สุภาษิตคำพังเพยขายผ้าเอาหน้ารอด ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. ขายผ้าเอาหน้ารอด

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยขายผ้าเอาหน้ารอด

ที่มาของสำนวนนี้คือ เปรียบกับผ้าที่ขายเพื่อรักษาหน้าในสำนวนนี้เป็นผ้าสำคัญ เช่นผ้าที่ทอเพื่อใส่ในวันแต่งงาน การขายผ้าจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นการสละสิ่งของที่รักที่หวงเพื่อสิ่งที่สำคัญกว่า คือ การรักษาหน้านั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 คือ ยอมเสียสละของสำคัญของตน หรือทำให้งานนั้นเสร็จพ้นๆ ไป แต่ไร้คุณภาพ เพียงเพราะอยากรักษาชื่อเสียงของตนไว้  มักใช้กับคนที่ยอมสละของจำเป็นที่มีอยู่ นำสิ่งของที่มีอยู่ออกมาใช้ หรือหยิบฉวยสิ่งที่พอหาได้ใช้ไปก่อน เพื่อรักษาชื่อเสียงของตนไว้หรือใช้เพื่อแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้เอาตัวรอดไปก่อน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยขายผ้าเอาหน้ารอด

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตขายผ้าเอาหน้ารอด

  • เมื่อวานมีการจัดงานเลี้ยงใหญ่ที่บ้าน มีแขกคนสำคัญมากมาย แต่พ่อครัวมือหนึ่งเกิดป่วยกระทันหัน ฉันเลยต้องขายผ้าเอาหน้ารอด รีบสั่งอาหารจากโรงแรมชื่อดังมาเลี้ยงแขกแทน
  • กรรมการบริหารบริษัทชุดนี้ได้แต่เพียงโยกย้ายตำแหน่งหัวหน้าแผนกต่างๆ ไปมา แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดดุลของบริษัทได้อย่างจริงจัง หวังเพียงขายผ้าเอาหน้ารอด ให้คณะทำงานอยู่ได้ครบตามวาระเท่านั้น
  • คู่บ่าวสาวไม่มีเงินจึงต้องยอมขายผ้าเอาหน้ารอด เอาบ้านไปจำนองเพื่อจัดงานแต่งงานให้สมเกียรติ
  • เราเตรียมข้อมูลมานำเสนออาจารย์ไม่ทันจริงๆ เพราะว่ามีเวลาเตรียมตัวค่อนข้างน้อย ช่วงนี้ก็ขอเสนองานแบบที่ทำพอได้ไปก่อน พวกเราขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนแล้วกัน
  • ได้รับเชิญให้ไปบรรยายทางวิชาการอย่างกะทันหัน จึงขายผ้าเอาหน้ารอด เอาเรื่องเก่าที่เคยเสนอแล้วมาพูดใหม่พอแก้ขัดไปก่อนละกัน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยขวานผ่าซาก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. ขวานผ่าซาก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยขวานผ่าซาก

ที่มาของสำนวน มีที่มาจากการใช้ขวานผ่าฟืนซึ่งต้องใช้ความรุนแรงพอสมควร ซึ่งท่านอาจจะเปรียบไว้กับการพูดจาตรงไปตรงมาจนเกินไป ซึ่งการพูดตรงๆ เห็นอะไรก็พูดไปแบบนั้น บางทีมันเหมือนกับการใช้ปากพูดอย่างเดียว ไม่ได้ใช้สมองตริตรองก่อน ไม่ได้นึกถึงใจผู้ฟัง  เป็นการใช้พละกำลังอย่างเดียว ไม่ได้ใช้สติปัญญา

อีกประเด็นก็คือการผ่า “ซาก”  ซากในที่นี้ท่านอาจจะหมายถึงซากไม้เก่าๆ ซึ่งไม้เก่านั้น ความผุก็เริ่มมี เพราะฉะนั้นการใช้ขวานจามหรือผ่าไม้ที่ผุๆนั้น ไม่เกิดประโยชน์เพราะเนื้อไม้จะแตกกระจายและนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้  เปรียบดั่งการพูดถ้าพูดไปตรงๆ แรงๆ ไม่รักษาน้ำใจกัน  คำพูดนั้นก็หาได้มีประโยชน์ไม่ ซ้ำร้ายยังทำให้เกิดความแตกแยกดั่งฟืนผุๆที่แตกกระจายอีกด้วย

แต่ความจริงแล้วคำนี้มีที่มาจากอะไรก็ไม่ทราบแน่ชัดครับ เพราะถ้าว่าโดยพยัญชนะแล้ว ขวาน นี่ก็แปลว่าหมอนชนิดหนึ่งได้เหมือนกัน ส่วน ผ่า นี่แปลว่า การทำให้เจือจางลงก็ได้

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 มักใช้กับคนที่มีลักษณะการพูดจาตรงเกินไป โผงผาง ไม่เกรงใจใคร พูดไม่ดูกาลเทศะ ไม่ใส่ใจว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร หรือพูดจาตรงๆ ไม่เกรงใจใครเลย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยขวานผ่าซาก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตขวานผ่าซาก

  • สมชายพูดจาขวานผ่าซาก ไม่เกรงใจใคร ทำให้ผู้ใหญ่หลายๆ คนไม่ชอบ
  • นี่คุณ อย่าไปใส่ใจคำพูดลุงแกเลย แกเป็นคนพูดขวานผ่าซากแบบนี้แหละ
  • นิคมเขาเป็นคนมีจิตใจดี แต่ชอบพูดจาแบบขวานผ่าซาก ตรงไปตรงมา จนทำให้ถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ
  • พูดตรงไปตรงมา พูดขวานผ่าซาก กับพูดทุกคำที่คิด ไม่คิดถึงคนอื่นว่าจะคิดยังไง ไม่เหมือนกัน เป็นวจีกรรมที่ให้ผลต่างกัน พูดตรงไปตรงมา คือ พูดแบบไม่อำพราง ไม่หมกเม็ด ไม่อ้อมค้อม
  • สุพิศเป็นผู้หญิงห้าวชอบพูดจาแบบขวาผ่าซากกับคนอื่น แบบนี้ผู้ชงผู้ชายคงหนีหมดแน่ๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

ที่มาของสำนวนคือ โดยปกติตามธรรมชาติแล้วสัตว์ทั้งสองไม่มีอวัยวะอย่างนมและตีนและไม่มีใครเคยได้เห็น “ตีนงู” หรือ “นมไก่” เพราะงูไม่มีตีน และไก่ก็ไม่มีนม ซึ่งเราใช้สำนวนนี้ในเชิงเปรียบเทียบนั่นเอง ด้วยเหตุดังกล่าวจึงถูกนำมาใช้เป็นสำนวนเกี่ยวกับความลับ

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ หมายถึงการที่คนสองคน ต่างก็รู้ความลับหรือนิสัยใจคอของกันและกันเป็นอย่างดี แต่คนอื่นนั้นไม่รู้เรื่องของทั้งสอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

  • ศักดิ์กับแซมอยู่ในซอยเดียวกัน ทั้งสองคนทำตัวเป็นผู้ดีแต่งตัวหรูหรา ซึ่งทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้เป็นผู้ดีจริง แต่ชาวบ้านในซอยต่างมองว่าคนสองคนนี้เป็นผู้ดีมีฐานะ
  • นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการส่วนภูมิภาค ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ต่างคนต่างรู้จักกันดี
  • ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ สองนักการเมือง ซัดกันเละ ขุดนโยบายที่เคยว่าจะทำ ทะลวงไส้สุดมันส์
  • เราสองต่างเหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่แท้ๆ เลยเพื่อน กูรู้เก็บความลับมึง มึงเก็บความลับกู สุดยอดไปเลยเรา ฮ่าๆ
  • นายบอสรู้ว่านายบิ๊กมีกิ๊ก แต่บอสก็ไม่กล้าไปบอกแฟนบิ๊ก เพราะบอสรู้ดีว่าบิ๊กมีความลับของตน ซึ่งไม่ดีแน่ๆ หากบอสทำแบบนั้น นี่แหละน้าอย่างที่เขาว่าไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยไกลปืนเที่ยง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. ไกลปืนเที่ยง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยสุภาษิตไกลปืนเที่ยง

ที่มาของสำนวนนี้คือ การยิงปืนบอกเวลาเที่ยงวันในสมัยโบราณ เนื่องจากในสมัยนั้นยังไม่มีนาฬิกาใช้กันอย่างแพร่หลายเช่นปัจจุบันปืนเที่ยง เป็นส่วนหนึ่งของราชการ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยิงขึ้นในกรุงเทพฯ เพื่อเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าถึงเวลาครึ่งวันแล้ว ข้าราชการที่ทำงานหยุดครึ่งวัน พักเที่ยง จัดการกับอาหารมื้อกลางวัน บรรดาพระสงฆ์ที่กำลังจังหัน ฉันเพล ก็จะต้องยุติ ปืนเที่ยงคือสัญญาณให้ประชาชนรู้ว่าถึงเวลาเที่ยงวัน เป็นเวลาที่พระอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะพอดี ปืนที่ใช้ยิงนี้เป็นปืนหลวง เป็นปืนที่บรรจุกระสุนหลอก หน่วยงานที่รับภาระในการยิงปืนเที่ยงเป็นประจำนั้น ได้แก่กองทัพเรือไทย กำหนดเวลายิงปืน คือตอนพระอาทิตย์ตรงหัว คือเที่ยงตรง แต่ในกรณีที่ว่าพระอาทิตย์ตรงหัว อาจไม่แน่นอนเสมอไป แต่สำหรับเวลาเที่ยงวันนั้นเป็นสิ่งแน่นอน เพราะทางราชนาวีไทยมีวิชาคำนวณทางดาราศาสตร์น ไกลปืนเที่ยงจึงหมายความว่า อยู่ไกลมากจนไม่ได้ยินเสียงสัญญาณปืนที่บอกเวลานั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้คือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ สมัยก่อนเปรียบเปรยถึงคนที่อยู่ไกลมากจนไม่ได้ยินเสียงสัญญาณปืนที่บอกเวลา กล่าวคือเปรียบกับคนที่ไม่ค่อยรู้ความเป็นไปของบ้านเมือง กันดาร ห่างไกลความเจริญจนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ขนาดเสียงปืนใหญ่ที่ว่าดังยังไม่ได้ยิน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไกลปืนเที่ยง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไกลปืนเที่ยง

  • คิดยังไงเหรอลูก ถึงขอย้ายไปทำงานในที่ไกลปืนเที่ยงขนาดนั้น พ่อแม่จะไปเยี่ยมแต่ละครั้งก็ลำบากมาก
  • มีนักการเมืองบางคนที่ยังนึกว่าประชาชนอยู่ไกลปืนเที่ยง และชอบเสกสรรปั้นข้าว หรือโกหกคำโตๆ อยู่เป็นประจำ
  • ยายศรีมันจะรู้ได้ไงละเธอ อยู่ซะไกลปืนเที่ยงซะขนาดนั้น ป่านนี้คุยกับภูเขารู้เรื่องแล้วมั๊ง
  • สมชายนี่บ้านอยู่ไกลปืนเที่ยงเสียจริง จะเข้าเมืองแต่ละทีใช้เวลาเป็น 10 ชั่วโมง
  • ถึงโลกพัฒนาไปต่อไหนแล้ว แต่คนบางคนยังเลือกอยู่ไกลปืนเที่ยง ใช้ชีวิตเรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติ ซึ่งมันก็ดีไปอีกแบบ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยไก่แก่แม่ปลาช่อน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. ไก่แก่แม่ปลาช่อน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยไก่แก่แม่ปลาช่อน

ที่มาของสำนวนก็คือ สำนวนนี้เพี้ยนมาจากสำนวนเดิมว่า กระต่ายแก่แม่ปลาช่อน ดังที่มาปรากฏในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง เช่น เรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่ ตอนพระอภัยมณีกล่าวกับนางสุวรรณมาลี ว่า “ขี้เกียจเกี้ยวเคี่ยวขับข้ารับแพ้ กระต่ายแก่แม่ปลาช่อนงอนไม่หาย” ในเรื่องคาวี พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระคาวีว่านางคันธมาลี ดังนี้ “ไม่พอที่ตีวัวกระทบคราด สัญชาติกระต่ายแก่แม่ปลาช่อน แสร้งสบิ้งสะบัดตัดรอน จะช่วยสอนให้ดีก็มิเอา”

สรุปความหมายของสำนวนนี้คือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ผู้หญิงที่มีมารยามาก มักใช้กับหญิงมีอายุมาก สำนวนนี้ในคำประพันธ์ในวรรณดีนี้คือ ผู้หญิงเล่ห์เหลี่ยมมาก จัดจ้าน มีแง่งอน สะบัดสะบิ้ง ต่อมาสำนวนนี้พูดเพี้ยนเป็น ไก่แก่แม่ปลาช่อน และกลายความหมายมาเป็น ผู้หญิงที่มีมารยาเล่ห์เหลี่ยมมากนั่นเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไก่แก่แม่ปลาช่อน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไก่แก่แม่ปลาช่อน

  • สมศรีเป็นผู้หญิงที่เล่ห์เหลี่ยมเยอะดั่งไก่แก่แม่ปลาช่อนจริงๆ มีสามีอยู่แล้วแต่ยังแอบไปคบกับผู้ชายคนอื่น ดูทรงแล้วผู้ชายคนนั้นหนุ่มกว่าอยู่เลย เสียดายผู้ชายคนนั้นจริงๆ ไม่น่าหลวมตัวกับผู้หญิงแบบนี้
  • คุณไม่ต้องมามารยาเยอะเหมือนไก่แก่แม่ปลาช่อนกับผมหรอก ผมรู้หมดแล้วว่าคุณเป็นยังไง ผมไม่สน และผมไม่แคร์ด้วย รีบออกไปจากชีวิตผม ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน
  • ผู้หญิงบางคนมีลูก มีผัว แล้วยังทำตัวแบบไก่แก่แม่ปลาช่อนจริงๆ เที่ยวไปโกหกผู้ชาย ที่มีเงิน โดยไม่คิดถึงที่บ้านเลย เฮ้อ แย่จริงๆ!
  • คิดจะทำตัวแบบไก่แก่แม่ปลาช่อน ชาตินี้ก็ไม่มีวันเจอผู้ชายหรอก เชื่อฉันเตอะ!
  • หญิงเป็นผู้หญิงหน้าตาดีนะ แต่คบหลายคน ใช้เล่ห์เหลี่ยมในการหลอกผู้ชายให้ตกหลุมรัก แล้วน้องชายฉันก็ดันไปรักไปชอบผู้หญิงแบบไก่แก่แม่ประช่อนแบบนี้ ฉันไม่รู้จะเตือนยังไงกับมันแล้ว ก็ปล่อยให้น้องชายมันคิดเองให้ได้ก็แล้วกัน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยแกว่งเท้าหาเสี้ยน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. แกว่งเท้าหาเสี้ยน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยแกว่งเท้าหาเสี้ยน

ที่มาของสำนวนคือ เปรียบเปรยถึงสมัยก่อนบ้านไทยทำมาจากไม้เป็น แล้วบางคนได้แกว่งเท้าเปล่าของตนบนพื้นดินหรือพื้นไม้ จนทำให้เท้าตัวเองถูกเสี้ยนตำนั่นเอง มีความคล้ายคลึงกับสำนวนหาเหาใส่หัว

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ อยู่ดีไม่ว่าดี ไปหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว มักจะใช้กับคนที่ชอบเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้อื่น จนทำให้ตัวเองต้องเดือนร้อน คนที่ชอบรนหาที่ หาเรื่องใส่ตัว ไปยุ่งโดยไม่จำเป็น

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยแกว่งเท้าหาเสี้ยน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตแกว่งเท้าหาเสี้ยน

  • นายนพพรทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง ได้รับเงินเดือนที่ดี มีชีวิตสุขสบาย วันหนึ่งได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเรียกร้องการขึ้นค่าแรง จึงดำเนินการประท้วงบริษัท ชวนพนักงานคนอื่นร่วมประท้วงด้วย จนสร้างความไม่พอใจให้กับผู้บริหารและถูกไล่ออกจากบริษัทในที่สุด คนนิสัยแบบนี้โบราณท่านเรียกว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน
  • จิตตาชอบไปยุ่งคนอื่น จนทำให้ตัวเองได้รับความเดือดร้อนอยู่บ่อยครั้ง ตรงกับสำนวนไทยที่ว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน
  • แกว่งเท้าหาเสี้ยนแท้ๆ อยู่ดีไม่ว่าดี ไปช่วยตำรวจจับโจร จนตัวเองต้องโดนลูกหลง เกือบเอาชีวิตไม่รอด
  • ปากเธอนี้อยู่ไม่นิ่งจริงๆ  อยู่เงียบๆ ก็ได้ไม่ต้องมาแกว้งเท้าหาเสี้ยนหรอก
  • สมชายเตือนอาทิตย์แล้วว่าอย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน ช่วยเหลือ ให้ที่พักอาศัยคนทำผิด จนตำรวจตามมาถึงบ้าน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเกี่ยวแฝกมุงป่า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. เกี่ยวแฝกมุงป่า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเกี่ยวแฝกมุงป่า

ที่มาของสำนวนคือ เป็นสำนวนที่ได้จากการเปรียบเปรยถึงการเกี่ยวหญ้าแฝกเพื่อที่จะนำมาทำหลังคาที่พัก แล้วนำมามุงฝืนป่าทั้งหมดในพื้นที่ โดยการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าไม่มีทางที่จะสำเร็จได้อย่างแน่นอน เพราะว่าผืนป่านั้นมีบริเวณที่กว้างใหญ่ไฟศาล การกระทำดังกล่าวจึงไม่ใดประโยชน์อันใดเลย

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ทำอะไรเกินกำลังความสามารถของตัวเอง นิยมใช้เปรียบเทียบคนที่ทำอะไรโดยไม่ประเมินกำลังของตนว่าจะทำได้หรือไม่ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลยนั่นเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเกี่ยวแฝกมุงป่า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเกี่ยวแฝกมุงป่า

  • ทำอะไรไม่คิดขับรถขึ้นเขาแต่น้ำมันหมดกลางทาง แทนที่จะโทรแจ้งใหเจ้าหน้าที่มาลากรถ กลับคิดจะเข็นรถลงมาเองเกี่ยวแฝกมุงป่าชัดๆ เมื่อไหร่จะถึง
  • นายขมทำแหวนเพชรตกบริเวณตรงกลางแม่น้ำใหญ่ จึงคิดจะจะกลั้นไม่ให้น้ำไหลและวิดน้ำออกเพื่อตัวเองจะได้เก็บแหวนนั้นคืนมา
  • คนที่จะประสบความสำเร็จทำงานทีละอย่างแบบตั้งใจให้มันดีที่สุด ไม่ใช่เกี่ยวแฝกมุงป่าทำอะไรหลายๆ อย่างแต่ไม่มีคุณภาพ แบบนี้ยังไงก็เจ๊งในที่สุด
  • สมศักดิ์เป็นคนหัวรั้นมาก คิดจะทำการใหญ่ด้วยความเสี่ยงที่จะเอาเงินก้อนสุดท้ายมาลง แต่ก็เหมือนเกี่ยวแฝกมุงป่า เพราะสิ่งที่สมศักดิ์กำลังจะทำนั้นมันหมดสมัย หมดยุคไปแล้ว เฮ้อ ใครก็ได้เตือนเขาที
  • สมจิตรอยากจะแก้หนี้ 5 ล้าน ที่ตนสร้างมาเป็นสิบปี ภายในหนึ่งปี แบบนี้มันเกี่ยวแฝกมุงป่าชัดๆ จำไว้เลยว่าจะแก้หนี้ใช้เวลาพอๆ กับที่สร้างมันมา จะมาหวังน้ำบ่อไหนมาแก้ในหนึ่งปี!?

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเกลือเป็นหนอน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. เกลือเป็นหนอน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเกลือเป็นหนอน

ที่มาของสำนวนนี้คือ เนื่องจากความเค็มของเกลือช่วยในการถนอมอาหาร (เนื้อเค็ม ปลาเค็ม) ทำให้ไม่ให้แมลงวันมาตอมและวางไข่ได้ ซึ่งหากมีแมลงวันมาวางไข่ที่เนื้อก็จะเกิดหนอน เกลือจึงเปรียบเสมือนสิ่งที่ช่วยปกป้องไม่ให้เนื้อเกิดหนอนขึ้น เกลือที่มีรสเค็มจัดแต่ก็มีหนอนเกิดขึ้นได้ ถ้าจะถนอมอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ตามปกติธรรมดาเราใช้เกลือมาคลุกเคล้ากับชิ้นเนื้อสัตว์ แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้งพอประมาณ ความเค็มของเกลือจะช่วยให้ชิ้นเนื้อสัตว์ไม่เน่าเน่าเปื่อย และอีกประการหนึ่งความเค็มของเกลือช่วยป้องกันไม่ให้แมลงวันมาตอม และวางไข่ได้ เนื้อสัตว์ที่เราได้ทำการถนอมไว้ ก็จะอยู่ในสภาพที่ดีตามความประสงค์ของเรา แต่บางครั้งอาจจะมีแมลงวันบางตัวแอบมาวางไข่ที่เนื้อสัตว์เหล่านั้น เนื้อสัตว์นั้นก็จะเกิดหนอนขึ้นมาได้ เกลือที่ช่วยปกป้องไม่ให้เนื้อสัตว์เกิดหนอน เมื่อเกิดหนอนขึ้นมา คนจึงคิดว่าเกลือกลับกลายมาทำให้เนื้อสัตว์เป็นหนอน หรือ เกลือเป็นหนอนนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ญาติมิตร สามีภรรยา ลูก เพื่อน หรือ คนในบ้านคิดคดทรยศ โดยเอาข้อมูลความลับของฝ่ายเราไปบอกกับศัตรูหรือฝ่ายตรงกันข้าม ทำให้ศัตรูหรือฝ่ายตรงกันข้ามนำข้อมูลนั้นกลับมาเล่นงานเรา หรือผู้ที่คอยช่วยเหลือแบ่งเบาภารกิจให้เรา คอยเป็นหูเป็นตาให้เรา หรือ คอยปกป้องคุ้มครองภัยให้เรา กลับมาคิดคดทรยศต่อเราเอง อุปมาอุปไมยเสมือนดั่งว่า เกลือเป็นหนอน หรือไส้เป็นหนอน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเกลือเป็นหนอน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเกลือเป็นหนอน

  • บริษัท Nosxy ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ขึ้นมา โดยจะนำสินค้าออกวางจำหน่ายในช่วงอาทิตย์หน้าที่จะถึง แต่ปรากฎว่า บริษัทที่เป็นคู่แข่งได้นำเอาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเดียวกันออกวางตลาดไปเมื่อวาน แน่นอนว่าบริษัทของสมชายจะต้องมีเกลือเป็นหนอน แอบเอาข้อมูลนี้ไปบอกคู่แข่ง
  • พนักงานบริษัทพูดกับผู้จัดการ ว่าผู้จัดการครับ บริษัทคู่แข่งรู้แผนการการเปิดตัวสินค้าตัวใหม่ของเราได้ ผมว่างานนี้เกลือเป็นหนอนในบริษัทเราแน่ๆ
  • เร่งล่าโจรชิงเงินจากรถขนเงิน เชื่อเกลือเป็นหนอน กรณีที่มีคนร้ายเข้าไปปล้นรถขนเงิน ณ เชียงใหม่ กลางวันแสกๆ ได้เงินสดไปกว่า 2 ล้านบาท ตำรวจชุดสืบสวนกำลังเร่งหาเบาะแส เบื้องต้นเชื่อว่าจะเป็นคนในที่รู้ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี
  • ไม่คิดว่าคนในครอบครัวเดียวกันจะเกลือเป็นหนอนเอาความลับสูตรก๋วยเตี๋ยวที่สืบทอดกันมา แอบไปขายลับๆ เวรกรรมอะไรของครอบครัวเรานี่!
  • เพื่อนบางคนต่อหน้าอย่าง ลับหลังอีกอย่าง เมื่อวานพึ่งจะคุยเรื่องย้ายสายงานกับมัน อีกวันเจ้านายรู้เรื่องแล้วโทรมาด่า เฮ้อ คนเรา อุส่าบอกว่าให้เงียบๆ อย่าไปพูดที่ไหน นี่แหละน้า อย่างที่เขาว่าเกลือเป็นหนอนจริงๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเกลือจิ้มเกลือ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. เกลือจิ้มเกลือ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเกลือจิ้มเกลือ

ที่มาของสำนวนนี้คือ มาจากการที่คนไทยนั้นนิยมจิ้มผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวกับเกลือเพื่อที่จะช่วยกลบรสเปรี้ยวของผลไม้ และทำให้มีรสชาติกลมกล่อม ซึ่งการเอาเกลือมาจิ้มกับเกลือ ก็จะมีแต่รสเค็มเท่านั้น ไม่มีรสอะไรอื่น เปรียบดั่ง เค็ม+เค็ม = เค็ม

สรุปความหมายของสำนวนนี้คือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ความหมายก็คือ คนเค็มต่อคนเค็มมาพบกันหรือคนที่มีอะไรเหมือนๆ กัน ไม่ยอมเสียเปรียบกัน แก้เผ็ดให้สาสมกัน แก้แค้นให้สาสมกับที่ทำไว้ การใช้ความเค็มหรือความเหมือนเข้าสู้เพื่อลดกำลังหรือเอาชนะสิ่งนั้น

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเกลือจิ้มเกลือ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเกลือจิ้มเกลือ

  • ก็คุณไปเอาเปรียบเขาก่อน ขายของตัดราคาร้านอื่น พอเขาเกลือจิ้มเกลือลดราคาให้ถูกกว่าของคุณ คุณกลับมาร้องเรียน ว่ากล่าวเขา แบบนี้แหละแฟร์พอกัน
  • วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ ในการลดความเค็มของปลาเค็ม ด้วยการใช้หลักเกลื้อจิ้มเกลือ เพียงนำปลาเค็มไปแช่ในน้ำเกลือ ทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที จากนั้นก็นำไปล้างน้ำแบบผ่านๆ ตากไว้ให้แห้งแล้วนำไปทอดตามปกติ แค่นี้เราก็จะได้ปลาเค็มที่ไม่เค็มมากจนเกินไป
  • บ้านนี้เขาไม่ถูกกับคนอื่นเพราะชอบปล่อยให้สุนัขที่ตัวเองเลี้ยงไปขับถ่ายหน้าบ้านคนอื่น เพื่อนบ้านเตือนเท่าไหร่ก็ไม่สนใจก็เลยใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือ เอาหมาไปขับถ่ายคืนบ้าง ให้มันสาสมกันเลย
  • สมศักดิ์กับหมายปอง มวยคู่นี้มีดีกรี ทั้งสองต่างเป็นแชมป์ในอายุไล่เลี่ยกัน มีสไตล์การชกยังเหมือนๆ กัน แมตซ์นี้ต้องมันแบบเกลือจิ้มเกลือแน่นอน
  • คนบางประเภทเอารัดเอาเปรียบจนเคยตัว คงเป็นสันดานฝังลึกไปแล้วแหละ จะแก้คงยาก คนแบบนี้ต้องเกลือจิ้มเกลือเท่านั้นถึงจะสาสม

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน

ที่มาของสำนวนคือ “เบี้ย” คือเปลือกหอยทะเลชนิดหนึ่ง ในสมัยก่อนเรียกว่าเบี้ยจั่น คนโบราณใช้แทนเงิน ซึ่งมีราคาต่ำสุด คือ 100 เบี้ย เท่ำกับ 1 อัฐ (หนึ่งสตำงค์ครึ่ง) กลายอีกนัยคือใช้เป็นเงินแลกเปลี่ยนซื้อของได้ แต่มันมีราคาต่ำ “ร้าน” หมำยถึง ที่ที่ปลูกยกพื้นขึ้นสำหรับนั่งหรือขำยของ เป็นต้น เบี้ยที่ตกอยู่ใต้ถุนร้ำน จึงเป็นเศษเงินที่เล็กน้อยมากจนไม่ค่อยมีใครสนใจจะเก็บ สำนวนนี้ปรากฎในบทร้องเล่นของเด็กไทยว่ำ “รีรีข้าวสำร สองทะนำนข้ำวเปลือก เลือกท้องใบลำน คดข้าวใส่จำน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้ำน พานเอาคนข้างหลังไว้”

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การเก็บเล็กผสมน้อย ทำอะไรที่ประกอบด้วยส่วนเล็กส่วนน้อย จนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเป็นกอบเป็นกำ หรือการจะทำงานเล็กใหญ่ ก็พยายามค่อยๆ ทำให้ดีขึ้นแม้เล็กน้อยๆ เมื่อรวมกันและใช้เวลาก็จะทำให้การงานนั้นเห็นผลเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ ใช้กับคนที่เริ่มสร้างตัวด้วยตนเอง สู้ชีวิตค่อยๆ เก็บเงิน ใช้จ่ายอย่างประหยัด คล้ายกับสำนวนเก็บหอมรอมริด

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน

  • คนที่รู้จักการ “เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน” จะเป็นคนที่มั่งมีได้ในอนาคตแน่นอน
  • น้องฝ้ายลูกสาวของฉันช่างน่ารักจริงๆ ทุกๆวันหลังเลิกเรียน น้องฝ้ายจะนำเงินที่เหลือจากค่าขนมที่แม่ให้ไปโรงเรียน หยอดกระปุกวันละ 5 บาทบ้าง 10 บาทบ้าง จนทุกวันนี้กระปุกออมสินของน้องฝ้ายใกล้จะเต็มแล้ว
  • ถึงตอนนี้เรามีเงินไม่เยอะ แต่การ “เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน” จะทำให้เรามีเงินมากขึ้นได้
  • สมชายค่อยๆ ชุบตัวด้วยการเก็บเงินทีละนิดเหมือนกับเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน อย่างขยันและเป็นวินัย จนในที่สุดเขาก็เริ่มสร้างตัวได้ และมีชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมกับความสุข
  • ถ้าสมหญิงค่อยๆ เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านนะ ป่านนี้คงจะรวยไปแล้ว เสียดายที่ขายของได้ดี ลูกค้าเยอะ แต่เอาไปซื้อของฟุ่มเฟือยไม่จำเป็น วันข้างหน้าแย่แน่ๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube