สุภาษิตคำพังเพยเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฆ. เจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก

ที่มาของสำนวน เจ้า หมายถึง หัวหน้า เจ้านาย หลวงชี หมายถึง บุคคลที่ตามเจ้าในวัด ในสำนวนนี้ ถ้าเจ้าวัดไม่ดี ส่วนอื่นๆ ของวัดก็ไม่ดีตามด้วย ไม่ใช่แค่บุคคล แต่รวมถึงสถานที่

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เจ้านายมีนิสัยหรือพฤติกรรมเป็นอย่างไร ลูกน้องก็เป็นย่างนั้น

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก

  • องค์กรทำงานที่ไหนหัวหน้าแย่ บรรยากาศในองค์กรก็แย่ ถ้าเลือกได้ ไม่อยากให้ลูกไปทำงานในที่แบบนี้เลย สุขภาพจิตเสียเปล่าๆ
  • ก็อย่างนี้แหละเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก เจ้านายยังเรียกรับสินบน แล้วคนเป็นลูกน้องถ้ามีโอกาสมีหรือที่จะไม่ทำ
  • บริษัทนี้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วเพราะได้ CEO ที่มีความเก่ง มีความเป็นผู้นำสูง นี่แหละเจ้าวัดดี หลวงชีก็สะอาด ในทางกลับกันถ้า CEO ไม่ดีก็เหมือนเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก
  • เจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก พอกันทั้งเจ้านายและลูกน้องเลยจริงๆ งานการไม่สนใจ ชวนกันไปกินเหล้าได้ทุกวี่ทุกวัน
  • ยับเยิน!? หน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งโกงกินยับ ตั้งแต่หัวหน้าถึงลูกน้อง โดนคดีกันยับเกือบทักหน่วยงาน นี่แหละเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก หัวหน้าแย่ ลูกน้องก็แย่ไปด้วย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเจ้าหน้าเจ้าตา ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฆ. เจ้าหน้าเจ้าตา

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเจ้าหน้าเจ้าตา

ที่มาของสำนวน คำว่า เจ้า แปลว่า ผู้เป็นใหญ่ คำว่า เจ้าหน้าเจ้าตา แปลตรงๆ ว่า อยากได้หน้าตา ชอบเอาหน้าตา ถือหน้าตาเป็นใหญ่นั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ผู้ที่ชอบทําเอาหน้า ชอบเสนอหน้าเข้าไปทำธุระให้ผู้อื่นโดยที่เขาไม่ได้ขอร้องหรือต้องการ

กล่าวคือ ผู้ชอบเสนอหน้า ชอบทำงานเอาหน้า อยากได้หน้า ชอบเจ้ากี้เจ้าการ เข้าไปทำธุระให้คนอื่นโดยเขาไม่ได้ขอร้อง เสนอหน้าเข้าไปทำธุระให้โดยที่ผู้อื่นไม่ได้ร้องขอ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเจ้าหน้าเจ้าตา

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเจ้าหน้าเจ้าตา

  • ที่เขาต้องเดือดร้อนถูกชาวบ้านว่าเป็นคนขี้โกงอยู่ทุกวันนี้เพราะเขาทำเจ้าหน้าเจ้าตาไปเป็นนายหน้าขายบ้านให้นายสมศักดิ์ แท้จริงแล้วนายสมศักดิ์เอาบ้านติดจำนองมาหลอกขาย
  • แม่คนนี้ทำเจ้าหน้าเจ้าตา เอาเรื่องไปฟ้องหัวหน้าว่าเราแอบทำอาหารกินกันในสำนักงาน เลยถูกดุกันไปหมด
  • อรอุมา เป็นคนที่ชอบเสนอหน้าอาสาทำธุระแทนคนอื่นเป็นประจำ แบบนี้เรียกว่าเป็นคนเจ้าหน้าเจ้าตา บางครั้งก็ได้ไม่เท่าเสีย
  • หลานชายอยากจะจัดงานแต่งงานของเขาเงียบ ๆ แต่คุณน้าก็เจ้าหน้าเจ้าตาไปบอกผู้หลักผู้ใหญ่ให้วุ่นวาย เขาเลยต้องตกกระไดพลอยโจน สิ้นเปลืองเงินทองไปไม่รู้เท่าไร
  • ที่ทำงานผมไม่ต้องการคนเจ้าหน้าเจ้าตา หน้าที่ใครหน้าที่มัน ไม่ต้องมาเสนอหน้าในงานที่ไม่ใช่ของตน มันมีผลในการประเมินงานเข้าใจไหม

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยแจงสี่เบี้ย ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. แจงสี่เบี้ย

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยแจงสี่เบี้ย

ที่มาของสำนวน กาญจนาคพันธุ์ เล่าไว้ในสำนวนไทย ว่า โรงบ่อนที่ได้รับอนุญาตผูกขาดจากรัฐ มีการพนันสองอย่าง คือ พนันถั่ว พนันโปการพนันถั่ว การเล่นถั่วโปเรียกสั้นๆ เล่นเบี้ย จนมีสำนวน เล่นเบี้ยเสียถั่ว ถ้า เล่นเบี้ยเสียโป ก็มีสร้อย พาลพาโลเตะเมีย วิธีเล่นถั่วโป ตอนที่มีการเขี้ยเบี้ยออก เรียก “แจง” เขี่ยเบี้ยออกทีละ 4 เบี้ย จึงเป็นที่มาของสำนวน

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ พูดชี้แจงอย่างละเอียด หรือคิดจำนวนเงินรายจ่ายรายรับละเอียดถี่ถ้วน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยแจงสี่เบี้ย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตแจงสี่เบี้ย

  • การพูดที่ดีต้องชี้แจงอย่างถี่ถ้วน แจงสี่เบี้ย ละเอียดทั้งการพูด ทั้งการเงิน ทำให้ชีวิตสบายขึ้น เริ่มจากบอกกับตัวเอง แล้วจึงบอกคนอื่นต่อ
  • เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของบริษัทได้จัดประชุมเพื่อแจงสี่เบี้ยให้พนักงานที่เข้าใหม่ ได้รับทราบเรื่องกฎระเบียบของบริษัท รวมถึงสวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้รับ
  • นายกฯ ท่านมีเรื่องแจงสี่เบี้ยกับนักข่าวทุกวัน บางวันก็หลายเวลา ตื้นลึกหนาบาง เรื่องอกไหม้ไส้ขมอะไรท่านแจงสี่เบี้ยได้หมด
  • ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ออกมาแจงสี่เบี้ยให้ฟังถึงสาเหตุ ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ทั่วกรุงเทพ
  • เวลาผมกลับบ้านดึกทีไร ต้องแจ้งสี่เบี้ยกับเมียตลอดเลย นี่แหละพ่อบ้านใจกล้าหรือผู้บ้านที่ดี

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยใจไม้ไส้ระกำ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. ใจไม้ไส้ระกำ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยใจไม้ไส้ระกำ

ที่มาของสำนวน มาจากไม้ระกำเมือปอกเปือกออก ไส้ข้างในจะเบาไม่มีน้ำหนัก ใช้เป็นทุ่นเบ็ดตกปลาลอยน้ำได้ อมน้ำเท่าไร ก็ลอยน้ำได้ ไม่จมง่ายเหมือนไม้อื่น เปรียบเหมือนกับ คนที่มิสงสารเห็นอกเห็นใจผู้อื่น คนอื่นจะเคี่ยวเข็ญบังคับหรือขอร้องอย่างไรไม่รับฟัง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เพิกเฉยดูดาย ไม่มีเมตตากรุณาและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ใคร กล่าวคือคนที่ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่, ไม่เมตตากรุณา, ไม่ดูดำดูดี, เพิกเฉยไม่สนใจ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยใจไม้ไส้ระกำ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตใจไม้ไส้ระกำ

  • โจรบางคนใจไม้ไส้ระกำไม่สนใจว่าคนที่เขาจะฆ่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ขอเพียงความสะใจแค่นั้น
  • แค่สุนัขไปอุจจาระเรี่ยราดหน้าบ้าน ถึงกับต้องวางยาฆ่าสุนัขกันเลย คนสมัยนี้ทำไมถึงได้ใจร้ายไส้ระกำ มีจิตใจโหดเหี้ยมกันนัก
  • ทหารรัสเซียปฏิบัติต่อประชาชนชาวยูเครนอย่างใจไม้ไส้ระกำ ทำให้ทหารยูเครนโกรธแค้นเอาคืน โดยไม่มีคำว่าปรานีอีกต่อไป เรียกว่าไม่เผาผีกันอีกหลายรุ่นเลย
  • ถึงฉันจะโกรธเธอ แต่ฉันก็คงไม่ใจร้ายไส้ระกำถึงขนาดไล่ให้เธอออกจากบ้านไปในเวลาที่พายุฝนกระหน่ำขนาดนี้หรอกนะ
  • เขาโดนทำร้ายมาเยอะ จนไม่ไว้ใจ บางคนว่าเขาเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป นอกจากตัวเอง แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยชักซุงตามขวาง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ชักซุงตามขวาง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยชักซุงตามขวาง

ที่มาของสำนวน ในอดีตมีการทำอาชีพตัดไม้ เวลาชักซุง หรือลากซุงก็จะผูกเชือกที่ปลายแล้วชัก หรือลากตามความยาวของท่อนซุง การดึงเอาซุงออกทางด้านขวาง(ด้านสกัด) ซึ่งเป็นวิธีที่ผิดปกติทำให้ดึงออกมาอย่างยากลำบาก

เราจะทำอะไรต้องทำให้ถูกต้องตามวิธี และขนบธรรมเนียมประเพณี ถูกระเบียบแบบแผน สอดคล้องต้องตรงตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญ อย่าไปฝืนกระแสโลก จึงจะสะดวกปลอดภัยไม่มีคนคัดค้าน แต่ถ้าเราดันทุรังถือดีถือว่ามีพวกมากจะทำอย่างใดก็ย่อมทำได้ ไม่ยอมฟังเสียงคัดค้านจากผู้อื่น มันก็จะประสบกับการต่อต้านจากผู้คน ทำให้เกิดความยุ่งยาก และลำบาก

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ทําอะไรที่ไม่ถูกวิธีย่อมได้รับความลําบาก หรือขัดขวางผู้มีอํานาจย่อมได้รับความเดือดร้อน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยชักซุงตามขวาง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตชักซุงตามขวาง

  • อย่าทำตัวชักซุงตามขวาง ทำตัวขวางโลก ไม่ได้ประโยชน์อะไร แถมยังให้คนอื่นเกลียด คนฉลาดย่อมหมุนตามโลก คนโง่อยากให้โลกหมุนตาม
  • ถ้าคุณยังทำงานชักซุงตามขวางอยู่แบบนี้เมื่อไหร่จะเจริญ เพื่อนรุ่นเดียวกันเขามีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โตไปถึงไหนกันแล้ว
  • ในกระบวนการผลิตสินค้าของบริษัทแห่งหนึ่ง จะต้องทำการใส่วัตถุดิบในสองช่วงการผลิต แต่ในวันนั้นพนักงานที่ควบคุมคนใหม่ ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ทำให้สินค้าที่ได้ไม่ตรงตามมาตรฐาน เป็นเหตุให้บริษัทขาดทุนเป็นจำนวนมาก
  • เพราะเขาทำงานแบบชักซุงตามขวาง ไม่ทำตามวิธีการขั้นตอนที่วางไว้ จึงทำให้งานเสร็จไม่ทันกำหนด บริษัทชดใช้ค่าเสียหายให้กับลูกค้าไปเป็นจำนวนมาก
  • อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เราแค่คนธรรมดา เขาเป็นคนมีอำนาจ เหมือนชักซุงตามขวาง สู้ไม่ได้ แถมลำบากเดือดร้อนกลับมาหาตัวอีก อยู่ในที่ของเราดีกว่า

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยชักตะพานแหงนเถ่อ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ชักตะพานแหงนเถ่อ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยชักตะพานแหงนเถ่อ

ที่มาของสำนวน สำนวนนี้สื่อถึงการดึงหรือชักไม้มาทอดพาดไว้เป็นสะพานเพื่อรอให้คนข้ามไปมา แต่ก็ต้องชักค้างอยู่ หรือแหงนเถ่อรอเก้ออยู่อย่างนั้น เพราะไม่มีคนข้ามนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ตั้งใจทําอะไรแล้วไม่เป็นผลสําเร็จ ต้องคอยค้างอยู่

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยชักตะพานแหงนเถ่อ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตชักตะพานแหงนเถ่อ

  • การรอความรักจากใครสักคน ก็เหมือนชักตะพานแหงนเถ่อจริงๆ อย่าไปขอความรักจากใครเลย คนไม่ใช่คือไม่ใช่ รักตัวเองให้ดีก่อน เดี๋ยวก็มีคนมารักเราเอง
  • เขากำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งงานเป็นผู้จัดการฝ่าย แต่ผู้บริหารเกิดมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในองค์กรใหม่ทำให้เข้าต้องชักตะพานแหงนเถ่อรอต่อไปอีก
  • หลังจากชักตะพานแหงนเถ่อมาหนึ่งเดือน ที่ประชุม ครม.เมื่อวานซืน ก็เปิดไฟเขียวให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป
  • จอร์น เมเยอร์ มีกำหนดการมาเล่นทัวร์คอนเสริตที่ประเทศไทย แฟนๆ ก็แห่กันไปจองบัตรอย่างคับคั่ง แต่เมื่อใกล้ถึงกำหนด กลับมีการเลื่อนทัวร์คอนเสริตอย่างไม่มีกำหนด ทำให้แฟนๆช าวไทยต้องชักตะพานแหงนเถ่อรอต่อไปไม่รู้อีกกี่เดือน
  • “ชัก ทรัพย์ส่งป้อนสื่อ ปองสาว
    ตะพาน รับกลับชักฉาว ชั่วช้า
    แหงน เปล่าเจ่าใจหนาว จ่อนั่ง
    เถ่อ เทียบกุลาหลงคว้า ปักเป้าขาดลอยฯ” ชักตะพานแหงนเถ่อ โคลงสุภาษิตประจำภาพในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ภาพที่ ๑๙๑

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน

ที่มาของสำนวน ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน เป็นคำสุภาษิต ของชาวโลก ที่มุ่งหมายถึง การได้รับความสุขและความทุกข์ สลับกันไป ไม่แน่นอน ซึ่งก็คือในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง วิบาก การได้รับผลของกรรมที่ดี ไม่ดี

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ในช่วงชีวิตของคนเราไม่มีอะไรเป็นที่แน่นอน มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งดีและร้าย สลับกันไป

สำนวนนี้เป็นบทเรียนชีวิต โดยชีวิตคนเราเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ เดี๋ยวรุ่งเรือง เดี๋ยวตกอับ ดังนั้นเมื่อถึงคราวตกอับ ก็อย่าเพิ่งท้อถอย หรือหมดอาลัยในชีวิต และเมื่อถึงคราวรุ่งเรือง มีอำนาจวาสนา ก็อย่าลืมตัว อย่าประมาท

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน

  • อย่าเสียใจไปเลย คราวนี้ขาดทุน คราวหน้าคงได้กำไร คนเราชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน นี่แหละชีวิตการค้าขาย
  • ตอนนี้เธอได้ดีประสบความสำเร็จทุกๆอย่าง แต่อย่าใช้ชีวิตประมาทแบบทุกวันนี้เลย ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน ชีวิตคนเรามีทั้งดีและร้าย ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
  • ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน อย่าเหิม อย่าเห่อ ทะเยอ ทะยาน อย่าคิด ต้องการ เที่ยวทำตัว เป็นหัวเรือใหญ่ ถึงระบือ มีชื่อก้องฟ้า แล้ว สักครา ต้องล่วงลงได้ อย่าคิดว่าตัวเลิศล้ำ อย่าตามใจตัวเป็นใหญ่ พลาดพลั้งร่วงมาเมื่อไหร่ จะไม่มีใคร เอาใจปรนเปรอ
  • ตอนนี้เธอได้ดีประสบความสำเร็จทุกๆอย่าง แต่อย่าใช้เธออย่างเพิ่งหมดกำลังใจ ชีวิตของเราไม่มีอะไรแน่นอน ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน คราวนี้เธอขาดทุน แต่คราวหน้าเธออาจจะประสบความสำเร็จก็ได้ประมาทแบบทุกวันนี้เลย ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน ชีวิตคนเรามีทั้งดีและร้าย ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
  • ตอนนี้ธุรกิจกำลังไปได้ดี นายก็อย่าประมาทล่ะ ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน คนเรามันมีดีมีร้ายสลับกันไป ไม่มีใครรู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยช้างเผือกเกิดในป่า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ช้างเผือกเกิดในป่า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยช้างเผือกเกิดในป่า

ที่มาของสำนวน ช้างเผือกที่เกิดในป่า นานๆ ครั้งถึงจะได้พบเจอ สิ่งที่ดี จึงเปรียบเปรยถึงสิ่งที่ยอดเยี่ยมนั้น ย่อมพบเจอได้ไม่บ่อยนักนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่มีปัญญา เป็นคนดี มีความสามารถนั้นหาได้ยาก

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยช้างเผือกเกิดในป่า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตช้างเผือกเกิดในป่า

  • เขาเป็นนักดนตรีที่มาจากบ้านนอก แต่ด้วยการฝึกฝนอย่างหนัก บวกกับจินตการนี่ยอดเยี่ยมไม่มีที่สิ้นสุดทำให้ชนะระดับโลกได้ นี่แหละช้างเผือกเกิดในป่าจริงๆ
  • ผมคอยติดตามผลงานของเขามานแล้ว เขานี่เหมือนช้างเผือกเกิดในป่าจริงๆ คนที่มีความสามารถแบบนี้หาได้ยาก
  • “ช้างเผือกมักจะเกิดในป่าลึก” หนุนสร้างความเสมอทางการศึกษา อว. ดึงเด็กด้อยโอกาสมาจัดระบบการเรียนการสอนพร้อมทั้งระบบสนับสนุนเป็นพิเศษ เปลี่ยนผู้ด้อยโอกาสให้เป็น “หัวกะทิทางการศึกษา” ชี้ไม่เพียงแค่ลดเหลื่อมล้ำ แต่ยังเป็นการเติมเต็มคนคุณภาพให้ประเทศ
  • คุณต้องคอยสนับสนุนเด็กคนนี้อย่างเต็มที่นะ ช้างเผือกเกิดในป่าแบบนี้หาได้ยาก เขามีแววการเป็นนักเปียโนแต่เด็ก รับรองว่าอนาคตไกลแน่ๆ
  • อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีของโลก เหมือนดั่งช้างเผือกเกิดในป่า ผู้ที่มีความทะเยอทะยานที่จะพามนุษย์ไปอยู่ดาวอังคาร ซึ่งร้อยปีจะมีคนแบบนี้สักคนหนึ่ง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยช้างสารงูเห่า ข้าเก่าเมียรัก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ช้างสารงูเห่า ข้าเก่าเมียรัก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยช้างสารงูเห่า ข้าเก่าเมียรัก

ที่มาของสำนวน กล่าวถึงช้างสารและงูเห่า เป็นสัตว์เดรัจฉาน มีนิสัยดุร้าย ไว้ใจไม่ได้ ในสมัยโบราณ เชื่อกันว่าให้ระวังช้าง เพราะเวลามันโกรธ จะใช้งวงและงาฟาดฟัน งูเห่า เป็นอสรพิษร้าย ทำให้สัตว์ที่โดนกัดถึงแก่ชีวิตได้ ข้าเก่าหรือบริวาร อาจนำโจรเข้าบ้าน เพราะรู้ช่องทางเข้า-ออกเป็นอย่างดี ส่วนเมียรัก อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้โดยที่ไม่ระวัง เพราะถือเป็นคนใกล้ชิด

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ บรรดาสิ่งไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งอาจนำภัยมาสู่ชีวิตตน กล่าวคือ อย่าไว้วางใจคนใกล้ตัว หรือสิ่งที่เป็นอันตราย ซึ่งสามารถนำภัยมาสู่ตนเองได้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยช้างสารงูเห่า ข้าเก่าเมียรัก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตช้างสารงูเห่า ข้าเก่าเมียรัก

  • สังคมสมัยนี้ไม่ควรไว้ใจคนง่ายๆ โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จัก ดั่งคนโบราณสอนไว้ว่าช้างสารงูเห่า ข้าเก่าเมียรัก ต้องระวัง จะได้ไม่นำภัยมาสู่ตัว
  • เขาคงแค้นเคืองที่คุณให้เขาพ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน ผมว่าคุณควรระวังตัวไว้บ้างนะ ช้างสาร งูเห่า ข้าเก่า เมียรัก ไว้ใจไม่ได้ เขาอาจจะทำอะไรที่เราคิดไม่ถึงได้
  • ทั้งข้าเก่าและเมียรัก เป็นบุคคลที่ใกล้ชิด ย่อมรู้เรื่องราวและความลับของเราหมด บุคคลประเภทนี้ ถ้ากลับกลายเป็นศัตรูแล้ว จะเป็นศัตรูที่ร้ายที่สุดดังนั้น จึงไม่ควรไว้วางใจจนเกินไป
  • คุณต้องระวังเขาให้ดี ไม่รู้ว่าที่กลับมาครั้งนี้มีแผนอะไรหรือไม่ ดังโบราณว่าช้างสาร งูเห่า ข้าเก่า เมียรัก ไม่น่าไว้วางใจ
  • นี่เธอ เพิ่งรู้จักเขาวันแรกก็ไปเที่ยวกับเขาเลยเหรอ ทำไมไว้ใจง่ายขนาดนี้ เรายังไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไร บ้านช่องอยู่ไหน นี่นำภัยมาสู่ตัวเหมือนช้างสารงูเห่า ข้าเก่าเมียรักเลย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยชาดจะดีไม่ทาสีก็แดง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ชาดจะดีไม่ทาสีก็แดง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยชาดจะดีไม่ทาสีก็แดง

ที่มาของสำนวน ชาด หมายถึงวัตถุสีแดงสดชนิดหนึ่งเป็นผง หรือก้อนใช้ทำยาไทย หรือประสมน้ำมันสำหรับประทับตรา หรือทาสิ่งของต่างๆ มีหลายชนิด กล่าวคือ ชาดที่ดีจะสีแดงโดยธรรมชาตินั่นเอง ไม่จำเป็นต้องทาสีเพิ่มเลย เปรียบเปรยถึงคน คนมันจะดี ต่อให้เป็นสีไหน ก็เป็นคนดี

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนดีต่อให้เป็นอย่างไร อยู่ในสถานะ หรือสภาพแวดล้อมเช่นไร ก็ยังคงเป็นคนดีเสมอ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนที่สันดานดีมาแต่เกิดไม่ต้องอบรมมากก็เป็นคนดีได้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยชาดจะดีไม่ทาสีก็แดง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตชาดจะดีไม่ทาสีก็แดง

  • ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนดีอยู่ที่ไหน แย่แค่ไหน เขาก็ยังดี ชาดจะดีไม่ทาสีก็แดง เพราะจิตใจคนพวกนี้จะแข็งแกร่งและมั่นคงมาก
  • ลุงคนนี้แกเป็นคนดีจริงๆ อย่างที่เขาว่าชาดจะดีไม่ทาสีก็แดง คุณลุงมีอาชีพขับรถรับจ้างแล้วเก็บกระเป๋าสตางค์ได้ ในนั้นมีเงินอยู๋เป็นจำนวนมากแต่เขากลับทาหางส่งคืนเจ้าของทุกบาททุกสตางค์
  • สมชายถึงเขาจะเป็นคนจน แต่ไม่เคยคิดขอใครกิน ไม่เคยสร้างปัญหา สร้างเรื่อง ขยันทำงานอย่างแข็งขัน นี่แหละชาดจะดีไม่ทาสีก็แดง
  • เธอไม่ต้องไปเชื่อตามหมอดูเรื่องวันผ่าคลอดอะไรหรอก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า ชาดจะดีไม่ทาสีก็แดงนะ
  • โลกมีสองด้านเสมอ สังคมมีทั้งคนดี คนไม่ดี แต่คนดีไม่ได้กล่าวประกาศให้โลกรู้ ชาดจะดีไม่ทาสีก็แดง คนไม่ดีก็พยายามเสแสร้งเป็นคนดีก็มีเยอะ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube