สุภาษิตคำพังเพยกินตามน้ำ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กินตามน้ำ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกินตามน้ำ

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการกระทำตามน้ำ ในที่นี่หมายถึงกินตามน้ำ การรับสินบน รับใต้โต๊ะ ทุจริต โดยฝ่ายที่เข้าหาเจ้าหน้าเพื่อหวังผลประโยชน์แน่ๆ แต่เจ้าหน้าที่ก็รับตามน้ำทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปเสีย

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ รับเงิน หรือสิ่งของที่ผู้อื่นนำมาให้ตามธรรมเนียมโดยไม่ได้ปฏิเสธ แม้จะเข้าข่ายฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือรับของสมนาคุณที่เขาเอามาให้โดยไม่ได้เรียกร้อง (มักใช้แก่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจ)

มักใช้กับข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่รับของขวัญ ของสมนาคุณที่เขาเอามาให้โดยที่ตนเองไม่ได้เรียกร้อง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยกินตามน้ำ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกินตามน้ำ

  • วอนผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบข้าราชการที่กินตามน้ำ ทำให้ประเทศยิ่งเสียหาย เพื่อประเทศชาติต้องตามจับให้หมดให้สิ้น
  • สมชายทำงานอยู่ที่หนึ่ง เขาไม่ชอบทุจริตกินตามน้ำ คนอื่นเขาทำกัน แต่เขาไม่ทำ แถมยังจะเปิดโปง เขาพร้อมสู้กับความไม่ถูกต้องเสมอ
  • เจ้าพนักงานดีๆ ที่ไม่กินตามน้ำก็เยอะ คนไม่ดีที่ทุจริตก็เยอะ สังคมมักมีสองด้านเสมอ อย่างน้อยก็อยากให้ด้านดีมันมากกว่าด้านไม่ดีสัก 90/10
  • ปัจจุบันคนไทยมีทัศนคติที่มองกว่าการกินตามน้ำ เป็นเรื่องปกติ ไม่ผิด ไม่ได้ทุจริต แต่จริงๆ แล้วก็คือการติดสินบนนี่เอง ต่างคนต่างได้ประโยชน์ ประเทศเสียหายแน่นอนหากเป็นแบบนี้ต่อไป
  • ประเทศที่พัฒนาแล้วการทุจริตการกินตามน้ำแทบไม่มี ผิดกับประเทศที่กำลังพัฒนาการกินตามน้ำเยอะเป็นว่าเล่น ชนิดที่ว่าเทียบกันไม่ติด อยากจะให้ประเทศเจริญต้องแก้ปัญหาที่คนจากส่วนเล็กๆ ตรงนี้ก่อน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยกินน้ำตาต่างข้าว ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กินน้ำตาต่างข้าว

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกินน้ำตาต่างข้าว

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยการกินน้ำตาแทนกินข้าว เนื่องจากการร้องไห้ เสียใจ จนน้ำตาไหลอาบหน้า เข้าปาก กินข้าวก็กินไม่ลง ต้องกินน้ำตาแทน สำนวนนี้ยังปรากรฏในบทกลอนขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนแผนแก้พระท้ายน้ำ

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ อาการเศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้คร่ำครวญ เสียใจจนไม่เป็นอันกิน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยกินน้ำตาต่างข้าว

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกินน้ำตาต่างข้าว

  • ชีวิตคนเรา ทุกคนล้วนผ่านจุดที่กินน้ำตาต่างข้าวกันมาแล้วทั้งนั้น ความเสียใจ ผิดหวัง มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต พอเราผ่านมันไปได้ เราจะเรียนรู้จากความเสียใจเหล่านี้ และเติบโตเข้มแข็งมากขึ้น
  • กว่าฉันจะเข้มแข็งอย่างทุกวันนี้ได้ ต้องกินน้ำตาต่างข้าวมาไม่รู้กี่หน มีแต่คนรังเกียจ กำพร้าพ่อแม่ ซ้ำยังต้องคอยดูแลน้องที่พิการ ชีวิตฉันนี่เหมือนนิยายชัดๆ
  • สมหญิงแอบทำอะไรไม่ดีลับหลังสมชาย จนสุดท้ายสมชายเดินจากไป สมหญิงต้องกินน้ำตาต่างข้าว เสียงสะอื้นดังก้องห้องสี่เหลี่ยมเธอมอบสิ่งที่หวงแหนที่สุดให้แกเขาเพราะเธอรักเขา แต่เขากลับเกลียดเธอไปแล้ว
  • ตั้งแต่เธอเลิกกับสามี ฉันเห็นเธอกินน้ำตาต่างข้าวทุกวัน หัดหักห้ามใจเสียบ้างเพราะร้องไห้เสียใจไปเขาก็ไม่กลับมา
  • ฉันเคยผ่านจุดที่ให้ความรักกับเขาแล้วเขาไม่เห็นค่ามัน ฉันต้องทนกินน้ำตาต่างข้าวนับเดือน จนตระหนักได้ว่าคนที่ฉันควรรักมากที่สุดคือตัวฉันเอง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยกินนอกกินใน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กินนอกกินใน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกินนอกกินใน

ที่มาของสำนวน กินในสำนวนนี้ความหมายคือการรับผลประโยชน์ รับทรัพย์ ทั้งทางตรง ทางอ้อม รับทั้งนอก ทั้งใน ได้ทั้งขึ้น ทั้งล่อง

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เอากําไรในการซื้อขาย ทั้งในราคาและนอกราคาที่กําหนด หรือการยักยอก เอากำไรและผลประโยชน์จากบุคคลทั้งสองฝ่าย

นิยมใช้กับคนที่หากำไรหรือรายได้หลายทาง ใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น ทุจริต, รับสินบน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยกินนอกกินใน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกินนอกกินใน

  • นักลงทุนสมัยนี้สามารถกินนอกกินในได้หมด สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้น ตลาดขาลง คือการ Long กับ Short ทำให้โลกการเงิน การลงทุน ในปัจจุบันมีความยากมาก
  • ได้ข่าวว่าผู้จัดการคนนั้นถูกไล่ออก เพราะบริษัทไปตรวจสอบพบเจอการทุจริต มีการรับสินบน กินนอกกินในมาเป็นเวลานานแล้ว
  • นายเอนกเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อ เขาซื้อของจากบริษัทที่ขายของให้บริษัทของตนโดยรับเงินใต้โต๊ะจากบริษัทผู้ขายด้วย ทำให้มีรายได้ทั้งจากเงินเดือนและเงินใต้โต๊ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง
  • หลังจากที่ผมอ่านรายงาน เราคงจะต้องตรวจสอบฝ่ายจัดซื้อกันบ้างแล้ว ผมว่าพนักงานในบริษัทเรามีทุจริตกินนอกกินในแน่ๆ
  • เจ้าหน้าที่ทางรัฐบางหน่วยงาน รับใต้โต๊ะกินทั้งนอกกินทั้งใน เสือนอนกินชัดๆ วอนผู้ตรวจการแผ่นดินเร่งตรวจสอบโดยด่วนที่สุด

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยกินข้าวร้อนนอนตื่นสาย ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กินข้าวร้อนนอนตื่นสาย

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกินข้าวร้อนนอนตื่นสาย

ที่มาของสำนวน กินอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วกำลังร้อนอยู่ได้ทุกเมื่อ และนอนตื่นเมื่อใดก็ได้ เปรียบเปรยถึงคนที่นึกจะกิน จะตื่นเมื่อไหร่ก็ได้ ตื่นมาก็มีข้าวร้อนกินเสมอนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี อยู่อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องลำบากทำมาหากิน ไม่เดือดร้อนเรื่องฐานะเงินทอง นึกจะตื่น จะกินเมื่อไหร่ก็ได้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยกินข้าวร้อนนอนตื่นสาย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกินข้าวร้อนนอนตื่นสาย

  • สมชายถึงเขาจะรวยแล้ว สามากินข้าวร้อนนอนตื่นสายเมื่อไหร่ก็ได้ เขาก็ไม่ทำ ยังขยันทำงานเหมือนเดิม ชีวิตเขาชอบทำงาน มากกว่าที่จะอยู่สะดวกสบายเฉยๆ เขาบอกไว้ว่าชีวิตมันจะไม่มีสีสัน น่าเบื่อไปวันๆ แบบนั้นไม่ชอบ
  • เธอนี่วาสนาดีจริงๆ เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย กินข้าวร้อนนอนตื่นสาย โดยไม่ต้องทำอะไร
  • ผมเห็นชีวิตนักธุรกิจเกือบทุกคนสามารถกินข้าวร้อนอนตื่นสายได้ แต่พวกเขากลับไม่ทำ พวกเขายังคงใช้ชีวิตตามปกติ ทำงานตามปกติ ด้วยเหตุผลที่ว่าชีวิตจะไร้ค่าหากอยู่แต่บนความสะดวกสบาย ไม่มีความท้าทายใดๆ หลงเหลืออยู่ก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
  • จำไว้นะลูกขอให้ตั้งใจเรียน ขยันและอดทน เราต้องพยายามมากกว่าคนอื่นเพราะ บ้านเราไม่ได้มีฐานะร่ำรวย จะมากินข้าวร้อนนอนตื่นสายได้อย่างไร
  • การมีชีวิตที่ดีกินข้าวร้อนนอนตื่นสายได้ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร โลกนี้ไม่ยุติธรรมเสมอ ที่คนสบายต้องมีคนทุกข์เสมอ ทุกอย่างมักมีสองด้าน ทางสายกลางคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยกินเกลือกินกะปิ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กินเกลือกินกะปิ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกินเกลือกินกะปิ

ที่มาของสำนวน การกินเกลือกินกะปินั้นสื่อถึงความแร้นแค้นของคนสมัยก่อนที่ยากจน คนจนต้องกินเกลือกินกินกะปิ โดยการกินข้าวแต่ละมื้อก็จะกินข้าวแบบโรยเกลือ หรือข้าวคลุกกะปิ เพื่อประทังชีวิตไปวันๆ สำนวนนี้สื่อถึงความอดทนต่อชีวิตของคน

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การอดทนต่อความยากลำบาก

สำนวนนี้สื่อถึงความอดทนต่อความลำบาก โชคชะตาชีวิตที่ไม่ได้สวยหรู แต่ก็อดทนผ่านมันไปได้ หรือสื่อถึงชีวิตคู่อดทนฝ่าฟันอุปสรรค, ความทุกข์ร่วมกัน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยกินเกลือกินกะปิ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกินเกลือกินกะปิ

  • คุณกับผมเราผ่านร้อนผ่านหนาวกันมา จากชีวิตที่กินเกลือกินกะปิ จนเราสองคนสร้างตัวได้ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกัน แบ่งปันสิ่งดีๆ ต่อกัน จากนี้ไปผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด
  • สองคนนี้เป็นพี่น้องต่างแม่ แต่ก็รักกันมากเพราะตอนเด็กๆ พวกเขาเคยกินเกลือกินกะปิมาด้วยกัน คอยดูแลกันเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมา
  • ชีวิตคนเรามีทั้งขึ้นทั้งลง บางคนกินเกลือกินกะปิ แต่วันหนึ่งลืมตาอ้าปากได้ อาจร่ำรวย หรือคนร่ำรวย ถ้าประมาทก็ล่มสลายได้เหมือนกัน ชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอนจริงๆ
  • เจ้าของธุรกิจหนุ่มคนนี้เคยยากจน กินเกลือกินกะปิมาแล้ว เขาใช้ความอดทนกัดฟัน เป็นแรงผลักดันตัวเองทำให้ทุกวันนี้ประสบความสำเร็จมีธุรกิจอยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศ
  • ชีวิตจริงไม่ได้สวยหรู! ดาราหนุ่มดาวรุ่งบอกกับสื่อกว่าจะมาถึงจุด ชีวิตตนเคยกินเกลือกินกะปิมาก่อน สัญญาว่าไม่ลืมหัวนอนปลายตีนอย่างแน่นอน จะกลับไปตอบแทนคนที่อยู่เคียงข้างตนในยามทุกข์ยาก

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยชนักติดหลัง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ชนักติดหลัง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยชนักติดหลัง

ที่มาของสำนวน ชนักคือ เครื่องมือ อาวุธ สำหรับแทงจระเข้ ส่วนปลายเป็นเหล็กแหลม มีด้ามเป็นไม้ไผ่ยาว มีเชือกมัดอยู่ โดยจระเข้ที่ถูกหมอจระเข้แทงด้วยชนัก แล้วดิ้นจนเชือกที่มัดกับชนักขาด จึงหลุดรอดหนีไปได้ แต่ชนักนั้นยังคงติดฝังอยู่กับหลังของมันอยู่

เกล็ดความรู้ คนสมัยก่อนเมื่อจะล่าจระเข้จะใช้เรือใหญ่ มีคนพายคัดเรือหัว และท้าย หมอจระเข้จะยืนอยู่ตรงกลางลำเรือ เมื่อเห็นจระเข้จะพายเรือตีคู่ไปกับจระเข้เพื่อให้สามารถแทงได้โดยสะดวก หมอจระเข้มักจะแทงจระเข้ด้วยชนัก บริเวณปาก หรือลำตัว เมื่อแทงจระเข้แล้ว หมอจระเข้ต้องผ่อนเชือกพวนไม่ให้ฉุดเรือจนล่ม จากแรงที่จระเข้กำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด ส่วนคนพายเรือต้องรีบพายเรือกลับเข้าฝั่ง เพื่อป้องกันจระเข้เข้ามาหนุนเรือจนพลิกคว่ำ เมื่อจระเข้เสียเลือดมาก และดิ้นรนจนหมดแรง จะถูกลากเข้าสู่ฝั่งเพื่อแทงซ้ำจนตาย แต่ก็มีบ้างที่มีจระเข้บางตัวดิ้นรนจนหนีไปได้ เพราะดิ้นรนจนเชือกที่ผูกติดกับชนักนั้นขาด จึงหนีไปทั้งๆที่มีชนักติดอยู่ที่หลัง จึงเป็นที่มาของสำนวน

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ความชั่วหรือความผิดที่ยังติดตัวอยู่ นิยมใช้คนที่เคยทำความชั่วหรือความผิด แล้วสิ่งเหล่านั้นยังคงติดตัวอยู่ เหมือนเป็นตราบาป

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยชนักติดหลัง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตชนักติดหลัง

  • สมชาย ได้หลบหนีโทษคดีที่ประเทศไทย ไปอยู่ต่างประเทศได้ แต่ยังไงๆ โทษก็ยังมีติดตัวอยู่ตลอดไป ไม่มีวันหลุดรอดไปได้ ประดุจดั่งมีชนักติดหลัง
  • ตอนนี้บริษัทกำลังสอบสวนหาคนที่เคยทุจริต โกงบริษัท ทำให้เขากังวล กลัวว่าความผิดจะมาถึงตัว เนื่องจากเคยสมรู้ร่วมคิดกับคนเหล่านั้น
  • อย่าคิดว่าเวรกรรมไม่มีจริง ทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลที่กระทำเสมอ ไม่วันนี้ก็วันหน้า วันนี้อาจอยู่ดีสุขสบาย แต่ชนักก็ยังติดหลังอยู่ดี รุ่งเรืองได้ ก็ล่มสลายได้เหมือนกัน
  • เมื่อก่อนชาตรี เจ้าชู้ เคยนอกใจภรรยาจนต้องเลิกรากันไป ปัจจุบันกลับมาคบกันใหม่แต่เขาก็มีชนักติดหลังอยู่ ก็กลัวว่าฝ่ายหญิงจะยังไม่เชื่อใจว่าเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
  • คนเราทุกคนย่อมมีความผิดพลาดกันทั้งนั้น อยู่ที่ใครผิดมาก ผิดน้อย เหมือนชนักติดตัวแต่ละคน สุดท้ายก็อยู่ที่จิตใจแต่ละคนว่าจะปล่อยวางได้แค่ไหน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยทรัพย์ในดิน สินในน้ำ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ท. ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยทรัพย์ในดิน สินในน้ำ

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงว่าสิ่งที่มีค่า และมีประโยชน์มีอยู่ทั้งในดิน, บนดิน และมีอยู่ในน้ำ หรือใต้น้ำ ถ้าเรามีปัญญาก็สามารถที่จะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ โดยทรัพย์กับสิน มีความหมายอย่างเดียวกัน คนโบราณนำมาเล่นคำให้เสนาะคล้องจอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ สิ่งที่มีอยู่หรือเกิดตามธรรมชาติอันอาจนํามาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้

มักสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ที่มนุษย์สามารถนำมาใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยทรัพย์ในดิน สินในน้ำ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตทรัพย์ในดิน สินในน้ำ

  • หมู่บ้านเรามีที่ดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูกมา มีทรัพย์ในดิน สินในน้ำอยู่กับตัว ทำไมไม่ทำให้เกิดประโยชน์
  • ทองบางสะพาน ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ ชวนเที่ยวพร้อมร่อนทองเป็นของตัวเอง
  • ประเทศไทยตั้งอยู่ตั้งอยู่ในเขตอบอุ่นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเซีย มีลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนชื่นและมีฝนตกชุบ มีสภาพภูมิประเทศที่ติดกับชายฝั่งทะเลไปจนถึงยอดเขาสูง จึงส่งผลให้ประเทศไทยมีลักษณะทรัพยากรป่าไม้ที่มีความหลากหลายชนิดและกระจายอยู่ทั่วทุกภาพของประเทศ เรียกได้ว่าทรัพย์ในดิน สินในน้ำทั้งแผ่นดิน
  • ทำเลแถวนี้ดีจังปลูกอะไรก็ได้ผลผลิตดีไปหมด คิดไม่ผิดเลยที่ย้ายมาอยู่ โชคดีของเราที่เจอทรัพย์ในดิน สินในน้ำจริงๆ
  • คนเราควรรู้คุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่ แม้อาจไม่ใช่เงินทองมากมาย แต่เป็นเพียงชีวิตที่เรียง่ายและเงียบสงบ ดั่งทรัพย์ในดิน สินในน้ำ รู้จักพอ รู้จักใช้ ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้ว

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน

ที่มาของสำนวน แยกเป็นสองประโยค โดยคำว่า “ชักน้ำเข้าลึก” คือการที่ชาวนาทดน้ำเข้านาเข้าสวนของตนเอง แต่ถ้าน้ำเข้ามามากจนลึกเกินไป ก็จะเป็นผลเสียต่อไร่นา ส่วน “ชักศึกเข้าบ้าน” คือการชี้ทางให้ศัตรูเข้ามาทำลายบ้านเมืองของตนเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ นําศัตรูเข้าบ้าน หรือผู้ที่นำอันตรายหรือศัตรู มาทำอันตรายสู่พรรคพวกหรือบ้านเมืองตนเอง โดยรู้ถึงผลที่จะเกิดแต่ก็ยังกระทำ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน

  • ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ใช้เป็นสำนวนหมายความว่า ทำอะไรที่เป็นเหตุให้อันตรายมาถึงตัว บรรยากาศการเมืองดุดันเกรี้ยวกราด มีทั้งศึกเหนือเสือใต้ กระทั่งศึกเขมรติดพันรุมเร้ารอบตัวอย่างนี้ จะพูดอะไรตรงๆก็คงไม่ได้ ตรงไปบางเรื่องก็ชักเภทภัยใส่ตัว บางเรื่องก็อาจรุนแรงชักพาเภทภัยให้บ้านเมือง ก็คงต้อง ชักแม่น้ำทั้งห้า อ้อมค้อมลดเลี้ยวไปเรื่อยๆ เอาตัวรอดไปวันๆ… อย่างนี้ต่อไป
  • องอาจรู้ดีกว่า เพื่อนของเขาเคยมีประวัติอาชญากรรมแต่ก็ยังชวนมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านแท้ๆ
  • นายสมพลรู้จักกับนายสมหมายโดยบังเอิญ และได้คบหาสนิทสนมกัน จนเข้านอกออกในบ้านของนายสมพลได้อย่างสบาย แต่ว่าพ่อแม่ของนายสมพลไม่ค่อยสบายใจนักเนื่องจากรู้มาว่านายสมหมายเป็นลูกชายของนายสมศักดิ์คู่แข่งทางการค้าของตน เพราะกลัวว่านายสมหมายจะมารู้ความลับทางธุรกิจและนำไปบอกบิดาของตนเอง เหมือนที่โบราณท่านว่าไว้ว่า นายสมพลกำลัง ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน
  • ก่อนจะรับพนักงานเข้ามาทำงาน ตรวจสอบประวัติให้ดีก่อนนะ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน
  • ทหารบางประเทศชอบชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน หาเรื่องยึดอำนาจไปวันๆ ทั้งๆ ที่ตนเองทำอะไรก็ไม่เป็น ไม่ใช่หน้าที่บริหาร หน้าที่คือปกป้องประเทศ ไม่ใช่ไล่ยึดอำนาจ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยทองไม่รู้ร้อน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ท. ทองไม่รู้ร้อน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยทองไม่รู้ร้อน

ที่มาของสำนวน เป็นการเปรียบเปรยกับทอง ซึ่งเมื่อโดนความร้อนก็ยังคงสภาพอยู่เช่นนั้น จึงเปรียบกับพฤติกรรมคนที่เย็นชานิ่งเฉยนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เฉยเมย นิ่งเฉยไม่กระตือรือร้น ไม่สะดุ้งสะเทือนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ร้อนใจใดๆ ทั้งสิ้น

นิยมใช้กับการกระทำที่เฉยเมย ไม่กระตือรือร้น ไม่สนใจว่าผู้อื่นจะเดือดร้อนหรือรู้สึกอย่างไร หรือคนที่ไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ทำเฉยเมย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว หรือไม่เอาใจใส่กับสิ่งนั้นเอาเสียเลย ทั้งๆ ที่ผู้อื่นอาจจะร้อนใจ ร้อนรน จนแทบจะทำอะไรไม่ถูก

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยทองไม่รู้ร้อน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตทองไม่รู้ร้อน

  • คุณป้าบ้านนั้นเลี้ยงสุนัข แล้วปล่อยให้มาอุจจาระหน้าบ้านคนอื่น ทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว แต่คุณป้ากลับทำเหมือนทองไม่รู้ร้อน
  • นี่คุณ ฐานะการเงินของเราเริ่มไม่ดีแล้วนะ คุณจะอยู่เฉยๆ ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้แล้วนะ
  • คุณชอบทำตัวเหมือนทองไม่รู้ร้อน เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองทั้งที่จริงๆมันเป็นเรื่องส่วนรวมที่ต้องช่วยกัน ทำให้หลายๆคนเคือง ไม่พอใจในการกระทำของคุณ
  • นี่เจ้าแดง งานต้องส่งลูกค้าพรุ่งนี้แล้วนะ แกจะมัวนั่งเล่นเกมทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้แล้วนะ รีบมาช่วยกันทำเลย
  • พี่ครับ รถคันหน้าเราเกิดอุบัติเหตุรุนแรงนะครับ ลงไปช่วยกันดีกว่า เราจะแล้งน้ำใจทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนแบบนี้คงไม่ดีแน่

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยทำคุณบูชาโทษ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ท. ทำคุณบูชาโทษ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยทำคุณบูชาโทษ

ที่มาของสำนวน มาจากนิทานพื้นบ้านภาคใต้ เรื่องทำคุณบูชาโทษ เป็นนิทานของชาวบ้านที่เล่าสืบต่อๆ กันมา มีคุณค่าในการอบรมสั่งสอนให้มีความกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะในเรื่องทำคุณบูชาโทษ แม้แพะจะเป็นสัตว์แต่ก็สำนึกในบุญคุณเจ้าของบ้านที่ให้ข้าวให้น้ำให้ที่พักพิง ถึงแม้ตัวเองจะเห่าไม่ได้เหมือนสุนัขแต่ก็ส่งเสียงร้องได้เพื่อให้เจ้าของบ้านรู้ตัวว่ากำลังจะมีภัยเข้าบ้าน แต่จากความไม่เข้าใจของผู้เป็นเจ้าของกลับเห็นว่าเสียงร้องของแพะเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ และตีแพะจนตาย จึงกลายเป็นการทำคุณบูชาโทษ ดังนิทานเรื่องนี้

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 คือ ทําคุณแต่กลับเป็นโทษ ทําดีแต่กลับเป็นร้าย หรือการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่กลับได้รับโทษหรือผลร้ายตอบแทน มักใช้พูดคู่กับ โปรดสัตว์ได้บาป

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยทำคุณบูชาโทษ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตทำคุณบูชาโทษ

  • น่าเห็นใจหล่อนจริงๆ ไปรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาคอยเลี้ยงดูเป็นอย่างดี รักเหมือนลูก แต่เด็กคนนั้นกลับพาพวกมาขโมยของในบ้าน ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ
  • “ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป” อันที่จริงทำบุญย่อมได้บุญ ทำบาปย่อมได้บาปทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่วให้พิจารณาว่าสิ่งที่เราทำนั้นตรงตามวัตถุประสงค์ที่ให้ทำไหมประกอบด้วยปัญญาไหมเราจะได้ไม่เหนื่อยฟรี ไม่บ่นฟรีเหมือนลิงโง่เฝ้าสวนที่ช่วยรดน้ำต้นไม้มันดึงต้นไม้ดูรากเพื่อรดน้ำ ต้นไหนรากยาวก็รดมากต้นไหนรากสั้นก็รดน้อยต้นไม้เหล่านั้นก็ถึงแก่ความตายหมดลิงก็คิดว่าตนเองขยันลิงก็คิดว่าตนเองทำถูกต้องตามทฤษฎีตนความขยันที่ไม่ถูกวัตถุประสงค์ ไม่พิจารณาให้ดีความคิดหรือทฤษฎีที่ผิด ไม่ประกอบด้วยปัญญาย่อมไม่ก่อเกิดประโยชน์
  • ทำคุณบูชาโทษจริงๆ สมชายเก็บโทรศัพท์มือถือได้ในห้างสรรพสินค้า ก็โทรตามหาเจ้าของ แต่กลับถูกเจ้าของโทรศัพท์มองว่าสมชายเป็นขโมยไปเสียได้
  • ทำคุณบูชาโทษ นักแสดง-พิธีกรรุ่นใหญ่ ถูกโทรทวงหนี้แถมโดนด่าฟรี หลังถูกอ้างชื่อค้ำประกันเงินกู้นอกระบบ ยุคนี้อยู่ยากขึ้นทุกวันเพราะมิจฉาชีพมีทุกรูปแบบ แม้เหล่าคนมีชื่อเสียงยังถูกอ้างชื่อ ทำให้เดือดร้อน
  • ชะตาชีวิตทำคุณบูชาโทษ เงียบจนโดนเอาเปรียบ เจ็บแต่เก็บอาการ อย่าเอาใจใครจนลืมรักษาน้ำใจตัวเอง ชีวิตมักเป็นผู้นำมักโดนกดดัน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube