สุภาษิตคำพังเพยฟื้นฝอยหาตะเข็บ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฟ. ฟื้นฝอยหาตะเข็บ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยฟื้นฝอยหาตะเข็บ

ที่มาของสำนวน คำว่าฝอยหมายถึง กุมฝอย ซึ่งเป็นผักชนิดหนึ่ง ต้นเป็น เส้นเล็กๆ สีเหลือง ขึ้นอยู่ตามพุ่มไม้ ส่วนตะเข็บเป็นชื่อสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ชอบอยู่ในกองกุมฝอย ถ้ารื้อกองกุมฝอยกระจาย ตัวตะเข็บก็จะออกมาเพ่นพ่านนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การรื้อฟื้นเอาเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านไปแล้วขึ้นมาพูดอีกให้เป็นที่สะเทือนใจ เสียใจ ลำบากใจ หรือกล่าวได้ว่าเป็นการคุ้ยเขี่ยเอาเรื่องที่สงบแล้วให้กลับมาเป็นเรื่องอีกนั่นเอง

นิยมใช้กับคนที่มีนิสัยชอบขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆที่จบไปนานแล้วขึ้นมาเพื่อให้อีกฝ่ายสะเทือนใจ เสียใจ ไม่สบายใจ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ดีอย่างยิ่ง บั่นทอนความสัมพันธ์ของคนทั้งสองฝ่าย บางครั้งสามารถทำให้คนทั้งคู่ต้องมีปัญหาเลิกรากันเลยทีเดียว

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยฟื้นฝอยหาตะเข็บ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตฟื้นฝอยหาตะเข็บ

  • สุนีย์มักฟื้นฝอยหาตะเข็บกับวิชัยผู้เป็นสามีอยู่เสมอจนทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันเสมอ
  • บทกลอนจากเรื่องไกรทอง “จะมาขืนฟื้นฝอยหาตะเข็บหยิกเล็บจะเจ็บเนื้อหรือหาไม่เมื่อกินอยู่ที่ลับแล้วเป็นไรจะมาไขกลางแจ้งให้แพร่งพราย”
  • นี่คุณเรื่องเก่าๆ ก็อย่ามาฟื้นฝอยหาตะเข็บได้ไหม มันทำให้เราทะเลาะกันเปล่าๆ เสียเวลา และเปลืองพลังชีวิต เข้าใจไหม!
  • สมชายตั้งวงนั่งพูดคุยอยู่กับเพื่อนๆ กันอย่างสนุกสนาน อยู่ๆ นิคมเพื่อนของสมชายพูดขึ้นว่า ตอนหนุ่มๆ สมชายยากจนแร้นแค้น ทำให้ไม่มีสาวคนไหนเหลียวมองเลย จากคำพูดฟื้นฝอยหาตะเข็บ ดังกล่าวนี้ ทำให้สมชายนั่งเศร้าอยู่ครู่ใหญ่
  • ทั้งโปแลนด์และเยอรมนีมีพรมแดนประชิดติดกัน ต่างเป็นสมาชิกนาโตและอียู ทั้งคู่เดินตามก้นสหรัฐฯในการช่วยเหลืออูเครนและลุ้นให้เซเลนสกีสู้กับรัสเซีย ความเป็นจริงต่างคนต่างก็มีบาดแผลทางประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถรวมกันได้อย่างแนบแน่น การเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงครามครั้งนี้ เยอรมนีบอก เฮ้ย เรื่องนี้มันจบไปตั้งนานแล้ว โปแลนด์เป็นฝ่ายยอมยุติการเจรจาตามข้อตกลงในปี 1953 กับรัฐบาลเยอรมนีตะวันออก ยูจะเอาอะไรอีก เยอรมนีตะโกนก้องร้องว่าพวกยูชอบพูดถึงพื้นฐานความมั่นคงของยุโรป แต่สิ่งที่ยูฟื้นฝอยหาตะเข็บ นี่มันเป็นการทำลายพื้นฐานความมั่นคงและความเชื่อใจซึ่งกันและกันนะเฟ้ย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยรกคนดีกว่ารกหญ้า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ร. รกคนดีกว่ารกหญ้า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยรกคนดีกว่ารกหญ้า

ที่มาของสำนวน รก เป็นคำกริยา หมายถึงกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดไม่เป็นระเบียบ ไม่เรียบร้อย เช่น เด็กรื้อข้าวของมาเล่นไว้รกห้อง หญ้าและต้นไม้เล็ก ๆ ที่งอกขึ้นเองอยู่รวมกันทำให้รก เมื่อไม่เป็นที่ต้องการก็จะถูกกำจัดทิ้ง รกหญ้าหรือหญ้ารกจึงไม่มีประโยชน์ ต่างกับกรณีที่มีคนอยู่ด้วยกันจำนวนมาก แล้วมีคนเพิ่มมากขึ้น ทำให้คับแคบแออัด ผู้ที่ไม่พอใจก็จะบ่นว่ารกคนน่ารำคาญ ส่วนผู้ที่มองในด้านดีก็จะกล่าวเปรียบด้วยสำนวนว่า “รกคนดีกว่ารกหญ้า” เพราะการที่มีคนอยู่รวมกันหลายๆ คน ทำให้มีแรงงานเพิ่มขึ้น ช่วยแบ่งเบาภาระในบ้านได้ จัดว่าเป็นประโยชน์ ดีกว่าหญ้าที่ขึ้นมารกแล้วไม่เกิดประโยชน์อันใด สำนวนนี้ใช้กันมานาน ดังปรากฏในบทละครเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนนางวันทองหึงกันกับนางลาวทอง ขุนแผนกล่าวกับนางวันทองว่า “เท่านั้นเถิดน้องพี่อย่าวีวุ่น รกคนเป็นทุนดีกว่ารกหญ้า รกคนดีกว่ารกหญ้า จึงเป็นสำนวนที่เสนอให้มองในด้านดี”

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ รกคนยังพอใช้ประโยชน์ได้บ้างแต่รกหญ้าไม่มีประโยชน์ ถ้าแปลไทยเป็นไทยก็จะได้ความหมายว่า การที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก อย่างไรเสียก็จะยังมีประโยชน์มากกว่าการมีแต่หญ้าซึ่งไร้ประโยชน์

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยรกคนดีกว่ารกหญ้า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตรกคนดีกว่ารกหญ้า

  • หากมองจากภายนอกอย่างผิวเผิน การที่บริษัทเรามีคนเยอะ อาจหลงคิดได้ว่าเป็นบริษัทที่เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ แต่ความจริงแล้วไม่เป็นอย่างนั้น เพราะรกคนบ้า รกหญ้าดีกว่ารกคน
  • ลูกอย่าคิดมากไปเลย การที่ญาติๆ มาอยู่ด้วยก็ครึกครื้นดีออก รกคนดีกว่ารกหญ้านะลูก
  • รกคนดีกว่ารกหญ้า คนเยอะก็ยังพอใช้ประโยชน์ในสถานการณ์ต่างๆ ได้ แต่บางทีการทีคนเยอะๆ ก็อาจสร้างปัญหาได้เหมือนกัน เพราะนิสัยแต่ละคนไม่เหมือนกัน
  • ออฟฟิศเราคนเยอะดีนะ สนุกดี มีอะไรก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ รกคนดีกว่ารกหญ้าจริงๆ
  • คนสมัยก่อนเขาสามัคคีกันใช้แรงงานคนอย่างถูกต้อง รกคนดีกว่ารกหญ้าจริงๆ มีคนเยอะๆ ก็เอาแรงช่วยกันถางหญ้า เดี๋ยวเดียวก็หมดไป

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยลิงหลอกเจ้า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ล. ลิงหลอกเจ้า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยลิงหลอกเจ้า

ที่มาของสำนวน มาจากนิทานชาดก พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสวยชาติเป็นลิงเผือกชื่อธาระ และ พระอานนท์เป็นลิงเผือกตัวน้องชื่อโปฏฐปาทะ ที่พระเจ้าธนัญชัยแห่งเมืองพาราณสีนำมาเลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่ต่อมาพระเจ้าธนัญชัยได้นำลิงดำชื่อกาฬพาหุ (อันเป็นพระเทวทัตมาเสวยชาติ) มาเลี้ยง ลิงดำก็เลยได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี จนลิงเผือกสองพี่น้องแทบจะถูกลืมเลือนไปเลย ของกินก็ลดน้อยลง จนลิงโปฏฐปาทะออกปากชวนให้ลิงธาระหนีกลับไปอยู่ป่า พระโพธิสัตว์ (ลิงธาระ) จึงได้แสดงอรรถกถาว่าด้วยโลกธรรมแปด ถึงการได้มา แล เสื่อมไปของ ลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข ให้วางอุเบกขาไว้ แล้วบอกว่าลิงดำชอบกระดิกหูกลอกหน้ากลอกตาทำให้พระราชกุมารหวาดกลัวบ่อยๆ ไม่ช้ามันจักทำให้ตัวเองไกลจากข้าว และน้ำ ก็เป็นไปตามนั้น เพียง 2-3 วัน เจ้าลิงดำก็ทำกิริยาแบบนั้นจนพระราชกุมารทั้งหลายตกพระทัย และส่งเสียงร้อง ผลก็คือเมื่อพระเจ้าธนัญชัยทรงทราบก็เลยไล่ลิงดำออกไปอยู่ป่า แล้วลาภสักการะก็กลับคืนสู่สองลิงเผือกตามเดิม

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ กิริยาล้อเลียนผู้ใหญ่เมื่อผู้ใหญ่เผลอ สำนวนนี้แทนความหมายที่เด็กหรือผู้น้อยที่มักจะแสดงกิริยาสุภาพอ่อนน้อมเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่หรือผู้อาวุโส แต่จะแสดงอาการลิงโลด ล้อเลียน หรืออาการไม่สุภาพเมื่อลับหลัง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยลิงหลอกเจ้า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตลิงหลอกเจ้า

  • ตอนพักเที่ยงเด็กๆ เล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ใกล้ๆ ห้องพักครู ส่งเสียงดังรบกวน ครูจึงมาบอกว่าให้ไปเล่นกันที่สนามเด็กเล่น พอครูหันหลังกลับ เด็กๆ ก็ทำท่าทางล้อเลียนครูเสมือนดังกับว่าเป็นลิงหลอกเจ้า
  • เด็กๆ พวกนี้ต้องจับมาอบรมเสียให้เข็ด ชอบทำตัวเป็นลิงหลอกเจ้า เวลาอยู่กับพ่อแม่ก็ทำตัวเป็นเด็กดี เชื่อฟังผู้ใหญ่ พอลับหลังกลับพูดจาล้อเลียน ไม่มีความเคารพผู้ใหญ่เอาเสียเลย
  • เด็กบางคนที่มีนิสัยซุกซน ชอบทำตัวเหมือน ลิงหลอกเจ้า ต่อหน้าผู้ใหญ่ก็ทำตัวเรียบร้อย แต่ลับหลังเหมือนลิงเหมือนค่าง ซึ่งก็เป็นไปตามนิสัยของเด็ก เด็กแบบนี้มักจะฉลาดกว่าเด็กปกติทั่วไป และอาจจะเป็นที่รักของผู้ใหญ่ แม้จะซุกซน แต่ก็ไม่เกินงาม
  • นี่คุณ อย่าให้ลูกทำกริยาลิงหลอกเจ้าแบบนี้ เด็กที่ไม่เคารพผู้ใหญ่จะไม่มีใครชอบในสังคม เข้าใจไหม
  • การทำตัวเป็นลิงหลอกเจ้า จะไม่มีใครชอบ อยู่ต่อหน้าทำตัวเรียบร้อย แต่ลับหลังซุกซนมาก บางคนมักจะทำให้ตัวเองเจ็บตัวเพราะความซุกซนหรือทำให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่บ่อยๆ อย่าทำตัวแบบนี้กันล่ะเด็กๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยย้อมแมวขาย ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ย. ย้อมแม้วขาย

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยย้อมแม้วขาย

ที่มาของสำนวน คนไทยในสมัยก่อนนิยมเลี้ยงแมวกันมาก จึงมักจะหาแมวที่มีลักษณะดีมาเลี้ยงโดยถือว่าให้คุณ ในการเลี้ยงก็เลี้ยงอย่างดีโดยเอาแมวมาอาบน้ำทาขมิ้น หรือทาขมิ้นผสมกับปูนแดง เป็นต้น ต่อมาพวกที่ไม่ซื่อสัตย์หาแมวที่มีลักษณะดีไปขายไม่ได้ จึงใช้วิธีย้อมแมวให้มีสีที่เป็นมงคลแล้วนำไปขาย

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ตกแต่งคนหรือของที่ไม่ดีโดยมีเจตนาจะหลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าดี

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยย้อมแมวขาย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตย้อมแม้วขาย

  • นี่เธอ อย่าไปซื้อของร้านนี้นะ ชอบย้อมแมวขาย ฉันโดนมากับตัวเอง
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์แนะวิธีดูรถว่ารถมือสองถูกย้อมแมวขายหรือไม่
  • พวกเราทุกคนจำไว้นะ บริษัทของเราจะจำหน่ายเฉพาะเครื่องจักรของใหม่ให้กับลูกค้าเท่านั้น ไม่มีการย้อมแมวขายเป็นอันขาด
  • โคลงสุภาษิตโบราณจารึกไว้ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ว่า “จับแมวมาลูบล้าง สอดศรี ขายส่งแสนอัปรี ชั่วช้า เปนคนคิดเอาดี โดยร่อน ร่อนเฮย ขายอื่นบคิดค้า คิดย้อมแมวขาย”
  • ถ้าอยากให้กิจการรุ่งเรืองควรซื่อสัตย์จริงใจกับลูกค้า สินค้าไหนมีตำหนิก็บอกตรงๆ ไม่ย้อมแมวขาย ทำให้ธุรกิจเป็นที่วางใจและเติบโตได้ในอนาคต ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยหัวล้านได้หวี ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ห. หัวล้านได้หวี

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยหัวล้านได้หวี

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงผู้ที่ได้ของที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับตน ดั่งหัวล้านแต่กลับได้หวี ซึ่งไม่รู้จะเอาหวีอะไร

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การได้สิ่งของ ที่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเองเลย เหมือนหัวล้านได้หวี เส้นผมก็ไม่มีได้หวีมาก็ไม่รู้จะใช้ประโยชน์อย่างไร ของที่ได้มานั้น บางทีหรือบางคนก็ให้มา โดยลืมคิดไปว่าผู้รับไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้

สำนวนสุภาษิตนี้เหมือนกับ ตาบอดได้แว่น, ยื่นแก้วให้วานร เป็นต้น

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยหัวล้านได้หวี

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตหัวล้านได้หวี

  • ในนิทาน ไม่มีใคร ไม่มีฝ่ายใด ได้สมใจทุกอย่าง ตาบอดได้แว่น นิ้วด้วนได้แหวน หัวล้านได้หวี แต่ในเรื่องจริง คนมีสติปัญญา ถ้ารู้จักพูดจาผ่อนปรนแลกเปลี่ยน ก็สมประโยชน์กันได้
  • ลุงโกร่งเป็นผู้สูงอายุของหมู่บ้าน ได้รับแจกกางเกงยีนส์วัยรุ่นจากการจับรางวัลทางโทรทัศน์ ซึ่งกางเกงยีนส์นั้นลุงโกร่งไม่เคยใส่มาก่อน ใส่ไม่เป็น แถมยังเป็นของวัยรุ่นเสียอีก
  • เมื่อได้รับสิ่งของที่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเอง ก็เหมือน หัวล้านได้หวี ได้ของมาแล้วก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ กรณีนี้ก็ควรมอบของสิ่งนั้นให้กับผู้ที่สมควรจะได้รับ แต่ถ้าหากว่า สิ่งที่ได้รับนั้นเป็นสิ่งของที่มีประโยชน์ แต่ตัวเองยังไม่มีความรู้ที่จะใช้มัน ก็ควรศึกษาหาวิธีใช้ประโยชน์หรือวิธีใช้งาน
  • ป้าเมี้ยนเป็นชาวนา หากินตามวิถีเกษตรกร วันหนึ่งมีคนกรุงเทพมาทำรายการเกี่ยวกับการทำนา ก่อนกลับได้มอบหนังสือการทำขนมเค้กไว้ให้เป็นที่ระลึก ป้าเมี้ยนก็ได้แต่เกาหัว อย่าว่าแต่ทำเลย หนาตาขนมเค้กแกก็ยังไม่รู้จัก แบบนี้โราณท่านว่าไว้ หัวล้านได้หวีชัดๆ
  • คนสมัยนี้ชอบซื้อสิ่งที่ไม่อยากได้ เพียงเพื่อจะมาอวดคนอื่น ดั่งหัวล้านได้หวี สุดท้ายก็เป็นหนี้มากมาย แต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับของสิ่งนั้นเลย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยข้าวใหม่ปลามัน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. ข้าวใหม่ปลามัน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยข้าวใหม่ปลามัน

ที่มาของสำนวน คนสมัยโบราณแปลความหมายอย่างตรงไปตรงมา ช่วงของการเก็บเกี่ยวข้าวในครึ่งปีหลัง ข้าวที่เก็บเกี่ยวใหม่เป็นข้าวที่ดีข้าวเก่า นุ่มกว่า หอมกว่าข้าวเก่า ส่วนปลาเป็นอาหารที่คู่กับข้าว ปลาที่อร่อยคือปลาในฤดูน้ำลดซึ่งจะมีมันมาก เมื่อได้กินกับข้าวใหม่จะยิ่งอร่อยมากขึ้น ฤดูกาลเกี่ยวข้าวใหม่สมัยก่อนจะตรงกับช่วงที่ปลามันพอดี

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ของใหม่ๆ อะไรก็ดูดีไปหมด คนโบราณประดิษฐ์สำนวนสุภาษิตคำนี้ไว้เพื่อไว้สอนใจและเปรียบเทียบคู่สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานแต่งการกันใหม่ๆ ความรู้สึก ความคิดหรืออะไรๆ ก็เหมือนจะดูดีไปซะหมด ความรักก็ยังหอมหวานจนหยาดเยิ้ม

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยข้าวใหม่ปลามัน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตข้าวใหม่ปลามัน

  • ได้งานใหม่ เจอคนใหม่ๆอะไรๆ ก็ดีไปหมด กำลังข้าวใหม่ปลามัน แต่อยู่ไปสักปีเดี๋ยวเธอก็จะรู้อีก
  • คู่นี้ดูรักกันดีจังนะ อย่างนี้แหละข้าวใหม่ปลามัน สักปีค่อยมาดูกันใหม่ว่าจะยังน่ารักแบบนี้ไหม
  • ข้าวใหม่ปลามัน นอกจากจะนิยมเรียกช่วงเวลาที่สามีภรรยาเพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ แล้ว ก็ยังสามารถนำมาใช้กับสิ่งใหม่อื่นๆ ด้วย เช่น เพื่อนใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่ เพื่อนบ้านใหม่ และสิ่งของใหม่ๆ
  • หลังจากที่เธอได้คนใหม่อะไรมันก็ดีไปหมด สุดท้ายเธอกลับมาหาฉันทำไม ใช่สิข้าวใหม่ปลามันมันดีช่วงแรกๆ แต่คนที่เข้าใจเธอจริงๆ มันจะมีซักกี่คน
  • ได้รถใหม่ก็เหมือนข้าวใหม่ปลามัน แรกๆ เช็ดทุกวัน ดูแลอย่างดี หลังจากผ่านไประยะหนึ่งเอาไว้ขับก็พอ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยปลาหมอตายเพราะปาก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ป. ปลาหมอตายเพราะปาก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยปลาหมอตายเพราะปาก

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงธรรมชาติปลาหมอเป็นปลาที่ชอบลอยตัวอยู่บนผิวน้ำเพื่อรับออกซิเจน โดยการอ้าปากพร้อมกับลอยตัวกันเป็นกลุ่มๆ และมักชอบผุดขึ้นฮุบเหยื่อหรือน้ำบ่อยๆ พฤติกรรมดังกล่าว จนเป็นที่สังเกตของนักจับปลาได้ว่าปลาหมออยู่ตรงไหน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่ชอบพูดพล่อยๆ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือพูดแสดงความอวดดี จนตัวเองต้องรับเคราะห์ ก็เพราะปากของตนเอง โบราณท่านจึงเปรียบไว้เหมือนปลาหมอที่ต้องขึ้นมาหายใจที่ผิวน้ำ ทำให้ตัวเองได้รับอันตรายหรือถูกจับได้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยปลาหมอตายเพราะปาก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตปลาหมอตายเพราะปาก

  • สมชายเป็นคนพูดจาไม่สุภาพ ไม่ว่าจะพูดกับเพื่อนหรือคนในครอบครั้วก็พูดแต่คำหยาบ ครั้นเวลาไปสอบสัมภาษณ์เข้าทำงาน สมชายเคยชินกับการพูดคำหยาบ ทำให้เขาเผลอพูดคำหยาบออกไป จึงทำให้เขาสอบไม่ผ่าน แบบนี้ตรงกับสำนวนไทยที่ว่าปลาหมอตายเพราะปาก
  • ปลาหมอตายเพราะปาก หลักวาจาสุภาษิต หนึ่งในมงคลชีวิต 38 ประการ ได้กล่าวไว้เหมือนกันว่า จะพูดให้ถูกหลักไม่ใช่สักแต่พูด แต่ต้องใช้วาจาพัฒนาชีวิต ปลุกเร้าความคิดให้เกิดคุณธรรม การพูดจึงเป็นอีกเรื่องสำคัญที่ผู้ใหญ่สอนสั่งมาโดยตลอด เห็นได้ชัดก็จากสำนวนชวนคิดมากมาย ที่ไม่วายมีคำว่า “ปาก” คำนามที่หมายถึงส่วนหนึ่งของร่างกาย จึงถูกขยายเป็นคำวิเศษณ์บอกลักษณะ
  • การจะพูดอะไรควรระวังให้ดี ๆทุกคำพูด เพราะอาจจะโดนฟ้องร้องได้ เราทุกคนควรเข้าใจว่า ปลาหมอตายเพราะปากหมายถึงอะไร
  • ปลาหมอตายเพราะปากก็เหมือนการลงทุน ปลาหมอก็คือเม่า เม่าก็คือมือใหม่ มือเก่าก็มีโอกาสเป็นเม่า มือใหม่และมือเก่า ระยะเวลาในการลงทุนสั้นหรือยาว ไม่ได้พิสูจน์ความพ่ายแพ้หากไม่เรียนรู้ จดจำ และพัฒนาวิธีการลงทุนครับ บทวิเคราะห์ ข่าวในตลาด ข่าวในโลกออนไลน์ หากไม่แยกแยะ และตัดสินด้วยความโลภ
  • พนักงานคนนั้นถูกพักงานเพราะไปนินทาลูกค้าให้เพื่อนร่วมงานฟัง แต่ลูกค้าบังเอิญมาได้ยิน เรื่องจึงไปถึงผู้จัดการ ปลาหมอตายเพราะปากจริงๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ป. ปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการปล่อยสัตว์ที่สำคัญที่จับได้กลับไปสู่แหล่งที่อยู่เดิมของมัน เปรียบได้กับการการปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงในน้ำ เพราะเสือย่อมอยู่ในป่า และปลาอยู่ในน้ำได้เป็นธรรมชาติของมันอยู่แล้ว เมื่อมันกลับสู่ธรรมชาติของมัน มันย่อมมีอำนาจเหนือกว่าเรา

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การปล่อยศัตรูไปอาจกลับมาทำร้ายภายหลังอีก หรือปล่อยศัตรูที่เราจับตัวมาได้กลับไปสู่อิสรภาพ หรือปล่อยคืนถิ่นเดิมของคนๆ นั้น ซึ่งทำให้คนผู้นั้นจะกลับมามีพลังอำนาจเหมือนดั่งเคย ซึ่งถ้าจะปราบหรือจับอีกครั้งก็อาจจะทำไม่ได้อีก

คนโบราณท่านใช้เตือนสติว่าการปล่อยศัตรูหรือฝ่ายตรงข้ามไปนั้น จะนำอันตรายกับมาสู่ตนและหมู่คณะในภายหลังได้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะในอดีตมีตัวอย่างมามากต่อมากแล้วว่า การปล่อยศัตรูไป ศัตรูคนนั้นจะสามารถนำความเคลื่อนไหวของฝ่ายเราไปบอกฝ่ายตรงข้ามได้ และแน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามจะสามารถเข้ามาโจมตีฝ่ายเราได้ง่ายและตรงจุดอ่อน ทำให้เราเพลี้ยงพล้ำได้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ

  • การทำธุรกิจ หรือสิ่งใดก็ตามที่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ย่อมจะมีคู่แข่งเสมอ เมื่อมีโอกาสได้เปรียบ ก็มักจะกำจัดคู่แข่งไม่ให้มีโอกาสได้ลุกขึ้นมาแข่งขันได้อีก ไม่มีการปล่อยเสือเข้าป่าปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยให้คู่แข่งเป็นอิสระ ก็มีโอกาสย้อนกลับมาสร้างปัญหาในภายหลังได้
  • การที่ตำรวจละเลย ไม่ตามจับผู้ต้องหา มารับโทษก็เท่ากับการ ปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ สักวันก็ก่อเหตุแบบนี้อีก
  • การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ การกำจัดคู่แข่งศัตรูทางการเมืองให้สิ้นซาก หรือจัดการถึงขึ้นเสียชีวิต จึงเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ในทุกประเทศหรือแม้แต่ ในจังหวัด อำเภอตำบลหรือหมู่บ้านเล็กๆ ก็ตาม การกำจัดคู่แข่ง ต้องจัดการให้เด็ดขาด อย่าปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ การปล่อยคู่แข่ง ปล่อยศัตรูไว้อาจมีโอกาส ทำให้เดือดร้อนในภายหลัง
  • การอภัยเป็นสิ่งที่ดี แต่การให้โอกาสปล่อยนักโทษที่เคยกระทำความผิด กลับสู่สังคมก็เหมือนการปล่อยเสือเข้าป่า เพราะไม่รู้ว่านักโทษได้สำนึกความผิดที่เคยทำมาหรือไม่
  • การปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำบางครั้งต้องคิดดีๆ เพราะเราไว้ใจกับนิสัยคนไม่ได้เลย คนก็คือคนสองหน้าใส่หน้ากาก ต้องให้แน่ใจว่าคนที่เราปล่อยไปสำนึกผิดจริงๆ แล้ว เราก็ควรจะปล่อยวางให้อภัยได้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยหว่านพืชต้องหวังผล ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ห. หว่านพืชต้องหวังผล

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยหว่านพืชต้องหวังผล

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการปลูกพืช ต้องดูแลจนให้พืชเติบโต จนผ่านช่วงเวลาหนึ่งพืชเหล่านี้จะเป็นต้นไม้ออกดอก ออกผลให้ประโยชน์กับเรา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ให้ผลประโยชน์แก่ผู้อื่นเพื่อหวังผลตอบแทน การทำอะไรที่ไม่ได้ทำให้เปล่าๆ ซึ่งหมายความว่าการกระทำของบุคคลคนหนึ่งหรือคณะหนึ่ง ที่ให้คุณประโยชน์กับผู้อื่น ก็เพื่อที่จะหวังผลตอบแทนกลับมาในอนาคตนั่นเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยหว่านพืชต้องหวังผล

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตหว่านพืชต้องหวังผล

  • ลงทุนในหุ้นก็เหมือนปลูกต้นไม้ มันต้องใช้เวลา หว่านพืชต้องหวังผล ไม่ใช่เข้าตลาดหุ้นมาวันนี้จะมารวยวันพรุ่งนี้
  • วิธีการทำธุรกิจของร้านค้าบางร้านอาจจะใช้เวลาที่หวังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ หว่านพืชหวังผล ค่อนข้างยาวนานหลายปี หวัง สิ่งตอบแทนแต่ก็ไม่เร่งรีบ อย่างบางร้านทำการตลาดด้วยการส่งของขวัญให้ลูกค้าทุกปีจนกระทั่งลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าของทางร้าน แม้จะใช้เวลานานหลายปี แต่อาศัยการส่งของขวัญให้ลูกค้าจำนวนมาก ก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง และหาก สินค้านั้นมีมูลค่าสูง แม้จะขายได้น้อย แต่กำไรต่อชิ้นจะค่อนข้างมาก
  • นี่เธอ ผู้ชายคนนั้นเอาอกเอาใจเธอจัง เขามาหว่านพืชหวังผลกับเธอหรือเปล่านะ!?
  • คุณเวลาจะทำอะไรซักอย่าง หว่านพืชต้องหวังผล ไม่ใช่ทำอะไรที่ไร้เป้าหมาย แบบนี้เราจะเสียเวลา เสียทุกอย่าง
  • คนทำธุรกิจหว่านพืชต้องหวังผลกันอยู่แล้ว ธุรกิจก็คือธุรกิจ มันไม่ใช่งานการกุศล

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก

ที่มาของสำนวน เปรียบเทียบการฝึกอบรมบ่มนิสัยกับการดัดไม้เพื่อทำเป็นไม้ดัด การที่จะดัดต้นไม้ให้เป็นรูปทรงต่างๆ นั้นนิยมทำในช่วงที่ต้นไม้ยังเป็นต้นเล็กๆ อยู่ ซึ่งจะทำให้สามารถดัดได้ง่ายกว่า เนื่องจากกิ่งก้านมีขนาดเล็ก มีความยืดหยุ่นง่าย ไม่แตกหักเมื่อจะทำการดัด แต่ถ้าดัดในตอนที่ต้นไม้โตหรือแก่เกินที่จะสามารถดัดได้ กิ่งของไม้แก่จะมีความแข็ง ดัดได้ยากและมักจะแตกหักระหว่างดัดได้ จึงไม่นิยมที่จะดัดไม้ที่มีอายุมากดังกล่าว เปรียบเทียบได้กับการดัดนิสัยของคนนั้นต้องดัดตั้งแต่ยังเล็กๆ นั่นเอง

ดังนั้นแล้วคนสมัยก่อนเปรียบเปรยการอบรบสั่งสอนคนไว้กับไม้ ซึ่งไม้ที่อ่อน มีอายุน้อยย่อมดัดและเปลี่ยนแปลงรูปแบบได้ง่ายกว่าไม้แก่หรืออายุมากเสมอ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การอบรมสั่งสอนเด็กหรือคนอายุน้อย ย่อมง่ายกว่าการสั่งสอนอบรมคนที่มีอายุมากแล้ว

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก

  • เพื่อนร่วมห้องของฉันไม่เคยจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยเลย บอกกล่าวตักเตือนกันหลายครั้งแล้วแต่คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ อย่างที่เขาว่าไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก
  • มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่งซึ่งมีลูกชาย 2 คน แต่อายุของเด็กสองคนนี้แตกต่างกันมาก คงจะเป็นเพราะพ่อกับแม่ของเค้าทิ้งช่วงในการมีลูกนานเกินไป อาจจะเพราะความไม่พร้อมและฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวด้วย จึงมีลูกอายุห่างกันถึง 20 กว่าปี ซึ่งลูกชายคนเล็กนั้น มีอายุได้ 6-7 ขวบ ในขณะที่ลูกชายคนโตมีอายุปาเข้าไป 28 ปีแล้ว สำหรับฐานะของครอบครัวนี้ในช่วงนี้นั้นก็จัดว่าพอมีกินมีใช้ แต่ด้วยเหตุใดไม่รู้ลูกชายคนโตถึงชอบไปหยิบไปขโมยของหรือทรัพย์สินของชาวบ้านแถวนั้นมาเป็นประจำ อาจจะด้วยเหตุว่าเมื่อตอนชายคนนี้ยังเด็กๆอยู่นั้น ขาดการอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ เพราะพ่อแม่มัวแต่ทำงานกันจึงไม่มีเวลามาสั่งสอนเลี้ยงดูเด็กคนนี้ ครั้นจะมาสั่งสอนเอาตอนนี้ มันก็ดูทีว่าจะสายไปเสียแล้ว และที่สำคัญพ่อแม่ก็ไม่อยากที่จะให้ลูกชายคนเล็กของตนเป็นไปอีกคนด้วย เลยพร่ำสอนลูกชายคนที่ 2 มาตั้งแต่เล็กๆ และก็ได้ผลด้วย เพราะเด็กชายคนเล็กคนนี้นั้น ไม่เคยไปขโมยของของใครเลย และทำให้พ่อและแม่เข้าใจเลยว่า ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก จริงๆซะด้วย
  • นี่เธอ ฉันว่าอย่าเสียเวลาสอนคอมพิวเตอร์ให้ผู้จัดการเลย แกแก่แล้ว สอนเด็กใหม่ๆดีกว่า ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก นะเธอ
  • คุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองคงจะเคยได้ยินสุภาษิต ‘ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก’ การสร้างนิสัยความเป็นจิตอาสาก็เช่นกัน ถ้าสามารถเริ่มต้นฝึกฝนกันตั้งแต่เล็ก ๆ ได้ ก็จะทำให้นิสัยความเป็นจิตอาสาติดตัวไปจนโต
  • พวกพนักงานเก่าๆ นี่ไม่ไหวเลยนะครับคุณพ่อ กฏระเบียบ กติกา ของบริษัท ก็ไม่ค่อยเคารพกันเลย ไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยากจริงๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube