สุภาษิตคำพังเพยคนตายขายคนเป็น ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ค. คนตายขายคนเป็น

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยคนตายขายคนเป็น

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยคนที่ตายไปแล้ว แต่กลับทิ้งภาระให้กับคนที่ยังอยู่ โดยในสำนวนนี้ใช้คำว่าขายเพื่อสื่อถึงความหดหู่

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่ตายไปแล้ว แต่มีภาระหนี้สินมากทำให้ญาติพี่น้องหรือคนรอบข้างที่เกี่ยวข้อง ต้องเดือดร้อน รับผิดชอบชดใช้หนี้สินแทน บางครั้งนอกจากเรื่องเงินทองแล้ว ยังใช้เปรียบเปรยกับเรื่องภาระด้านอื่นๆ อาทิ การทุ่มจัดงานศพใหญ่โตแม้ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา เพื่อรักษาหน้าของตัวเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยคนตายขายคนเป็น

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตคนตายขายคนเป็น

  • คนตายขายคนเป็นหมายถึง เวลาบ้านไหนมีคนตาย ลูกหลานจัดงานพิธีศพเอิกเกริก ใช้เงินมากมาย… บางบ้านไม่มีเงินก็ต้องไปกู้เงินมาจัดงาน เกิดหนี้สินมากมายเป็นภาระผูกพัน… โบราณท่านจึงสอนให้ทำแต่พอดี อย่าให้เป็นหนี้สินมากมาย จนทำให้คนข้างหลังลำบากต้องคอยตามใช้หนี้ ที่สร้างเพื่อคนตาย
  • น่าเห็นใจครอบครัวนี้จริงๆ ผู้ตายเป็นผู้มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จึงต้องจัดงานศพให้ใหญ่โตทั้งๆที่มีหนี้สินอยู่เป็นจำนวนมาก เข้าข่ายคนตายขายคนเป็นแท้ๆเชียว
  • นายณัฐวุฒิเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้กู้เงินธนาคารมาเพื่อสร้างบ้านขาย แต่ปรากฏว่าโครงการเพิ่งเริ่มก่อสร้างได้ไม่นานนายณัฐวุฒิก็ถูกนายเหวงซึ่งป็นคู่อริยิงตาย ทำให้ภรรยาต้องรับภาระแบบหนี้สินก้อนนั้นแทน นี่แหละคนตายขายคนเป็นแท้ๆ
  • เพื่อไม่ให้ลูกหลานลำบาก เข้าข่าย คนตายขายคนเป็น เมื่อตัวเองได้เสียชีวิตไปแล้ว บางคนนั้นจะทำประกันชีวิตเอาไว้เพื่อเป็นค่าใช้ จ่ายในการจัดการกับงานศพของตัวเอง ซึ่งมีรายจ่ายหลักแสนบาทเลยทีเดียว ไม่เช่นนั้นจะสร้างความเดือดร้อนให้ลูกหลานอย่างมาก หากตายตามปกติ ไม่ได้เจ็บป่วย เป็นโรคร้ายแรง รายจ่ายจะไม่มากนัก แต่หากเจ็บป่วยต้องรักษาบางคนนั้นมีรายจ่ายเกินล้านบาทเลย ทีเดียว
  • น่าสงสารครอบครัวสมชายเสียจริง ตาที่มีทรัพย์สินมากมายกลับมาด่วนจากไป ทิ้งแต่ภาระหนี้สินให้ ทรัพย์สินก็ขายไม่ได้อีก ซวยซ้ำซวยซ้อน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยงูกินหาง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ง. งูกินหาง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยงูกินหาง

ที่มาของสำนวน เป็นการละเล่นพื้นเมืองเก่า เล่นกันทุกภาคของประเทศ ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ พบว่ามีการละเล่นงูกินหางกันแล้วในงานตรุษสงกรานต์ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2475 การเล่นงูกินหางเป็นการเล่นเลียนแบบชีวิตสัตว์ คือ เลียนแบบลักษณะท่าทางของงูที่มีลำตัวยาวเลื้อยคดไปคดมา นิยมเล่นในงานเทศกาล งานประจำปี และงานรื่นเริงต่างๆ ในสมัยก่อน งูกินหางส่วนมากสาวมอญไม่ค่อยได้เล่นเท่าไร เพราะไม่ค่อยสุภาพ คือฝ่ายผู้ชายกับฝ่ายผู้หญิงต้องมาจับมือถือแขนกัน ผู้ใหญ่ไม่นิยมที่จะมาเล่นสนิทสนมกัน ส่วนมากจะเป็นคนไทยเล่นกัน

กระทรวงวัฒนธรรมประกาศขึ้นทะเบียน “งูกินหาง” ในสาขากีฬาภูมิปัญญาไทย เมื่อปี 2557

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือสิ่งบางอย่างเกี่ยวโยงกันจากหัวถึงหางโดยซัดกันไปเป็นทอดๆ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยงูกินหาง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • เมื่อรุ่งเช้าเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกแก๊สระเบิดในใจกลางเมือง จนทำให้การจราจรหยุดนิ่ง ทำให้รถติดสะสมเป็นงูกินหาง
  • การเล่นงูกินหางนี้พบว่าตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศยังนิยมให้เด็กชั้นเล็กๆ เล่นกันในวิชาพลศึกษา บ้างก็จัดเป็นสันทนาการ หรือกิจกรรมกลางแจ้ง แม้ครูไม่นำเล่น เด็กๆ ก็ยังเล่นกันเองอย่างสนุกสนาน เพราะเป็นการละเล่นที่มีการวิ่งไล่จับ ซึ่งเป็นเรื่องสนุกของวัยเยาว์
  • เขาติดการพนันจนต้องไปกู้ยืมเงินมาใช้หนี้ จนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถจัดกับหนี้สินที่มีอยู่มากมายจนกลายเป็นงูกินหาง
  • ตั้งแต่เกิดมา ผมเชื่อว่ามนุษย์ไม่เคยเห็น “งูกินหาง” ด้วยตา แต่ซึมซับรับรู้ภาพไว้ เอาไปเชื่อมโยงกับเรื่องราวในโลก เช่นระบบแชร์ลูกโซ่ แชร์แม่ชะม้อย ดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อเดือน แค่ 14 เดือน เงินต้นก็ได้คืน เอาความเชื่อบวกความโลภ บอกต่อๆกันไป ผู้คนก็ขนเงินเอามาให้…หลอกกันอยู่หลายปี กว่าจะเจ๊งกันไป
  • คุณสร้างปัญหา มักจะทำให้ปัญหาเล็กๆ ลุกลามไปเสมอเหมือนงูกินหาง ถ้าคุณใจเย็นสักนิด แล้วค่อยๆ แก้ปัญหาคงไม่ต้องลุกลามขนาดนี้หรอก จบตั้งแต่ปัญหาเล็กๆ แล้ว

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ค. ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก

ที่มาของสำนวน ความในสำนวนนี้หมาถึงคดีความ หรือปัญหา สำนวนนี้มาจาก ในสมัยก่อนมีโจรผู้ร้ายเยอะ คนไทยในอดีตก็นิยมเลี้ยงวัวเลี้ยงควายกันแทบทุกบ้าน ทำให้เกิดปัญหาคดีความวัวควายถูกขโมยอยู่เป็นประจำ ซึ่งก็มักจะไปแจ้งความปัญหาวัวควายหายกับผู้ใหญ่บ้าน กำนัน พอมีคนไปแจ้งว่าวัวหาย แต่ยังหาไม่เจอ และในเวลาไม่นานก็มีอีกรายเข้ามาแจ้งว่าควายหาย ทั้งๆ ที่วัวตัวเก่าก็ยังหาไม่เจอ กลับมีควายหายเป็นปัญหาเข้ามาให้ต้องแก้ไขอีก

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การที่มีเรื่องราวเดือดร้อนหรือปัญหาเกิดขึ้น ยังแก้ไขไม่เสร็จสิ้น ก็เกิดมีปัญหาใหม่ซ้อนขึ้นมาอีก

นิยมใช้อธิบายสภาพที่เรากำลังวุ่นวาย ปวดหัวกับเหตุการณ์หนึ่งอยู่ ยังแก้ไขไม่สำเร็จลุล่วง แต่กลับมีเหตุการณ์ร้ายแทรกเพิ่มเข้ามาอีก

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก

  • ในชีวิตของเรานั้นมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาต่างๆ ตามกันมาเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับงานหรือสิ่งที่ทำ การทำงานใหญ่ มีคนเข้ามาเกี่ยวข้อง มาก หากเกิดปัญหา ก็มักจะมีคนเข้ามาเกี่ยวข้องและเกิดปัญหาอื่นที่เกี่ยวข้องกันตามมาทันที เช่น เมื่อเกิดปัญหาจากฝนตก ก็จะมี ปัญหารถติด รถเสีย ไปทำงานไม่ทัน มีปัญหาเกิดขึ้นตามมาเรื่อยๆ ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก อีก การทำงานใหญ่ จึงต้องวางแผนรับมือให้ดี
  • เมื่อวานสมชายทะเลาะกับสมปองซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกัน วันนี้ทั้งสองยังไม่ทันได้ปรับความเข้าใจกัน แต่สมชายเผลอไปทำกระถางต้นไม้ของสมปองแตกอีก งานเข้าแล้ว! แบบนี้ตรงกับสำนวนไทยที่ว่าความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก
  • ขณะที่ฝ่ายไอทีของธนาคารขนาดใหญ่กำลังเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาระบบงานธนาคารล่ม ก็มีเหตุการณ์ผู้ไม่ประสงค์ดีโจรกรรมข้อมูลของธนาคารเกิดขึ้นอีก ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกแท้ๆ
  • ถานการณ์ของรัฐบาลในขณะนี้ เข้ากับสุภาษิตไทย “ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก” เรื่องเดือดร้อนเก่ากับปัญหาเศรษฐกิจยังไม่ทันหมด ก็มีเรื่องเดือดร้อนใหม่ปัญหาโควิดเข้ามาอีก
  • เด็กชายดำกำลงถูกครูฝ่ายปกครองเล่นงานเรื่องแต่งกายผิดระเบียบ ปรากฏว่าครูประจำชั้นยังทำหนังสือแจ้งผู้ปกครองเรื่องชอบหนีเรียนอีกด้วย นี่แหละน้าความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยคว่ำบาตร ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ค. คว่ำบาตร

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยคว่ำบาตร

ที่มาของสำนวน มีที่มาจากการที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้สงฆ์สวดประกาศไม่ให้คบอุบาสกอุบาสิกาผู้ประกอบด้วยโทษประการใดๆ ใน 8 ประการ ได้แก่

  1. พยายามทำให้ภิกษุเสื่อมลาภ
  2. พยายามทำให้ภิกษุได้รับความเสียหาย
  3. พยายามทำให้ภิกษุอยู่ไม่ได้
  4. ด่าหรือบริภาษภิกษุ
  5. ทำให้ภิกษุแตกกับภิกษุด้วยกัน
  6. ติเตียนพระพุทธ
  7. ติเตียนพระธรรม
  8. ติเตียนพระสงฆ์

พระสงฆ์จะทำสังฆกรรมในเขตสีมา เรียกว่าพิธีคว่ำบาตร โดยภิกษุรูปหนึ่งจะประกาศบรรยายโทษคฤหัสถ์ผู้นั้นและเสนอให้สงฆ์คว่ำบาตรเขา ด้วยการไม่ยอมเกี่ยวข้องด้วย ไม่ยอมรับอาหารที่ถวาย ไม่ยอมแสดงธรรมให้ ไม่ยอมทำพิธีเกี่ยวกับศพของผู้นั้น แต่ถ้าผู้นั้นรู้สึกตัวมาขอขมาต่อหน้าคณะสงฆ์ รับรองว่าจะไม่ประพฤติเช่นนั้นอีก พระสงฆ์ก็จะทำพิธีสวดประกาศยกโทษให้ เรียกว่าพิธีหงายบาตร

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ไม่ยอมคบค้าสมาคมด้วย ไม่ร่วมงานด้วย

สำนวนคว่ำบาตร นำมาใช้โดยทั่วไปในความหมายว่าไม่ยอมคบค้าสมาคมด้วย มักจะใช้ในระดับการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งตรงกับคำว่า boycott ในภาษาอังกฤษ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยคว่ำบาตร

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตคว่ำบาตร

  • หากประเทศสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการคว่ำบาตรกับประเทศไทย จะทำมีผลกระทบกับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจการส่งออกเป็นจำนวนมาก
  • อังกฤษคว่ำบาตรพม่าด้วยการห้ามนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากพม่า โทษฐานรัฐบาลเผด็จการไล่ฆ่า ทำร้ายประชาชนบริสุทธิ์
  • การคว่ำบาตร (boycott หรือ บอยคอตต์) ในทางการค้า มักจะใช้ในระดับการค้าระหว่างประเทศ โดยกลไกการคว่ำบาตรอาจจะมีทั้ง การไม่ยอมขายสินค้าหรือบริการให้ประเทศคู่ค้า หรือไม่ซื้อสินค้าหรือบริการจากประเทศคู่ค้า หรืออาจจะทั้งสองกรณีก็ได้ การคว่ำบาตรในความหมายทางการค้าจึงถือได้ว่าเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจที่ร้ายกาจอย่างหนึ่ง เพื่อใช้ต่อรองให้คู่กรณีจำยอมในข้อตกลงด้านอื่น ๆ เช่น ด้านการทูต การเมือง วัฒนธรรม การทหาร หรือแม้แต่ด้านการค้า เนื่องเพราะทุกประเทศในโลกต้องค้าขายกัน เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการที่ตนเองไม่สามารถผลิตเองได้ หรือผลิตได้ไม่พอกับความต้องการในประเทศ
  • บริษัทของเราได้คว่ำบาตรโรงงานผู้ผลิตสินค้าจากจีนเนื่องจาก พบว่ามีสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านเกณฑ์การผลิตที่ตั้งไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทของเราได้รับความเสียหาย
  • ผู้นำ EU เดินทางเยือนกรุงเคียฟ เพื่อร่วมการประชุมสุดยอด หารือกันเรื่องคว่ำบาตรรัสเซีย และการรับยูเครนเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ท่ามกลางเสียงไซเรนเตือนโจมตีทางอากาศดังระงม

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยคอเป็นเอ็น ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ค. คอเป็นเอ็น

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยคอเป็นเอ็น

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยการที่คนกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น ร่างกายโดยเฉพาะส่วนของคอนั้นจะมีการเกร็ง เพื่อที่จะตะเบ็งเสียงให้ดัง ซึ่งจะมีกล้ามเนื้อขึ้นรอบคออย่างชัดเจน ซึ่งส่วนนั้นจะมีลักษณะเป็นเส้นเอ็นปูดออกมา จึงมีการเรียกลักษณะอาการดังกล่าวว่า เถียงจนคอเป็นเอ็น

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ลักษณะที่เถียงตอบอย่างไม่ลดละ ไม่ยอมแพ้ หรือไม่ยอมจำนน

โบราณท่านเปรียบเอาไว้กับคนไม่ยอมใคร เถียงทุกเรื่อง เถียงทุกอย่างที่ตัวเองไม่เห็นด้วยโดยไม่ฟังคำอธิบายของใครทั้งนั้น เถียงขนาดที่ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า “Born To Be” กันเลยทีเดียว เถียงจนเส้นเอ็นที่คอปรากฏชัด

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยคอเป็นเอ็น

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตคอเป็นเอ็น

  • รบ.ออสซี่เถียงคอเป็นเอ็น “วิกฤตไฟป่า” ไม่เกี่ยวกับ “โลกร้อน” รัฐบาลออสเตรเลียแถลงย้ำจุดยืนเดิมว่าวิกฤตไฟป่าซึ่งลุกลามกินพื้นที่พอๆ กับประเทศเกาหลีใต้ “ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง” กับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แม้จะเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนและได้รับคำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์ก็ตาม
  • เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโด แต่ก็พิรุธเนื่องจากเขาเถียงคอเป็นเอ็นว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการปล้นครั้งนี้ ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงแค่สอบถามตามปกติ
  • นางวรรณาเถียงกับนางวรรณีในที่ประชุมของบริษัทโดยยกว่าแผนงานของตนนั้นดีที่สุด ดีกว่าทุกคน โดยไม่สนใจว่าของคนอื่นจะดีไม่ดีอย่างไร ของตัวเองดีสุด ใครติใครติงแผนงานของตนก็ไม่รับฟัง เถียงจนคอเป็นเอ็น
  • คนอย่างเขาทำผิดก็ยอมรับผิด แต่ถ้าเขาไม่ผิดแล้วมีเถียงกันจน คอเป็นเอ็น จนกว่าจะชนะแหละ
  • นายสมชายที่มีบุคคลิก ท่าทางดูตุ้งติ้ง กำลังเถียงคอเป็นเอ็นเลยว่า ขาไม่ได้เป็นตุ๊ดอย่างที่ ใครๆ กล่าวหา

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยคับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ค. คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยคับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการอยู่ในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ทำงาน ฯลฯ ถึงที่จะแคบ ไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่ถ้าสบายใจก็อยู่ได้ ในทางกลับกันต่อให้อยู่ในสถานที่ดีแค่ไหน กว้างแค่ไหน หน้าอยู่แค่ไหน แต่ถ้ามันรู้สึกอึดอัดใจ ไม่สบายใจ มันก็อยู่ได้อย่างไม่มีความสุข อยู่ไม่ได้ หรืออยู่ยาก คนโบราณเลยพูดสำนวนนี้ให้ไพเราะ คล้องจองกัน เลยเป็นที่มาของสำนวน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ที่อยู่แม้จะคับแคบก็อยู่ได้ถ้าสบายใจ แต่ถ้าอึดอัดใจ ที่อยู่จะกว้างขวางใหญ่โตอย่างไรก็อยู่ไม่ได้

กล่าวคือ ใช้เพื่อเปรียบเทียบว่า คนเราสามารถอยู่ที่ไหนก็ได้ถ้ามีความสบายใจ อยู่แล้วไม่รู้สึกอึดอัดใจ เพราะถ้าอึดอัดใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหลังใหญ่หรือปราสาทราชวังที่ไหน ก็ไม่น่าอยู่ทั้งนั้น

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยคับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตคับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก

  • แพมได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านของพ่อซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่โตหรูหรา แค่กลับโดยแม่เลี้ยงคอยใส่ร้ายตลอด ทำให้แพมทนไม่ได้จึงบอกกับแม่ของตนว่าจะกลับไปอยู่ที่อยู่เดิม ถึงว่ามันจะคับแคบแต่ก็สบายใจกว่าที่จะอยู่บ้านหลังใหญ่นี้
  • เขาตัดสินใจลาออกจากงานเพราะคับที่อยู่ได้ ตับใจอยู่อยาก เขาน้อยใจที่อุส่าห์ตั้งใจทำงานมาเป็นเวลาหลายปีแต่ไม่เคยเลื่อนตำแหน่งหรือคำชมเชยจากหัวหน้าเลย
  • นี่เจ้านพ ฉันไม่อยากอยู่บ้านลุงเลยวะ บรรยากาศน่าอึดอัด อยู่แล้วไม่สบายใจเลย อยากกลับไปอยู่ต่างจังหวัดกับพ่อแม่แล้วละ ภายนอกนะดูดีอยู่หรอก แต่ข้างในนี่ซิ สารพัดปัญหา ทั้งเรื่องการนินทา การพูดจาให้ร้ายกัน ไม่นับการเอาเรื่องไม่จริงไปฟ้องคุณลุงฉันอีก ฉันเพิ่งเจอกับตัวเองมาหยกๆ อย่างนี้ใช่ไหม๊ ที่โบราณท่านว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
  • “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก” ต้องแก้อย่างไร ให้อยู่แล้วมีความสุข เริ่มจากลองมองโลกในแง่ดีเสมอ เช่น ไม่นำสิ่งที่ได้ยินมาคิดเพื่อบั่นทอนตัวเอง หรือถึงแม้คนอื่นจะคิดไม่ดีกับเรา และไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ก็ไม่เป็นไร เรารู้จักตัวเองดีที่สุด ปล่อยวาง…
  • นี่เจ้าชิดแกเชื่อฉันเถอะ ว่าการอยู่ที่ไหนก็ไม่ควรอึดอัด ต้องสบายใจ แต่ฉันมีอีกข้อจะเพิ่มให้ “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก คับเมียอยู่รอด” ฮ่าๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยคาบลูกคาบดอก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ค. คาบลูกคาบดอก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยคาบลูกคาบดอก

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงธรรมชาติของต้นไม้ ที่ออกดอก และกำลังจะกลายเป็นลูก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกัน จะได้หรือจะเสียก็ยังไม่รู้ (ดอกจะติดเป็นผล หรือจะร่วงก็ยังไม่รู้) จึงเรียกว่าเป็นช่วงคาบลูกคาบดอก

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ อยู่ในระยะคับขันกำลังจะได้ หรือเสียก้ำกึ่งกัน เป็นช่วงระยะเวลาที่เอาอะไรแน่นอนไม่ได้ ว่าจะได้หรือ เสียกันแน่ เป็นช่วงระยะเวลาที่คับขัน ไม่รู้ว่าผลจะเป็นแบบไหน

กล่าวคือช่วงระยะเวลาที่อยู่ในสภาวการณ์ที่คับขัน ไม่รู้ว่าจะได้ หรือเสียบวก หรือลบ ยังเอาความแน่นอนใดๆ ไม่ได้เลย เหมือนกับว่าเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในขณะที่เรากำลังหมุนเหรียญ และ เหรียญก็กำลังหมุนอยู่ เหรียญยังไม่หยุดจึงเอาแน่นอนไม่ได้ว่าเมื่อมันหยุดสนิทแล้วมันจะเป็นด้านหัว หรือจะเป็นด้านก้อย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยคาบลูกคาบดอก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตคาบลูกคาบดอก

  • แม่บ่นให้ฉันฟังว่าลงทุนธุรกิจกับเพื่อน ช่วงแรกเริ่มธุรกิจก็กำลังเดินไปได้ดี แต่ว่าในตอนนี้เจอพิษเศรษฐกิจของโลกเล่นงานเข้า ถ้าหากผ่านช่วงนี้ไปได้ไม่รู้ว่าเงินที่ลงทุนไปนั้น จะทำกำไรได้มากน้อยเท่าไหร่ ยังคาบลูกคาบดอก ไม่แน่ใจว่าธุรกิจที่ทำนี้จะดีขึ้นหรือเลวร้ายกว่าเดิม
  • ตอนนี้เขากำลังเคร่งเครียดจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับเพราะอยู่ในสถานะคาบลูกคาบดอก ว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้จัดการแผนกหรือไม่
  • สภาวการณ์บ้านเมืองในขณะนี้เรายังไม่ทราบว่า นายสมชาย จะถูกศาลอาญาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินพิพากษาอย่างไร จะตัดสินยกฟ้อง หรือจำคุก มันช่างคาบลูกคาบดอก เอาซะจริงๆ
  • คะแนนเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพ ยังอยู่ในสถานการณ์คาบลูกคาบดอก ยังคาดเดาไม่ได้ว่าใครจะรับตำแหน่ง
  • คนสมัยก่อนเวลาจะมีลูก ต้องลุ้นเหมือนคาบลูกคาบดอกว่าจะได้ลูกสาว หรือลูกชาย โดยสมัยนี้เทคโนโลยีอัลตร้าซาวน์ดูเพศลูกตั้งแต่ในครรภ์แล้ว

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเคียงบ่าเคียงไหล่ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ค. เคียงบ่าเคียงไหล่

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเคียงบ่าเคียงไหล่

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงบ่ากับไหล่อยู่ใกล้เคียงกันมากแทบจะแยกกันไม่ออกเลยว่าตรงไหนบ่าตรงไหนไหล่ แสดงว่ามันอยู่ใกล้เคียงกันมากๆ หรืออยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากๆ จนเราจำแนกแยกแยะไม่ออก ถ้าได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมใดๆ ก็ตาม ทั้งบ่า และไหล่ก็จะได้รับผลกระทบเหล่านั้นเท่าๆ กันไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้รับผลกระทบไปมากกว่ากันนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ มีฐานะเสมอกัน ทัดเทียมกัน หรืออยู่ในระดับเดียวกัน ร่วมสุข ร่วมทุกข์หรือร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน

บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปมีฐานะเสมอกัน ทัดเทียมกันหรืออยู่ในระดับเดียวกัน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือการอยู่อย่างใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างไม่ยอมแตกแยกกัน ทำอะไรก็ทำร่วมกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน เรียกว่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ฉะนั้นบุคคลที่เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ย่อมได้รับผลกระทบจากสิ่งต่างๆ ร่วมกัน กล่าวคือถ้ามีความสุขก็จะมีความสุขด้วยกัน หรือถ้าหากได้รับความทุกข์ก็จะมีความทุกข์ร่วมกัน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเคียงบ่าเคียงไหล่

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเคียงบ่าเคียงไหล่

  • แด่สหายที่รักที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่ข้าพเจ้าในสงครามยูเครน ข้าพเจ้าพร้อมที่จะปกป้องแผ่นดินแม่จากผู้รุกรานรัสเซีย พวกมันจะไม่ได้อะไรไปแม่แต่เศษเสี้ยวของแผ่นดิน ที่ข้าพเจ้าจะให้พวกมันก็คือเลือดเนื้อของพวกเราและพวกมัน
  • บ่าวสาวคู่นี้เขาเป็นเพื่อนเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตั้งแต่ยังเด็ก ผ่านประสบการณ์เลวร้ายมาด้วยกัน ทำให้เขาทั้งคู่รักกันได้ขนาดนี้
  • นักการเมืองกับมวลมหาประชาชนได้ร่วมกันออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบจากรัฐบาล นอนกลางดินกินกลางถนน สู้แดดสู้ฝนอดทนต่อความหนาวเหน็บมาด้วยกัน อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย การร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันเยี่ยงนี้ เป็นที่น่าชื่นชมยกย่องชมเชยอย่างมากๆ
  • เราอยู่ด้วยกันมานาน ผ่านทุกข์ผ่านสุขมาก็เยอะ คุณไม่ต้องกลัว ผมจะอยู่ต่อสู้ เคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเจอปัญหาหนักหนาแค่ไหนก็ตาม
  • บริษัทของเราเกือบจะล้มละลายแล้ว ก็มีผมกับประธานนี่แหละ ที่อยู่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอด จนบริษัทกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ผมขอขอบคุณมากจริงๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยงานงงเป็นไก่ตาแตก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ง. งงเป็นไก่ตาแตก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยงงเป็นไก่ตาแตก

ที่มาของสำนวน ปรียบเปรยถึงการชนไก่ ไก่ชนที่กำลังตีกัน แล้วพลาดโดนคู่ต่อสู้ตีโดนตา ไก่จะมองไม่เห็น บวกกับสมองกระทบกระเทือนอย่างหนัก ทำให้เกิดอาการมึนงง ไม่สามารถป้องกันตัวได้ โดนจิกตีอย่างไม่มีทางต่อสู้

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ งงมากจนทำอะไรไม่ถูก มักใช้กับอาการของคนที่มึนงงมาก จนคิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยงงเป็นไก่ตาแตก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • โดยปกติที่ทำงานของฉันจะใส่ชุดทำงานสีเหลืองในวันจันทร์ แต่วันนี้เป็นวันจันทร์เพื่อนๆที่ทำงานเขาพากันใส่ชุดสีฟ้าไปทั้งบริษัท เพราะบริษัทจัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยงงเป็นไก่ตาแตก
  • นักร้องชื่อดังงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อ มีคนไปขุดคุ้ยรูปเด็กทารก แล้วเอามาบอกว่าเด็กเป็นลูกของเธอ ทั้งๆที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรมาก่อนเลย
  • ฉันกับสมชายพอมาถึงกรุงเทพฯ เราต่างพากันงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนเลย
  • เพื่อนๆถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อเขามาประกาศว่าจะแต่งงานในอีก 2 เดือนข้างหน้า ทั้งที่ไม่เคยมีวี่แววอะไรมาก่อน ไม่รู้ว่าเขาทั้งสองไปคบกันตอนไหน
  • กลุ่มของเราชอบเวลาแกล้งเพื่อน แล้วเพื่อนงงเป็นไก่ตาแตก เห็นแล้วตลกมากเลย กลุ่มเรารักกันมาก จนต้องแกล้งกันตลอดแหละ แต่ไม่ล้ำเส้นกัน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยงานหลวงไม่ให้ขาด งานราษฎร์ไม่ให้เสีย ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ง. งานหลวงไม่ให้ขาด งานราษฎร์ไม่ให้เสีย

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยงานหลวงไม่ให้ขาด งานราษฎร์ไม่ให้เสีย

ที่มาของสำนวน งานหลวงคืองานส่วนร่วม ส่วนใหญ่ ส่วนงานราษฎร์คืองานส่วนตัว คนโบราณจึงนำสำนวนมาเชื่อมกันให้คล้องจองไพเราะเสนาะหู กล่าวคือการทำงานทั้งสองต้องรับผิดชอบให้ดีทั้งคู่

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ทํางานไม่บกพร่องทั้งงานส่วนรวมและส่วนตัว ใช้เพี้ยนว่า งานหลวงไม่ขาด งานราษฎร์ไม่เสีย ก็มี หรือการทำงานไม่ว่าจะงานส่วนรวมหรืองานส่วนตัว จะต้องดูแลรับผิดชอบไม่ให้ขาดตกบกพร่อง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยงานหลวงไม่ให้ขาด งานราษฎร์ไม่ให้เสีย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • สมชายรู้วนเองว่าผ่านไปอีกเทอมแล้ว หลังจากที่ทั้งทำงาน และเรียนด้วย หนักเอาการเหมือนกัน ก็เลย เขาจึงสงสัยว่างานราษฎร์กับงานหลวง จะกลายเป็นงานเดียวกัน ไหนจะการบ้านส่ง ไหนจะงานประจำส่วนตัว ยอมรับว่ามีบ้างที่เบียดบังเอาเวลางานหลวงมาทำงานราษฎร์ แต่หากรู้จักแบ่งเวลาก็จะดีไม่น้อยเลย นับว่าสมชายเป็นคนรับผิดชอบดีจริงๆ นี่แหละงานหลวงไม่ให้ขาด งานราษฎร์ไม่ให้เสีย
  • ขยันจริงๆ เลยนะคุณวิชิต งานหลวงไม่ให้ขาด งานราษฎร์ไม่ให้เสียแบบนี้ คงจะเก็บเงินซื้อบ้านได้ในเร็ววันนี้แน่ๆ
  • อยากเป็นคนเก่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิตต้องทำงานให้เป็น ทำงานให้ฉลาด แบ่งเวลาให้ถูกต้อง อย่างที่คนโบราณพูดงานหลวงไม่ให้ขาด งานราษฎร์ไม่ให้เสีย อดทนทำได้สำเร็จแน่นอนลูก
  • ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องทน ต้องแบ่งเวลาการทำงานให้ดีเพราะฉันถือคติ งานหลวงไม่ให้ขาด งานราษฎร์ไม่ให้เสีย
  • การเป็นเจ้าคนนายคนยิ่งชั้นผู้ใหญ่ ยิ่งต้องรับผิดชอบให้ดีขึ้น ให้มากขึ้น ดั่งเช่นงานหลวงไม่ให้ขาด งานราษฎร์ไม่ให้เสีย เพื่อความผาสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง นี่แหละข้าราชการที่ดี ที่ยอดเยี่ยม ที่ชาติต้องการ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube