม้าและเรือ เป็นตัวหมากรุก ม้าเป็นตัวหมากรุกที่เดินหักมุมไปสามตา ส่วนเรือเป็นตัวหมากรุกที่เดินตามยาวได้ตลอดกระดาน ทั้งม้าและเรือมีลักษณะการเดินเป็นพิเศษ ทำให้ระวังยาก คนที่เล่นหมากรุกเป็นคงจะรู้ว่า ตัวหมาก 2 ตัวนี้มีความสำคัญมากในการที่จะเอาชนะ เพราะมันจะสามารถวางกลยุทธ์กินตัวหมากอื่นได้ง่าย

เลยพูดกันว่าการไม่ดูตาม้าตาเรือ คือ ไม่ระมัดระวัง ไม่ดูตาที่ม้าหรือเรือของอีกฝ่ายหนึ่งจะเดินมาได้ อาจจะต้องถูกม้าหรือเรือกิน ทำให้เสียตัวหมากรุกไป

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ สะเพร่า, ไม่ระมัดระวัง ไม่พิจารณารอบคอบดูให้ดี ทำไปโดยประมาท ทำให้ทำอะไรผิดพลาดหรือเกิดความเสียหายโดยไม่น่าจะเป็น

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไม่ดูตาม้าตาเรือ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไม่ดูตาม้าตาเรือ

  • พูดไม่ดูตาม้าตาเรือ ระวังทัวร์ลงและโดนฟ้อง ลำบากทั้งตัวเองและครอบครัว
  • เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเตะถังใส่น้ำ น้ำกระฉอกเลอะพื้นหมดแล้ว เขาเดินตรงไปหาเพื่อนที่อยู่มุมห้อง โดยไม่ดูตาม้าตาเรือว่าเพื่อนกำลังพูดอยู่กับใคร
  • หนุ่มเลื่อนรถคนอื่นบนลาดจอดรถห้างดังแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ สุดท้ายรถไหลไถลลงเนินตกคูน้ำ
  • การลงทุนทุกอย่างต้องคิดรอบคอบ มีความรู้ ไม่ใช่ลงทุนแบบไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้มีโอกาส สูญเสียเงินทั้งหมดไปอย่างง่ายดาย
  • นี่คุณทำอะไรให้รู้จักระวังๆ หน่อย เดียวเดินชนนั่น ชนนี่ หัดดูตาม้าตาเรือซะบ้าง เดียวจะเจ็บหนัก เข้าใจไหม

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยมือห่างตีนห่าง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มือห่างตีนห่าง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยมือห่างตีนห่าง

ที่มาของสำนวน มือห่างก็คือ มือไม่ชิด หรือมือไม่ถี่ หมายความว่ามือที่ทำอะไรไม่ละเอียดรอบคอบนั่นเอง การทำอะไรไม่ละเอียดรอบคอบ ก็คือ คนที่ทำอะไรแบบ สุรุ่ยสุร่าย, เลินเล่อ, สะเพร่า, ไม่ระมัดระวังนั่นเอง ส่วนตีนห่างเป็นสร้อยคำที่เติมมาเพื่อให้คำสละสลวยขึ้นมา หรืออาจจะนำมาหมายถึง การที่เราจะใช้มือทำงานได้ ส่วนประกอบที่สำคัญ ก็คือ ตีนของเรานั่นเองที่จะต้องก้าวย่างพามือไปประกอบกิจการงานให้สำเร็จ ดังนั้น คำว่า “ตีนห่าง” จึงมีความว่า ตีนที่พามือทำสิ่งที่สุรุ่ยสุร่าย, เลินเล่อ, สะเพร่า, ไม่ระมัดระวังนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ บุคคลที่ชอบทำอะไรอย่างสุรุ่ยสุร่าย หรือเลินเล่อ สะเพร่า ไม่ระมัดระวังอะไรเลย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยมือห่างตีนห่าง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตมือห่างตีนห่าง

  • ฉันเป็นคนประเภทมือห่างตีนห่าง จะให้มานั่งประดิดประดอยร้อยพวงมาลัย ทำของสวยๆงามๆ แบบนี้คงจะทำให้ได้หรอก
  • เก็บเงินเก็บทองไว้มั่งนะลูก อย่ามือห่างตีนห่างใช้เงินเกินตัว แก่ไปจะลำบากนะ
  • อย่าเอางานที่ต้องใช้ความปราณีต ความระมัดระวังให้เขาทำเชียวนะ เขาเป็นพวกมือห่างตีนห่าง หยิบจับของพวกนี้ทีไรต้องเสียหายทุกที
  • ทำไมเธอถึงมือห่างตีนห่างแบบนี้ บ้านรกรุงรังไปหมด ลูกชายฉันคงต้องนอนบนกองขยะแบบมั๊ง
  • งานที่ต้องใช้ความประณีตละเอียดลออ และ ใช้ความระมัดระวังอย่างนี้ อย่าไปมอบให้เขาทำเลย เพราะเขาเป็นคนมือห่างตีนห่างจะทำให้งานนี้เสียหายได้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยมือถือสาก ปากถือศีล ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มือถือสาก ปากถือศีล

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยมือถือสาก ปากถือศีล

ที่มาของสำนวนนี้คือ เป็นการเปรียบเปรยถึงคนที่ปากพูดแต่เรื่องศีลธรรม แต่ในมือกลับถือสากกะเบือเพื่อจะทำร้ายคนอื่น เป็นข้ออ้าง ข้อแก้ตัว ในการเข้าข้างอกุศล กลบเกลื่อนความไม่ดีของตนเอง เอาไว้ไม่ให้คนอื่นเห็น

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ แสดงตัวให้คนอื่นเห็นว่าตนเป็นคนดีมีศีลธรรม แต่ตนเองกลับประพฤติชั่วเสียเอง หรือคนที่ภายนอกดูประพฤติตนเป็นคนดีมีคุณธรรม แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยมือถือสาก ปากถือศีล

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตมือถือสาก ปากถือศีล

  • ลุงข้างบ้านนี่มือถือสากปากถือศีลจริงๆ แกเป็นครูสอนวิชาศีลธรรม แต่ตกเย็นเมาหัวราน้ำทุกวัน
  • วันนี้ประธานคณะได้เรียกประชุมน้องๆนักศึกษาใหม่ เรื่องการแต่งกายให้ถูกระเบียบ โดยมีรุ่นพี่คนหนึ่งมาบอกว่าห้านใส่รองเท้าแตะ ห้ามใส่เสื้อรัดรูปมาเรียน วันต่อมา รุ่นพี่คนนั้นแต่งกายผิดระเบียบมาเรียน รุ่นน้องเลยพูดกันว่าเป็นคนมือถือสากปากถือศีล
  • คนเราต้องปาก ใจ และการกระทำตรงกันนะลูก อย่าทำตัวเป็นคนที่มือถือสากปากถือศีล
  • ทำเป็นว่ากล่าวคนอื่นว่าเป็นพวกไม่มีน้ำใจ ไม่เอื้อเฟื้อ ให้แก่เด็กกับชราเวลาขึ้นรถประจำทาง ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่เคยลุกให้คนอื่นนั่งแบบนี้มันมือถือสาก ปากถือศีลชัดๆ
  • ฉันไม่อยากเข้าฟังวิทยากรคนนี้พูดเรื่องการปลูกผักปลอดสารพิษเลย แกเป็นคนมือถือสากปากถือศีล สวนของแกฉีดยาฆ่าแมลงแทบทุกวัน ฉันเห็นมากับตา

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยมากหมอมากความ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มากหมอมากความ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยมากหมอมากความ

ที่มาของสำนวนนี้คือ หลายคนก็มีความเห็นแตกต่างกันเป็นหลายอย่างจนตกลงกันไม่ได้ โดยที่โบราณท่านเปรียบไว้กับว่าเมื่อมีหมอความหรือทนายความหลายคน ย่อมถกเถียงกันมากจนหาข้อสรุปไม่ได้

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ยิ่งคนมากก็ยิ่งมากเรื่อง และหาข้อสรุปใดๆ ได้ยาก ดังนั้นถ้าจะต้องมีการตัดสินใจใดๆ ถ้าใช้คนร่วมตัดสินใจมากเกินไป มันจะหาสรุปยาก ใช้เท่าที่จำเป็นก็พอ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยมากหมอมากความ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตมากหมอมากความ

  • นี่คุณ การประชุมเรื่องไปเที่ยวปีใหม่ปีนี้ เอาแค่หัวหน้าแผนกมาประชุมก็พอนะ ไม่ต้องเอามาทุกคน ไม่งั้นมากหมอมากความเสียเวลาเปล่าๆ
  • พวกเราคิดกัน 2-3 คนพอแล้วละ หลายคนเกินไปก็มากหมอมากความเสียเปล่าๆ เดี๋ยวงานก็ไม่เดินหน้าอีก
  • เรื่องการไปดูงานที่ภูเก็ต เอาไป 3-4 คนพอนะคุณ เอาเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่อย่างนั้นมากหมอมากความ วุ่นตายเลย
  • เริ่มประชุม ตอนหัวคํา ไปเลิกประชุมเอาเกือบเที่ยงคืนเป็นประจำ อยู่มาได้สองสาม เดือนปรากฏว่าวงแตก เพราะมากหมอมากความโดยแท้
  • ผมสั่งให้คุณสรุปแนวทางการเพิ่มยอดขาย แต่คุณกลับเอาเรื่องนี้ไปประชุมกับฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ผมเคยบอกแล้วว่าหลายคนมันมากหมอมากความ เรื่องนี้คุณทำคนเดียวก็ได้ไม่ใช่เหรอ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก

ที่มาของสำนวน เป็นสำนวนที่มีใช้มานานตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย มีความหมายเหมือนกับคำว่า “จับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน” เป็นการละเล่นของคนสมัยโบราณ ที่ใช้ผลมะกอก ขวางให้โดนตัวผู้เล่น ซึ่งผู้เล่นต้องมีอาการคล่องแคล่ว ว่องไว หลบหลีกผลมะกอกได้ จึงไม่โดนปาถูกตัว

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่พูดจาตลบตะแลง กลับกลอก เอาตัวรอดเก่ง รู้จักใช้คำพูดพลิกแพลงเอาตัวรอด จนคนฟังไม่สามารถจับคำพูดได้ทัน เป็นคนปลิ้นปล้อน กะล่อน ไม่มีความจริงใจกับใคร หรือคนที่กลับกลอกไปมา เปลี่ยนไปอย่างนั้นทีอย่างนี้ที จนหาความจริงไม่ได้ เป็นคนที่ไม่สมควรคบหาสมาคมด้วย ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ในคำพูดของตัวเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก

  • คนกะล่อน ปลิ้นปล้อน จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก คนประเภทนี้หากคบเป็นเพื่อน ก็จะได้เรียนรู้ความกะล่อน รู้เล่ห์เหลี่ยม ไว้ป้องกันตัว ไม่เช่นนั้นก็มักจะไม่มีภูมิคุ้มกันคนกะล่อนแบบนี้ได้
  • รำพึงมักพูดตลบตะแลงกลับกลอกอยู่บ่อยๆ จนใครๆ ให้ฉายารำพึงว่า มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก
  • เพราะนายทำตัวเป็นมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูกอย่างนี้ ถึงไม่ค่อยมีใครเชื่อถือเรื่องที่นายพูด
  • คุณต้องจับตาดูพนักงานคนนี้เป็นพิเศษนะ เพราะเขาชอบพูดจากลับกลอก เหมือนมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก ไว้ใจไม่ได้
  • โคลงสุภาษิตประจำภาพภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้อธิบายว่า “พบพาลพูดพร่ำลิ้น ลมไหว เพ้อพจน์สบถไถล หลอกล้น มะกอกสามตะกร้าไป ปาเปล่า บ่ถูกสักผลพ้น เล่ห์ลิ้นลมพาล”

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยมะนาวไม่มีน้ำ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มะนาวไม่มีน้ำ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยมะนาวไม่มีน้ำ

ที่มาของสำนวน ที่มานั้นมาจากการเปรียบเทียบมะนาวกับการพูดสั้นๆ ไม่มีหางเสียง โดยปกติเราจะใช้น้ำมะนาวที่เราใช้ในการปรุงอาหาร แต่จะมีมะนาวบางลูกที่พอจะใช้งานจริงเวลาบีบกลับไม่มีน้ำมะนาวออกมา ทำให้ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะนำมาปรุงรสอาหารได้ การพูดก็เหมือนกันถ้าพูดดี ไพเราะ มีสาระก็น่าฟัง แต่ถ้าพูดแบบห้วนๆ พูดจาแข็งกระด้างไม่มีความนุ่มนวล ไม่ไพเราะ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะฟังเหมือนกัน เปรียบเสมือนมะนาวที่ไม่มีน้ำ จะบีบจะคั้นอย่างไรน้ำก็ไม่ออกมาให้ใช้ประโยชน์ได้

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ลักษณะการพูดที่พูดห้วนๆ ไม่ไพเราะ ไม่น่าฟัง พูดจาแข็งกระด้างไม่มีความนุ่มนวล หรือพูดตรงไปตรงมาจนคนฟังอาจจะรับไม่ได้

นิยมใช้กับคนที่ชอบพูดอะไรห้วนๆ พูดแข็งๆ พูดจาไม่มีหางเสียงหรือพูดจาไม่อ่อนหวาน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยมะนาวไม่มีน้ำ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตมะนาวไม่มีน้ำ

  • นายดูผู้หญิงคนนี้ซิ สวยเสียเปล่าแต่พูดจามะนาวไม่มีน้ำเลย เป็นผู้หญิงที่ห้าวเสียจริง ไม่ใช่กุลสตรีเลย
  • ถ้าเธอจะมาขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่พูดจามะนาวไม่มีน้ำแบบนี้ก็คงไม่มีใครอยากจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอหรอก
  • เป็นผู้ชายจะไปจีบสาวก็อย่าพูดแบบมะนาวไม่มีน้ำ เดียวสาวๆ เขากลัวหมด ให้พูดแบบหวานๆ บ้าง
  • เขาไม่เป็นที่รักที่โปรดปรานของผู้ใหญ่ เพราะเขาเป็นคนที่ชอบพูดจาห้วนๆ กระโชกโฮกฮาก แบบมะนาวไม่มีน้ำ
  • คนที่พูดมะนาวไม่มีน้ำอาจจะขาดทักษะในการสื่อสาร ซึ่งของแบบนี้มันเรียนรู้กันได้ ลองศึกษาการพูดการเข้าสังคมดูบ้าง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ พ. พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

ที่มาของสำนวนนี้คือ เปรียบเปรยถึงการรอรับของรางวัลจากผู้มีอำนาจ หากพูดสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ออกไปหากได้รางวัลก็จะได้เพียงเบี้ยจำนวนน้อยนิด แต่หากไม่พูดอะไรไปอยู่นิ่งๆ ก็จะไม่มีใครทราบข้อบกพร่องที่มีอยู่ ก็จะได้รางวัลมากกว่าเป็นตำลึงทอง

สำนวนไทยเก่าแก่ มีคำว่าเบี้ยใช้มากมาย เช่น พูดไปสองไพเบี้ย ขายหน้าวันละห้าเบี้ย สิบเบี้ยใกล้มือ หัวล้านหัวเหลือง หัวละเฟื้องสองไพ คำว่าเบี้ยจำนวนมากหายไปจากคำไทยในชีวิตประจำวัน เช่น เจ้าเบี้ย ซึ่งหมายถึงเจ้าหนี้ หัวเบี้ย หรือ คนทำหน้าที่จัดการในบ่อนพนัน แต่สำนวนพื้นถิ่นบางพื้นที่ยังมีคำว่าเบี้ยอยู่ เช่น หม้ยเาบี้ย ของทางภาคใต้ แปลว่าไม่มีเงิน (หม้าย-ไร้) และโดยทั้วไปคำว่าเบี้ย ได้เปลี่ยนหน้าที่มาแทนหน่วยเงิน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คำพูดบางครั้งหากพูดออกไปอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อตนเองหรือคนรอบข้าง หากอยู่เฉยๆ ไม่พูดอะไรออกไปยังจะก่อเกิดผลลัพธ์ที่ดีกว่า

ใช้ตัดพ้อ แบบพูดไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะนิ่งเสียมีประโยชน์มากกว่า หนึ่งล้านสามแสนเท่า สำหรับบางคน บางกรณี

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

  • สมชายยอมรับว่าต้องระมัดระวังการพูดของตนเอง เพราะบางเรื่องนิ่งเสียยังดีกว่า ยิ่งพูดสุดท้ายฝ่ายตรงข้ามอาจได้ประโยชน์ เข้ากับสำนวนพุดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง
  • บางกรณีถ้าพูดไปอาจจะได้ตำลึงทอง แต่ถ้าหากไม่พูดจะเสียหายมากกว่าสองไพเบี้ย หรืออาจจะเสียมากกว่าตำลึงทอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับภาพลักษณ์ ชื่อเสียง ศรัทธา และความน่าเชื่อถือ ดังนั้นยามที่ใครบางคนต้องเผชิญกับเรื่องราวอะไรบางอย่างที่จะมีผลต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียง ศรัทธาและความน่าเชื่อถือ อย่าเลือกที่จะเงียบ แต่จะต้องเลือกที่จะพูด
  • บางครั้งการไม่พูดอะไรเลยก็ยังดีเสียกว่าพูดออกไป ดังสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง
  • ดนัยพยายามแก้ตัวเรื่องที่หนีเที่ยวกลางคืน เพื่อให้ภรรยาให้อภัย เพื่อนของดนัยเลยบอกกับดนัยว่า พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทองพยายามอยู่เฉยๆ น่าจะดีกว่า
  • การสู้กันด้วยกฏหมายเมื่ออยู่ในศาลบางครั้งก็ต้องพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ได้อย่างเสียอย่าง บางทีก็ต้องยอมแลกกันบ้าง!

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยพูดเป็นต่อยหอย ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ พ. พูดเป็นต่อยหอย

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยพูดเป็นต่อยหอย

ที่มาของสำนวนนี้คือ กล่าวถึงสำนวน ต่อยหอย ไว้ โดยแยกอธิบายว่า คำว่า ต่อย ถ้าเป็นคำกริยามีความหมายหลายความหมาย เริ่มตั้งแต่ หมายถึง ชก หมายถึง เอาของแข็งหรือของหนักตีหรือทุบให้ลิ ให้แตก หรือให้หลุดออก เช่น ต่อยหิน ต่อยมะพร้าว ต่อยมะขวิด คำว่า ต่อย ยังมีความหมายว่า ใช้เหล็กในที่ก้นแทงเอา เช่น ผึ้งต่อย มดตะนอยต่อย นอกจากนั้นยังมีความหมายโดยปริยายว่า ทําให้แตก เช่น เด็กเอาจานไปต่อยเสียแล้ว เมื่อรวมคำว่า ต่อย กับคำว่า หอย เป็น ต่อยหอย จะเป็นสำนวนที่มีที่มาจากการต่อยหอยต่างๆ เช่น หอยนางรม ที่เกาะอยู่ตามหิน ซึ่งวิธีการต่อยเอาหอยนางรมออกมานั้น จะทำโดยใช้ค้อนเล็กๆ เคาะให้เปลือกหอยแตกออก เพื่อเอาตัวหอยที่อยู่ข้างใน และในระหว่างที่ต่อยหอยนั้นจะได้ยินเสียงค้อนกระทบเปลือกหอยดังอยู่เรื่อยๆ จึงนำมาใช้เปรียบผู้ที่พูดไม่หยุดว่า พูดเป็นต่อยหอย หรือพูดอย่างกับต่อยหอย

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ พูดฉอดๆ ไม่หยุดปาก มักจะใช้กับคนที่เม้าท์มอยเก่งๆ พูดมาก

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยพูดเป็นต่อยหอย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตพูดเป็นต่อยหอย

  • คนพูดน้อยแต่ลงมือทำ กับคนที่พูดเป็นต่อยหอยแต่ไม่ลงมือทำอะไรเลย คุณคิดว่าใครจะประสบความสำเร็จมากกว่า?
  • หลังจากเรียนจบพวกเราก็ไม่เจอกันนาน วันนี้มีโอกาสเจอกันในงานเลี้ยงรุ่นจึงพูดคุยกันอย่างสนุก จนอาจารย์แซวว่าพวกเธอนี่พูดเป็นต่อยหอยเลยนะ
  • เมื่อระยะแรกเปาเปาไม่ค่อยจะส่งเสียงเลย จนอดไม่ได้ที่จะคิดว่าเธอคงเป็นใบ้ แต่พอพูดได้เท่านั้นแหละเปาเปา พูดเป็นต่อยหอยไม่รู้จักหยุดเลย
  • นานๆ ทีจะได้มาพบเจอเพื่อนเก่าสมัยเด็กๆ แต่ละคนเลยพูดเป็นต่อยหอย บอกเล่าเรื่องราววีรกรรมสมัยเด็กกันอย่างสนุกสนาน
  • สมศรีเป็นคนที่พูดเป็นต่อยหอย เจอหน้านางทีไร พูดไม่หยุดปากเลยทีเดียว

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยพออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ พ. พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยพออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่

ที่มาของสำนวนนี้ อ้าปากในที่นี้หมายถึงคำพูดหรือการกระทำ ส่วนลิ้นไก่ (ลิ้นไก่ เป็นก้อนเนื้อเล็ก ๆอยู่ต่อปลายเพดานอ่อนตรงกลางปาก สั่นรัวได้ ช่วยในการออกเสียง) ความหมายในสำนวนนี้คือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในคำพูดหรือการกระทำนั้นๆ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ รู้เท่าทันกัน หรือรู้เท่าทันคำพูดที่พูดออกมา พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ หรือพอแย้มปากก็เห็นไรฟัน นั้นใช้ในการเปรียบเปรยถึงการรู้ทันกัน รู้ทันในที่นี้หมายถึงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ และกำลังจะพูดอะไรออกมาเรียกได้ว่ารู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดีว่าตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างไร ไม่ว่าอีกฝ่ายกำลังจะคิด หรือจะทำอะไรอยู่นั้นก็จะสามารถเดาได้ และมักจะตรงด้วย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยพออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตพออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่

  • ทหารผู้หากินกับการยึดอำนาจพออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่อ้างว่ารักษาความสงบ จงรักภักดี แต่จริงๆแล้วช่วยพวกพ้องโกงกินชาติ
  • คุณลงทุนมาหาผมกลางดึกแบบนี้ มีเรื่องเดือดร้อนจะขอยืมเงินอีกหล่ะสิ คนอย่างคุณพออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว
  • พวกนี้พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ อำนาจลาภยศ ผลประโยชน์ พอได้มาก็ยึดเกาะไว้อย่างแน่นเหนียว ไม่ยอมปล่อย ออกมาจ้อได้วันละ สามเวลา
  • น้อยหน่าชอบลางานบ่อยจนพักหลังผู้จัดการรู้ทัน พอเห็นน้อยหน่ามาขอเข้าพบก็รู้ทันทีว่ามาขอลางานแน่ๆ แบบนี้เขาเรียกว่าพออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่
  • คนอย่างคุณอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว โกหกผมมาตลอด แล้วจะให้ผมกลับไปเชื่อใจคุณได้อีกหรือ ถ้าผมไม่เห็นความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองของคุณ ก็อย่าหวังว่าจะได้ความสนใจจากผมอีก

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube