สุภาษิตคำพังเพยหน้าไหว้หลังหลอก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ห. หน้าไหว้หลังหลอก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยหน้าไหว้หลังหลอก

ที่มาของสำนวน เป็นการเปรียบเปรยกับการแสดงออกต่อหน้ายกมือไหว้ พูดเยินยอ แต่พอลับหลังไปกลับนินทาว่าร้าย

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ต่อหน้าทำเป็นดีแต่ลับหลังกลับคิดร้าย, ต่อหน้ามะพลับลับหลัง ตะโก ต่อว่า ใช้กับคนที่มีพฤติกรรมต่อหน้าเราอย่างหนึ่ง (ดี) แต่ลับหลังเรากลับทำอีกอย่างหนึ่ง (ไม่ดี) โดยทั่วไปคนเหล่านี้จะมีลักษณะที่เรียกว่าปากไม่ตรงกับใจผสมอยู่ด้วย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยหน้าไหว้หลังหลอก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตหน้าไหว้หลังหลอก

  • กุ๊กไก่เป็นเพื่อนกับขวัญตา ต่อหน้าขวัญตา กุ๊กไก่ก็พูดดี เป็นห่วงเป็นใย แต่ลับหลังไปแล้ว กุ๊กไก่กลับนินทาขวัญตาให้คนอื่นฟังซึ่งตรงกับสำนวนไทยที่ว่า “หน้าไหว้หลังหลอก”
  • ต่อหน้าเรากล่าวสรรเสริญเยินยอเรา แต่ลับหลังกลับนินทาให้ร้ายเรา หรือ ต่อหน้าเราเป็นคนขยันขันแข็งจนเราต้องออกปากชมเชย แต่เมื่อลับหลังเรากลับเป็นคนที่ขี้เกียจอย่างร้ายกาจ
  • สมหญิงต่อหน้าเราเป็นสุภาพเรียบร้อย แต่ลับหลังเรากลับเป็นคนหยาบคาย ก้าวร้าว แย่มากๆ คนแบบนี้
  • แบรนด์ที่หน้าไหว้หลังหลอก ปากว่าตาขยิบ น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง น่ารำคาญที่สุดในเวลานี้ เชื่อได้ว่าใครๆก็คงจะต้องยกคำตอบนี้ให้กับแบรนด์ที่ได้ชื่อว่า “ประธานาธิบดีแห่งโลกโซเชียลของประเทศไทย”
  • คน 4 ราศี ที่ชี้บอกว่า เป็นกลุ่มที่จัดอยู่ในกลุ่มคนดวงดี รอบนี้หมอดูดวงชื่อดัง เลยขอแจ้งเตือนเหล่าคนที่อยู่ในกลุ่มให้ระวังกันบ้าง เกี่ยวเนื่องกับคนใกล้ตัวที่จะนำความลับของเราไปเปิดเผย เรียกกว่าหน้าไหว้หลังหลอก ก็ว่าได้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยดินพอกหางหมู ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. ดินพอกหางหมู

ความหมายของสุภาษิตดินพอกหางหมู

ที่มาของสำนวน สมัยก่อนคนมักเลี้ยงหมูไว้ทุกครัวเรือน และนิสัยของหมูชอบนอนที่เย็นที่มีปลัก เมื่อมันเล่นปลักโคลนดินก็ติดที่หางมันเรื่อยๆ นานวันเข้าก็กลายเป็นก้อนโตจนหมูแกว่งหางไม่ได้ โบราณจึงอุปมาว่าโคลนที่ติดหางหมูเหมือนกับการทำงานของคน ที่ชอบสะสมทิ้งไว้ไม่ยอมทำ จนมากมาย และในที่สุดก็ทำไม่ทันเกิดโทษต่อตนเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การทำสิ่งใดก็ตาม ถ้ามัวแต่ผัดวันประกันพรุ่งเพราะความเกียจคร้าน ไม่ทำให้สำเร็จเสียโดยเร็ว ปล่อยให้คั่งค้างทับถมมากเข้า งานก็จะเพิ่มขึ้นทุกที ทำเท่าไหร่ไม่มีเสร็จ สำนวนนี้ใช้ในแง่ไม่ดี

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยดินพอกหางหมู

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตดินพอกหางหมู

  • หมูปวกเปียกขี้เกียจปัดปลดปล่อย ดินจากน้อยค่อยมากหนักนักหนา นอนเกลือกกลิ้งคลุกโคลนคร่ำค้างคา จนกายาลุกไม่ขึ้นค่อยคลี่คลาย เปรียบดั่งคนการงานไม่ยอมทำ เผ้าตรากตรำเมื่อจวนเจียนเวลาหมาย หากยังทำเช่นนี้ต้องเหนื่อยกาย สิ้นสบายเพราะดินพอกหางหมู
  • ถ้าอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เมื่อผู้บังคับบัญชามอบหมายงานใดๆ ให้มา ก็ต้องรับผิดชอบ รีบดำเนินการให้เสร็จ อย่าปล่อยไว้เป็น ดินพอกหางหมู กลายเป็นคนทำงานไม่เสร็จ ไม่มีผลงาน ก็ยากจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
  • แม่บอกลูกชายให้รีบทำการบ้านที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จวันต่อวัน อย่าปล่อยไว้ให้เป็น ดินพอกหางหมู เพราะเมื่อถึงเวลาที่จะต้องส่งงาน จะทำไม่ทัน และโดนครูลงโทษ
  • ผมบอกคุณแล้วงานที่คุณทำควรให้มันจบที่ทำงาน ไม่ใช่เวลางานทำไม่เต็มที่ มัวแต่เล่นโซเชียลมีเดีย แล้วเป็นไง เอางานกลับมาทำที่บ้านตลอด เวลานอนก็น้อย สุดท้ายก็มาบ่นให้ผม
  • ก่ารสร้างนิสัยไม่ดีในการทำงาน ปล่อยให้งานคั่งค้าง กลายเป็น ดินพอกหางหมู ไม่ใช่เรื่องดี เพราะในอนาคตจะส่งผลเสียต่อการทำงาน และความก้าวหน้าในอาชีพ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยมีเงินเขานับว่าน้อง มีทองเขานับว่าพี่ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มีเงินเขานับว่าน้อง มีทองเขานับว่าพี่

ความหมายของสุภาษิตมีเงินเขานับว่าน้อง มีทองเขานับว่าพี่

ที่มาของสำนวนนี้ สำนวนนี้เป็นคำที่สะท้องความจริงในทุกสังคม ทุกเชื้อชาติ เมื่อเรายากจนขัดสนเงิน มักจะมีแต่คนตีตัวออกห่าง แต่เมื่อใดที่เรามีฐานะดี ก็จะมีญาติมิตร เพื่อนฝูง มากมายเข้ามาหา นับถือเป็นญาติ เป็นพี่เป็นน้อง โดยที่เราไม่ต้องร้องขอเลย ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำเหล่านี้มักจะไม่ได้ทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ แต่เกิดจากความมุ่งหวังในลาภหรือในทรัพย์สมบัติของเรา

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เมื่อมั่งมีเงินมีทองแล้ว ใครๆ ก็ประจบอยากเข้ามาเป็นญาติพี่น้องด้วย เปรียบเปรยถึงเมื่อเราหรือใครก็ตามที่ร่ำรวยเงินทองทรัพย์สมบัติ ก็จะมีผู้คนมากมายเข้ามาหา มานับญาติ มาผูกมิตร โดยหวังใจทรัพย์สินเงินทองของเรานั่นเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยมีเงินเขานับว่าน้อง มีทองเขานับว่าพี่

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตมีเงินเขานับว่าน้อง มีทองเขานับว่าพี่

  • นี่แหละชีวิตคนเรามีเงินเขานับว่าน้อง มีทองเขานับว่าพี่ ยามมั่งมี มมีแต่คนเข้าหา ยามขัดสน แม้แต่มาถามไถ่ยังไม่มี
  • ในสังคมทุกวันนี้มีเงินเขานับว่าน้อง มีทองเขานับว่าพี่ ตรงไหนมีผลประโยชน์ดีคนก็เข้าหาไปหมด
  • มีเงินเค้านับเป็นน้อง มีทองเค้านับเป็นพี่ แต่ผมมีหนี้ก็ไม่มีทั้งพี่ทั้งน้อง
  • วงการนักการเมืองบางประเทศบางคนมีนิสัยมีเงินเขานับว่าน้อง มีทองเขานับว่าพี่ ปกป้องลูกพี่ เอาเปรียบประชาชน
  • มีเงินมีพี่มีน้อง มีทองพี่น้องไม่ขาด ยามมีมีแต่คนนับญาติ ยามขาดมองหาญาติไม่มี เข้าสำนวนมีเงินเขานับว่าน้อง มีทองเขานับว่าพี่

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้

ที่มาของสำนวนนี้คือ อากัปกิริยาที่ผู้ใดผู้หนึ่งชี้นกแล้วก็พูดว่านก อีกผู้หนึ่งก็สนองตามว่านก และ ในทำนองเดียวกันก็ชี้ไปที่ต้นไม้แล้วพูดว่าไม้ อีกคนก็พูดสนองตามว่าไม้

การที่คนสองคน อีกคนหนึ่งมีอำนาจ หรือมีบารมีเหนือกว่าอีกคนหนึ่ง เมื่อผู้มีอำนาจมากกว่าพูดว่าอย่างไร ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจย่อมจะพูด หรือ ทำตาม ทั้งๆ ที่สิ่งที่พูดที่ทำนั้นอาจจะถูก หรือผิดก็ได้

สำนวนนี้มักนำมาใช้กับคู่สามีภรรยา ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอำนาจเหนือกว่า อาจจะเป็นสามี หรือภรรยาก็ได้ ถ้าฝ่ายผู้มีอำนาจเหนือกว่าพูดว่าอย่างไร อีกฝ่ายก็จะคล้อยตามทันที ไม่มีการคัดค้านทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่พูดนั้นผิด มักจะใช้เปรียบเทียบกับพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชากับผู้บังคับบัญชา ที่ยอมทำตาม และเห็นด้วยกับหัวหน้า หรือผู้บังคับบัญชา เพียงเพื่อเป็นการเอาใจ และประจบสอพอเท่านั้น

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การคล้อยตามผู้ที่มีอำนาจมากกว่า โดยที่ทำเพราะกลัวหรือต้องการประจบ ไม่ได้ทำตามเพราะมีความคิด ความเห็น หรือความต้องการที่จะทำในสิ่งนั้น

ไม่ว่าผู้มีอำนาจจะว่าอย่างใด ผู้น้อยก็ต้องคล้อยตามไปอย่างนั้นเพราะกลัว หรือประจบ กล่าวคือ ผู้เป็นนายไม่ว่าจะพูด หรือแสดงความคิดเห็นเช่นใด ลูกน้องที่คอยแต่จะประจบสอพลอ ก็จะสนองตอบรับทันที อาทิเช่น คำว่า ถูกครับนาย ใช่ครับผม เหมาะสมครับท่าน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้

  • เพราะความอยากได้คันใหม่ ภรรยาก็เลยตามใจ สามีทุกอย่าง ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ไม่มีขัดใจ สามีอยากได้อะไร ก็เอาอกเอาใจ เต็มที่
  • พรรคเพื่อไทยอยู่ใต้อำนาจบารมีของทักษิณ จนขนาดขึ้นป้ายประกาศว่า ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ นี่ย่อมแสดงว่าคุณทักษิณชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ต่อพรรคเพื่อไทยแน่ๆ
  • คนเราเวลารักกันใหม่ๆ เวลาจะทำอะไรก็ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้หมดแหละ พอหมดช่วงหวานไป นั่นแหละหนังชีวิตของจริง
  • การเป็นเพื่อนกัน รักกันมาก บางทีก็ตามใจเพื่อนทุกอย่าง เพื่อว่าอย่างไร ก็ตามนั้น ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ไม่มีขัดใจ กลัวเพื่อนไม่ รัก ไม่มีใครคบ
  • คนบางคนมีนิสัยประจบสอพลอ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม่เป็นไม้ ตามใจหัวหน้า จนมองข้ามความถูกผิด นับวันคนแบบนี้ยิ่งมีเยอะขึ้นในสังคม แย่จริงๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ที่มาของสำนวนนี้คือ เปรียบเปรยถึง มีก้างปลาติดอยู่ในคอซึ่งกลืนก็ไม่เข้าท้อง คายก็ไม่สามารถทำได้ง่ายนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การตกอยู่ในภาวะลำบากใจ ตัดสินใจไม่ถูกไม่รู้จะทำอย่างไรดี หมดหนทางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ไม่ว่าจะตัดสินใจเลือกทางไหนก็ส่งผลกระทบทั้งนั้น เป็นการยากที่จะตัดสินใจ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยกลืนไม่เข้า คายไม่ออก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

  • กลืนไม่เข้า คายไม่ออก… จากที่เพิ่งเจอมรสุมการเงินถล่มมาไม่นาน ถึงช่วงซัมเมอร์นี้ทีมฟุตบอล “บาร์ซา” กลับมาช้อปแหลกอีกแล้ว แต่เรื่องของ เฟรงกี เดอ ยอง อาจทำให้พวกเขาต้องเจอปัญหาอีกครั้ง…
  • กลืนไม่เข้า คายไม่ออก การป้องกันแพร่ระบาดของโรคร้าย… แต่ด้านเศรษฐกิจ การทำมาหากินของชาวบ้าน โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยเองและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่แห่เข้าประเทศไทยวาดหวังจะได้สัมผัสความสนุกสนานในเทศกาลสำคัญ มันหมายถึงได้แก้ปัญหาปากท้องที่กำลังฝืดเคืองอย่างหนัก!
  • 7 วันอันตรายคนไทยเสียชีวิตเพราะเมาแล้วขับ แต่ที่แดนอาทิตย์อุทัย เขาเสียชีวิตเพราะกลืนไม่เข้า คายไม่ออก คนญี่ปุ่นมาจากขนมประจำชาติอย่างขนมโมจิ ที่ทำจากข้าวเหนียวนึ่งสุก และต้องกินกับน้ำซุปเพื่อความเป็นสิริมงคลช่วงฉลองปีใหม่ ซึ่งความเหนียวของขนมยอดฮิตนี้ทำให้คนญี่ปุ่นขาดอากาศหายใจมานักต่อนัก
  • ตอนนี้ผมก็อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะผมเป็นคนออกกฏนี้มาแต่ญาติพี่น้องเป็นผู้กระทำผิดเสียเอง ผมก็ไม่รู้จะตัดสินอย่างไร ครั้นจะไม่ไล่ออกก็เสียการปกครองหมู่มาก แต่พอจะไล่ออกเขาก็เคยมีพระคุณกับผม ลำบากใจจริงๆ
  • เมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เราต้องตั้งสติ ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ แล้วมาดูปัญหาว่าควรแก้ยังไงอย่างมีสติ เพราะทุกปัญหามีทางออกเสมอ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเอาใจเขามาใส่ใจเรา ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ อ. เอาใจเขามาใส่ใจเรา

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเอาใจเขามาใส่ใจเรา

ที่มาของสำนวน คำว่า ‘ใจ’ ในสำนวนนี้ก็คือความรู้สึกนึกคิด ดังนั้นสำนวน เอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็คือการคำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นนั่นเอง ถ้าหากตนเองถูกกระทำเช่นนั้นจะรู้สึกอย่างไร หากเรารู้สึกอย่างไร ผู้อื่นที่โดนกระทำก็จะรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ให้รู้จักเห็นใจผู้อื่น ให้รู้จักนึกถึงความรู้สึกของผู้อื่น คิดจะทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นด้วย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเอาใจเขามาใส่ใจเรา

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเอาใจเขามาใส่ใจเรา

  • การขับรถแบบปาดซ้ายปาดขวา หรือชอบเบียดเปลี่ยนช่องจราจรด้านหน้าแบบเห็นแก่ตัว โดยไม่สนใจต่อเพื่อนร่วมทางที่รักษากฏจราจรและขับตามกันมาอย่างปกติ แบบนี้เราเรียกว่าคนเห็นแก่ตัว ไม่เอาใจเขามาใส่ใจเรา
  • การเอาใจเขามาใส่ในเรา ซึ่งทิศทางจะเป็นการพยายามทำความเข้าใจผู้อื่นจากมุมมอง บริบทที่พวกเขาอยู่ และแสดงมันออกมาในรูปแบบต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นการช่วยเหลือผู้อื่น แต่เป็นมุมมองที่ใช้มองผู้อื่นและสถานการณ์ที่เขาอยู่
  • บริษัทแห่งหนึ่งไม่มีค่าแรงจ่ายให้กับพนักงาน จ่ายได้แค่ครึ่งเดียว เพราะบริษัทได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโรงงานเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งบรรดาพนักงานก็เข้าใจ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วพนักงานก็ช่วยกันพยุงบริษัทให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้
  • มนุษย์เป็นสัตว์สังคมไม่ได้อยู่คนเดียวมักจะมีผู้คนรอบตัว ดังนั้นก่อนพูดอะไร ทำอะไรที่คนรอบข้างจะได้รับผลกระทบตามมา ก็ต้อง เอาใจเขามาใส่ใจเรา ต้องคิดเสียก่อนว่า สิ่งที่ตนจะพูดหรือจะกระทำนั้น อาจสร้างปัญหาให้คนรอบตัวอย่างไรบ้างเพราะอาจจะทำให้คนรอบตัวเกิดความไม่พอใจ เกิดความทุกข์หรือเกิดความโกรธแค้น
  • ผมและเธอรักกันมาได้อย่างยาวนานก็เพราะเราทั้งคู่มีนิสัยคล้ายๆ กัน รวมถึงการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เห็นอกเห็นใจ เหมือนกันทั้งคู่นี่แหละเหตุผลหลักที่เรารักกันมาได้นาน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยตาเป็นสับปะรด ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ตาเป็นสับปะรด

ความหมายของสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเป็นสับปะรด

ที่มาของสำนวนนี้คือ เปรียบเปรยถึงผลสับปะรด ที่มีตามากมายอยู่รอบผล กับคนที่มีพรรคพวกมาก คอยเป็นหูเป็นตาให้นั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่หูตากว้างไกล มีคนคอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาให้รอบตัว ในที่นี้จะเน้นว่ามีพรรคพวกมาก ใครทำอะไร ที่ไหน จะรู้ไปหมด โดยรู้จากพรรคพวกเพื่อนฝูงหรือบริวารที่มีอยู่ทั่วไปเป็นคนส่งข่าวให้ เปรียบเทียบความสามารถในการรับรู้ข่าวสาร เรื่องราว

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยตาเป็นสับปะรด

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตตาเป็นสับปะรด

  • นี่แพม คุณป้าของเธอรู้ได้อย่างไรว่าเราไปดูหนังกันมาเมื่อเย็นวานนี้ หวานหวานเธอไม่รู้อะไร ป้าฉันเนี่ยตาเป็นสับปะรดเชียวละ
  • หนูนิดมีเพื่อนอยู่ทุกระดับชั้นเรียน ทำให้หนูนิดมีตาเป็นสับปะรด เวลาใครนินทาหนูนิด เพื่อนของเธอจะมาคอยรายงานเสมอ
  • สมชายอย่าแอบหลับในเวลางานนะ เดี๋ยวผู้จัดการเห็นเข้าจะโดนตำหนิ โหเพื่อนขอแป๊บเดียวเองน่า ผู้จัดการไม่รู้หรอก สมชายนี่ท่าจะไม่รู้ว่าผู้จัดการแกมีหูตาเป็นสับปะรดเชียวนะ
  • บ้านเมืองมีหูมีตาเป็นสับปะรด จะทำอะไรไม่ดี มีใครรู้หมดทั้งสายตาผู้คน กล้องวงจรปิด ฯลฯ
  • ผมรู้นะว่าคุณไปไหนมาคืนนั้น คุณโกหกผมว่าไปบ้านเพื่อน แต่กลับไปเที่ยวบาร์ อย่าคิดว่าผมไม่รู้ เพื่อนผมกว้างขวาง ตาเป็นสับปะรด ครั้งหน้าอย่าทำอีกนะ!

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. ไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา

ที่มาของสำนวน ในสมัยก่อนคนโบราณเชื่อในกล คาถา เป็นอย่างมาก จึงเปรียบเปรยถึงการใช้คาถาเพื่อบนบานศาลกล่าวเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ผู้ที่จะเอาชนะคู่แข่งให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด คือถ้าทำวิธีแรกไม่สำเร็จ ก็จะหาพยายามใช้วิธีที่สอง ถ้าวิธีที่สองไม่ได้อีก ก็จะหาทางอื่นๆ เพื่อให้สำเร็จให้ได้ สํานวนนี้จะใช้กับการกระทำที่มีลักษณะไม่ซื่อ หรือการกระทำด้วยวิธีที่ไม่ดี

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา

 

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา

  • ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา รักใครชอบใครอย่ารอช้า! วันนี้เราเอาคาถามหาเสน่ห์มาให้สาว ๆ ที่อยากเสริมเมตตามหานิยม ผู้คนไหนเห็นก็ทั้งรักทั้งหลง! ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องได้ด้วยกล! ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็ต้องได้ด้วยคาถาสิจ๊ะ รออะไรอยู่ล่ะ
  • ฉันรักเขามากต้องหาวิธีทางทำให้เขากลับมาหาฉันให้ได้ งานนี้ไม่ได้ด้วยเลห์เอาด้วยกล ไม่ด้ด้วยมนต์เอาด้วยคาถา
  • อยากให้ชีวิตประสบความสำเร็จต้องลงมือทำอย่างหนัก อย่างจริงจัง ไม่ใช่ขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย เฉกเช่น ไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา
  • ตอนนี้ผมต้องทุ่มสุดตัว ไม่ได้ด้วยเล่ห์เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์เอาด้วยคาถาทำทุกวิธีที่จะเอาบริษัทที่พ่อแม่สร้างมากลับมาเป็นของเราให้ได้
  • สมศรีหลงรักสมชายมาก แต่สมชายไม่สนใจ เธอจึงไม่ได้ด้วยเล่ห์เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์เอาด้วยคาถา ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เขามา แต่น่าเศร้า ของแบบนี้มันบังคับจิตใจกันไม่ได้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ห. เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

ที่มาของสำนวน คนไทยสมัยโบราณเปรียบคนชนิดนี้ว่า ขนาดกองขี้ไก่ที่มีขนาดเล็ก ยังเหยียบให้ฝ่อหรือแบนไม่ได้

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนเหยาะแหยะ ทำอะไรไม่จริงจัง ไม่ทุ่มเท ไม่เอาการเอางาน ทำอะไรไม่เป็นโล้เป็นพาย เจออุปสรรคนิดหน่อยก็ล้มเลิก ทำอะไรมักไม่สำเร็จแม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

  • นี่เธอ คุณนายสมศรีแกเลี้ยงลูกคุณหนูซะเหลือเกิน แบบนี้เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อหรอก
  • นี่พวกนายขยันทำงานกันหน่อย เจองานหนักเข้าหน่อยท้อซะแล้ว ทำเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อไปได้
  • นี่พวกนายขยันทำงานกันหน่อย เจองานหนักเข้าหน่อยท้อซะแล้ว ทำเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อไปได้
  • บางคนเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจ ไม่บังคับ อยากทำอะไรก็ปล่อยให้ทำไป จึงทำอะไรไม่เป็น เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำอะไรง่ายๆ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่คนเรานั้นชีวิตก็ไม่แน่นอน หากหมดวาสนา เงินทองหมดสิ้นแล้ว อาจกลายเป็นคนจนเมื่อไหร่ เมื่อนั้นชีวิตก็จะลำบากอย่างแน่นอน แม้จะสามารถปรับตัวได้เองแต่ก็ต้องใช้เวลา และจากคนที่ทำ อะไรไม่เป็น ยามลำบาก คนส่วนใหญ่จะปรับตัวได้เอง อาจกลายเป็นคนที่ทำงานขยันขันแข็ง เรื่องแบบนี้ เป็นธรรมชาติของ มนุษย์ คนที่มีชีวิตสุขสบายย่อมจะทำอะไรไม่เป็น แต่เมื่อลำบาก เพื่อที่จะเอาตัวรอด ก็จะเกิดการเรียนรู้ ปรับตัวได้เอง การมีลูก หลานที่ไม่เก่ง ก็ไม่ต้องกลัว ถึงเวลาก็จะปรับตัวได้เอง
  • บริษัทของเราชอบคนที่ทำงานจริงจัง ขยัน ไม่นั่งงอมืองอเท้าเป็นพวกผู้รากมากดีที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยอาบน้ำร้อนมาก่อน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ อ. อาบน้ำร้อนมาก่อน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยอาบน้ำร้อนมาก่อน

ที่มาของสำนวน มีที่มาจากการดูแลเด็กเกิดใหม่ในสมัยโบราณ เมื่อทารกคลอดออกมาหมอตำแยจะตัดสายสะดือ แล้วเอาเด็กอาบน้ำอุ่น คือน้ำที่มีอุณภูมิใกล้เคียงกับอุณหภูมิของร่างกาย เพื่อทำให้ตัวเด็กสะอาด เรียกได้ว่าเด็กทุกคนจะได้อาบน้ำร้อนเมื่อเกิด คนที่อาบน้ำร้อนก่อนก็คือคนที่เกิดก่อนนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่เกิดก่อน มีอายุมากกว่า คนที่เกิดก่อนย่อมได้รู้ได้เห็นหรือเข้าใจอะไรๆ ก่อนคนที่เกิดที่หลัง ผ่านอะไรมามากกว่า สมบุกสมบันยิ่งกว่า มักจะเห็นโลกมามาก แต่โบราณมามักจะถือว่า คนที่เกิดก่อนจะมีประสบการณ์มากกว่าจึงมีความรู้ความฉลาดมากกว่า

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยอาบน้ำร้อนมาก่อน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตอาบน้ำร้อนมาก่อน

  • การอาบน้ำร้อนมาก่อนในสมัยนี้ ซึ่งก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องจริงเสมอไป บางคนแก่หง่อม แต่ยังไม่รู้อะไรๆเลย ขณะที่เด็กรุ่นใหม่อาจได้เรียนรู้อะไรไปไกลว่าผู้ใหญ่หลายช่วงตัวก็มีให้เห็นเยอะแยะ เพราะวัยวุฒิกับความรู้สมัยนี้มันไม่ค่อยสัมพันธ์กันละ
  • อย่ามาหลอกฉันเลย เธอรู้อะไรฉันก็รู้เหมือนเธอนั่นแหละ จะรู้ดีว่าเสียด้วยซ้ำเพราะฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนเธอหลายปี
  • เมื่อปีที่แล้วฉันมีปัญหาเรื่องหน้าที่การงาน ฉันได้ไปปรึกษาอาจารย์ที่ฉันเคารพท่านหนึ่ง อาจารย์เล่าประสบการณ์และแนะนำวิธีแก้ปัญหาให้ฉันฟัง จนทำให้ฉันผ่านอุปสรรคปัญหาครั้งนั้นมาได้
  • บางทีคนที่ผ่านอะไรมาก่อน เขาก็อยากบอกสิ่งดีๆ และเตือนสิ่งที่เราต้องระวัง จงรับฟังด้วยความเคารพ อย่าเถียงกับเขา จะได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ
  • อาบน้ำร้อนมาก่อนในสมัยก่อนคือผู้ที่เกิดก่อนย่อมมีประสบการณ์มากกว่าเด็กหรือผู้ที่เกิดทีหลัง’ แต่สมัยนี้ในด้านการนำมาใช้ คำนี้เหมือนจะบอกกับผู้ฟังว่า ‘หยุด! ห้ามเถียง’ เสียมากกว่า

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube