สุภาษิตคำพังเพยว่าวเหลิงลม ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ว. ว่าวเหลิงลม

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยว่าวเหลิงลม

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงว่าว โดยว่าวติดลมส่ายไปมาบังคับไม่อยู่ ลอยไปลอยมาตามแรงลม โดยบังคับให้อยู่กับที่ไม่ค่อยจะได้ เหมือนเปรียบนิสัยคนเวลาหลงละเริงในบางสิ่งจนคุมตัวเองไม่ได้

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เพลินจนลืมตัว เช่น กลัวต้องลมแล้วจะหาวเหมือนว่าวเหลิง

อาการที่หลงระเริงกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วเพลินจนลืมตัว กล่าวคือ คนที่หลงลืมตัวเพลิดเพลินมัวเมาไปกับบางสิ่งจนขาดสติ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยว่าวเหลิงลม

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตว่าวเหลิงลม

  • ผมเคยทำตัวเหลวแหลก ติดสุราการพนันราวกับว่าวเหลิงลม ขาดสติจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ยังดีที่ครอบครัวช่วยไว้ได้ทัน รู้สึกสำนึกผิดจะไม่กลับไปแตะต้องมันอีกเลย
  • พอได้อยู่ตำแหน่งรักษาการผู้บังคับบัญชาเข้าหน่อยก็ทำเป็นว่าวเหลิงลม หลงไหลได้ปลื้มไปกับอำนาจที่อยู่ในมือ
  • รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยต่างก็ใช้นโยบายประชานิยมผูกมัดใจด้วยการแจกเงินประชาชน จนประชาชนลุ่มหลง และ เคยชินเสมือนดั่งว่าวติดลม
  • หล่อนเป็นเด็กต่างจังหวัดเพิ่งจะได้เข้ามาอยู่ในเมืองกรุง แต่ไม่ทันไรก็กลายเป็นว่าวเหลิงลมมัวแต่หลงไปกับแสงสีในเมืองกรุง
  • “ว่าวเล่นลม ถูกเชิดชัก หูเบาเหลิง ถูกลมหวาน เหลิงลม ยักย้าย ลมปาก ชักใย ก็สมนัก หลายสถาน จะยากนาน ลอยไปมา ฯ” กลอนว่าวเหลิงลม

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยวุ่นเป็นจุลกฐิน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ว. วุ่นเป็นจุลกฐิน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยวุ่นเป็นจุลกฐิน

ที่มาของสำนวน มาจากการทำบุญทอดกฐินแบบจุลกฐิน เป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ และยุ่งยากมากๆ เพราะจะต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างให้สำเร็จเรียบร้อยภายในวันเดียว เริ่มตั้งแต่การปั่นฝ้ายให้เป็นด้าย และนำด้ายมาทอให้เป็นผ้าไตรจีวร ย้อมสี แล้วตัดเย็บให้เรียบร้อย แล้วนำมาถวายให้เสร็จสิ้นภายในเวลาที่จำกัด คือภายในหนึ่งวัน นับว่าเป็นการทำงานที่ยุ่งยากลำบากมากๆ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ชุลมุนวุ่นวายเพราะต้องรีบทำให้เสร็จทันเวลาตามที่กำหนดโดยเร็ว

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยวุ่นเป็นจุลกฐิน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตวุ่นเป็นจุลกฐิน

  • งานเลี้ยงบริษัทที่สำนักงานใหญ่ ต้องจัดการต้องวุ่นเป็นจุลกฐินแน่ๆ งานนี้
  • ที่เขาต้องวุ่นเป็นจุลกฐินแบบนี้เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่รีบทำงานเสียแต่เนิ่นๆ กลับรอให้ใกล้ถึงกำหนดส่งแล้วค่อยทำ
  • หน่วยงานของเราต้องทำงานวุ่นเป็นจุลกฐิน เพราะจะใกล้สิ้นปีงบประมาณแล้ว ต้องปิดงบให้เร็ว แล้วจะได้พักผ่อนกันไวๆ
  • ช่วงนี้ทุกฝ่ายต่างก็เร่งทำงานจนวุ่นเป็นจุลกฐิน เพราะได้รับคำสั่งเร่งด่วนให้เตรียมงานเลี้ยงต้องรับแขกผู้ใหญ่จากต่างประเทศ
  • จัดงานวัดวุ่นกันเป็นจุลกฐินเลย ทุกคนที่มาช่วยต่างต้องจัดให้เสร็จภายในหนึ่งวัน แทบจะลมจับกันเลยทีเดียว

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยสวยแต่รูป จูบไม่หอม ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ส. สวยแต่รูป จูบไม่หอม

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยสวยแต่รูป จูบไม่หอม

ที่มาของสำนวน ผู้หญิงเปรียบเหมือนดอกไม้หลากหลายชนิดต่างสีต่างพันธุ์ ดอกไม้บางชนิดสีสวยกลิ่นหอม นำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น จัดแจกัน ร้อยมาลัย ทำบุหงารำไป นำไปใช้อบผ้าหรือขนมให้กลิ่นหอม ดอกไม้บางชนิดมีสรรพคุณใช้ทำยาได้ แต่ดอกไม้บางชนิดสีสันสวยงามสะดุดตา แต่ไม่มีกลิ่นหอม ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้นอกจากดูเล่นเท่านั้น

จึงเปรียบเปรยกับผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม แต่ไม่มีสิ่งใดเป็นความดีความงามในตัวเลย ทั้งความรู้ ความสามารถ กิริยามารยาท หรือจิตใจที่ดีงาม ซึ่งมักถูกเปรียบเปรยกับดอกชบา

สมัยต้นรัตนโกสินทร์ปรากฏในกฎหมายตราสามดวงว่าใช้ดอกชบาสำหรับลงโทษและประจานผู้หญิงร้ายหรือผู้หญิงแพศยา ด้วยการโกนผมแล้วนำดอกชบามาทัดหูทั้งสองข้าง และร้อยดอกชบาแดงเป็นมาลัยสวมศีรษะและสวมคอ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนโบราณไม่นิยมใช้และมีอคติกับดอบชบา

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม แต่กิริยามารยาทและจิตใจไม่งดงามเหมือนหน้าตา

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยสวยแต่รูป จูบไม่หอม

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตสวยแต่รูป จูบไม่หอม

  • เป็นผู้ชายอย่าเลือกผู้หญิงที่หน้าตาเพียงอย่างเดียว ต้องดูนิสัยใจคอด้วย เดียวจะพลาดเจอผู้หญิงที่สวยแต่รูป แต่จูบไม่หอม เสียเวลา เสียเงินและเปลืองพลังงานชีวิต
  • เธอควรจะทำตัวให้มีคุณค่ามากกว่านี้นะ อย่าเป็นพวกสวยแต่รูปจูบไม่หอมแบบนี้คงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากจะแต่งงานด้วย
  • แพมหญิงสาวรูปร่างหน้าตาเธอก็สวยดี แต่มีกิริยามารยาท และอุปนิสัยไม่ดี เพราะแบบนี้จึงได้มีแต่คนพูดว่าเธอเป็นคนสวยแต่รูป จูบไม่หอมจริงๆ ใครได้เป็นเมียก็จะปวดหัวหน่อย
  • รูปร่างหน้าตาเธอก็สวยดีอยู่หรอกสมหญิง แต่ทำไมถึงได้มีนิสัยแย่ๆ ไม่เข้ากับหน้าตาเลย เพราะแบบนี้ถึงได้มีแต่คนว่าสวยแต่รูปจูบไม่หอม ผมแนะนำให้ปรับนิสัยโดยด่วน
  • หากผู้หญิงด้วยกันพูดถึงผู้หญิงด้วยกัน ว่าเป็นคนประเภท สวยแต่รูป จูบไม่หอม ก็ต้องพึงระวังหากเป็นคนใกล้ตัว เพราะมีแต่คนประเภทเดียวกัน จึงจะมองกันออก ว่าเป็นคนอย่างไร รู้ได้ทันทีว่าคบได้หรือไม่

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยสิบแปดมงกุฎ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ส. สิบแปดมงกุฎ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยสิบแปดมงกุฎ

ที่มาของสำนวน ในสมัยหนึ่ง มีนักเลงการพนันพวกหนึ่งซึ่งถือกันว่าเป็นนักเลงใหญ่หรือนักเลงชั้นยอด พวกนี้สักตรามงกุฎ จึงได้ชื่อว่าสิบแปดมงกุฎ หลังจากนั้นใครก็ตามที่เป็นนักเลงการพนัน แม้จะไม่ได้สักตรามงกุฎ ก็เรียกกันว่า สิบแปดมงกุฎ

คำว่า สิบแปดมงกุฎ เดิมทีหมายถึง วานร18มงกุฎ เป็นวานรที่มาจากสองเมืองคือ เมืองขีดขินของสุครีพ และเมืองชมพูของท้าวมหาชมพู วานรสิบแปดมงกุฏนี้แต่เดิมก็คือเทวดา 18 องค์ ที่อาสามาช่วยพระนารายณ์ตอนอวตารมาเป็นพระรามนั้นเอง วานรทั้ง18ตน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ผู้ที่มีเล่ห์เหลี่ยม ปลิ้นปล้อน หลอกลวง กล่าวคือ มิจฉาชีพหรือผู้ที่ทำมาหากินไม่สุจริตโดยใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายหลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยสิบแปดมงกุฎ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตสิบแปดมงกุฎ

  • เดี๋ยวนี้ต้องคอยระวังพวกสิบแปดมงกุฎที่อยู่ในคราบของผู้ดี มีเยอะโดยเฉพาะนักธุรกิจจอมปลอม นักการเมืองบางคน ฯลฯ
  • ชาวบ้านพากันไปแจ้งความที่ถูกพวกสิบแปดมงกุฏ หลอกขายรถยนต์ที่แท้เป็นรถที่เคยจมน้ำ รวมมูลค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
  • ทุกวันนี้ สิบแปดมงกุฎมิใช่สำนวนที่ใช้เรียกพวกนักเลงพนันเท่านั้น แต่ใช้เรียกพวกมิจฉาชีพทั้งหลาย เป็นสำนวนที่พบเห็นบ่อยมากตามสื่อมวลชนต่างๆ ซิ่งมีความหมายถึงพวกที่ยักยอก ต้มตุ๋น หลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อแล้วยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินผู้อื่นมาเป็นของตน
  • ไม่น่าเชื่อเลยรู้จักกันมาตั้งหลายปีจนสนิทกันไม่คิดว่าหล่อนจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ วางแผนตีสนิทเพื่อขายโฉนดที่ดินปลอมมาตั้งแต่ต้น
  • เธอต้องระวังให้ดีนะ พวกสิบแปดมงกุฎชอบเอาทองปลอมมาล่อให้หลงเชื่อ แล้วแลกเอาทองแท้ของเธอไป

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยสิบรู้ไม่เท่าชำนาญ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ส. สิบรู้ไม่เท่าชำนาญ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยสิบรู้ไม่เท่าชำนาญ

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงความรู้ต่อให้จะมีมากมายขนาดไหน ก็มิอาจสู้ความชำนาญ ความเป็นมืออาชีพได้ ถ้าไม่ได้ลงมือปฏิบัติจริงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนชำนาญ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือสื่อถึงการฝึกตน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ถึงแม้จะมีความรู้ทางทฤษฎีมากเพียงใด แต่ก็เทียบกับกับการลงมือปฏิบัติจนชำนาญงานไม่ได้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยสิบรู้ไม่เท่าชำนาญ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตสิบรู้ไม่เท่าชำนาญ

  • ช่างซ่อมเครื่องยนต์เก่งๆ ล้วนผ่านการซ่อมครั้งแล้วครั้งเล่า ลองผิดลองถูกจนชำนาญ โดยไม่พึ่งทฤษฏีเลย
  • ถึงฉันจะมีวิชาความรู้เกี่ยวกับการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่มันก็เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น สิบรู้ไม่เท่าชำนาญจะไปสู้ช่างที่เขาลงมือปฏิบัติอยู่ทุกวันได้อย่างไร
  • ผมเล่นดนตรีมาทั้งชีวิตต่อให้มีความรู้ด้านทฏษฏีมากแค่ไหน ถ้าไม่ลงมือปฏิบัติก็ไม่สามารถเล่นให้ได้ดีได้เลย ดนตรีเป็นเครื่องมือที่ใช้ทั้งความรู้แล้วความชำนาญพร้อมกัน เพราะอย่างนี้มันเลยยาก
  • เมื่อเธอเรียนรู้ทฤษฎีวิธีการเพาะปลูก รู้จักพันธุ์ไม้อย่างถ่องแท้แล้วก็ต้องลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง อย่างที่โบราณว่าสิบรู้ไม่เท่าชำนาญ
  • การมีความรู้มากไม่ได้หมายความว่าเก่ง แต่การกระทำต่างหากที่ส่งผลต่อตัวเรา การกระทำสำคัญกว่าคำพูด สิบรู้ไม่เท่าชำนาญ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยสูงเท่านกเขาเหิน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ส. สูงเท่านกเขาเหิน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยสูงเท่านกเขาเหิน

ที่มาของสำนวน มาจากนิทานชาดกเรื่องพระยากง – พระยาพาน

มีพญากงเป็นเจ้าเมืองนครชัยศรี มีพระมเหสีรูปโฉมงดงามเมื่อพระมเหสีทรงพระครรภ์ โหรหลวงได้ทำนายว่าจะได้พระราชโอรสเป็นผู้มีบุญ และจะได้เป็นใหญ่ภายหน้า แต่จะเป็นผู้ฆ่าพระราชบิดา เมื่อครบกำหนดพระมเหสีก็ประสูติพระกุมาร ขณะที่ข้าราชบริพารได้เอาพานไปรองรับ บังเอิญหน้าผากของพระกุมารกระทบขอบพานเป็นแผล พญากงได้สั่งให้นำพระกุมารไปทิ้งตามยถากรรม ยายหอมไปพบเข้าจึงนำไปเลี้ยงไว้ และ ตั้งชื่อว่า “พาน” ครั้นพานโตขึ้นยายหอมก็นำไปฝากให้เล่าเรียนที่วัดโคกยายหอม พานเป็นเด็กฉลาด สมภารวัดผู้เป็นอาจารย์จึงรักใคร่เอ็นดูมีวิชาอะไรก็สอนให้หมด

อาจารย์ได้นำพานไปฝากให้เข้ารับราชการกับพระยาราชบุรี ที่เมืองราชบุรี พานเป็นคนปัญญาดี เรียบร้อย และ ขยัน จึงเป็นที่โปรดปรานของพระยาราชบุรีมาก จนถึงกับรับไว้เป็นโอรสบุญธรรม สมัยนั้นเมืองราชบุรีขึ้นกับเมืองนครชัยศรี พระยาราชบุรีต้องส่งเครื่องบรรณาการทุกปี พญาพานเป็นผู้มีฝีมือในการรบ จึงชักชวนให้พระยาราชบุรีแข็งเมือง พญายาพานเป็นแม่ทัพออกไปรบกับพญายากง ทั้งสองทำยุทธหัตถีกัน

ในที่สุดพญากงก็ถูกฟันด้วยของ้าวคอขาดตายในที่รบ เมื่อพญายาพานเข้ายึดเมืองนครชัยศรีได้แล้ว ย่อมได้ทั้งราชสมบัติตลอดจนพระมเหสีของพญายากงด้วย แต่ในขณะที่จะเข้าไปหาพระมเหสีนั้น เทวดาได้แปลงกายเป็นแมวแม่ลูกอ่อนให้ลูกกินนมขวางประตูไว้ แล้วร้องทักเสียก่อน พญายาพานจึงได้อธิษฐานว่า ถ้าพระมเหสีเป็นแม่ของตนจริงก็ขอให้มีน้ำนมไหลซึมออกมา ก็เห็นน้ำนมไหลออกมาจริง จึงได้รู้ว่าทั้งสองเป็นแม่ลูกกัน

พญายาพานต้องทำปิตุฆาตฆ่าพระราชบิดา เพราะยายหอมปิดบังความจริงไม่บอกให้รู้ ด้วยโทสจริตเข้าครอบงำ และ กรรมนั้นบังตา ทำให้ขาดการยั้งคิด จึงสั่งให้นำยายหอมไปฆ่าเสีย ต่อมาด้วยความสำนึกผิด ที่ได้ฆ่าพระราชบิดาและยายหอมผู้มีพระคุณ จึงได้สร้างพระเจดีย์ขนาดใหญ่ สูงชั่วนกเขาเหิน คือองค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อเป็นการล้างบาปที่ฆ่าพระราชบิดาให้บรรเทาลงบ้างและสร้างพระประโทนเจดีย์ เพื่อล้างบาปที่ฆ่ายายหอม

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ อยู่ในระดับความสูงเท่าที่นกเขาบิน เป็นระยะความสูงที่สุดเท่าที่นกเขาจะบินได้ ว่าสูงเท่านกเขาเหิน หรือสูงชั่วนกเขาเหิน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยสูงเท่านกเขาเหิน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตสูงเท่านกเขาเหิน

  • การใช้ชีวิตด้วยการมองโลกในแง่ดีมีแต่ได้ดี ยิ่งถ่อมตัวยิ่งเหมือนสูงเท่านกเขาเหิน ยิ่งถ่อมตัวยิ่งขึ้นสูง ยิ่งหยิ่งจองหองยิ่งลงต่ำ
  • เพราะมนุษย์เรามีวิวัฒนาการ รู้จักการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆในการก่อสร้างอาคารสูง ทำให้ปัจจุบันมีตึกระฟ้าสูงเท่านกเขาบินอยู่เป็นจำนวนมาก
  • หมื่นพรหมสมพัตสรหรือเสมียนมี กวีศิษย์สุนทรภู่ ในสมัยรัชกาลที่ 3 บรรยายไว้ในนิราศพระแท่นดงรังว่า “พระประทมของบรมกษัตริย์สร้าง เป็นพระปรางค์ใหญ่โตรโหฐาน สูงเท่านกเขาเหินเกินทยาน พระยาพานก่อสร้างไว้ล้างกรรม เธอหลงฆ่าบิตุรงค์ทิวงคต เขารู้หมดเรื่องความไม่งามขำ เธอทำผิดคิดเห็นไม่เป็นธรรม จึงกลัวกรรมก่อสร้างพระปรางค์ทอง”
  • ตอนเด็กๆ ฉันเคยเล่นว่าวกับเพื่อนและพยายามจะปล่อยว่าวให้สูงเท่านกเขาบินแต่ก็ไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง
  • ผมและภรรยาเคยมากับครอบครัวตอนเด็กๆ ทั้งคู่ เราเลยอยากพาลูกมาไหว้พระและรู้จักสัญลักษณ์ของจังหวัดนครปฐม ผมเล่าถึงความสูงของยอดเจดีย์ว่าสูงเท่านกเขาเหิน ส่วนบริเวณรอบองค์พระปฐมเจดีย์มีรูปปั้นตุ๊กตาศิลาจีนขนาดพอๆ กับเด็กๆ และเจ้าลูกชายผมชอบตีระฆังในวัดมาก ไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยสูบเลือดสูบเนื้อ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ส. สูบเลือดสูบเนื้อ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยสูบเลือดสูบเนื้อ

ที่มาของสำนวน มาจากการดูดเอาเลือดออกมาจากร่างกาย ส่วนสูบเนื้อ เป็นสร้อยคำที่เพิ่มขึ้นมาให้ข้อความสละสลวยขึ้น เปรียบเปรยถึงเลือดเหมือนทรัพย์สินเอาเปรียบแม้กระทั่งหยดสุดท้าย ถึงแม้แทบไม่เหลืออะไรแล้วก็ตาม

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การเรียกเอาเงินหรือทรัพย์สินของผู้อื่นด้วยอาการขูดรีดหรือเอารัดเอาเปรียบอย่างยิ่ง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยสูบเลือดสูบเนื้อ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตสูบเลือดสูบเนื้อ

  • เมียสมชายติดการพนันอย่างหนัก สูบเลือดสูบเนื้อผัวจนหมดตัว แล้วทิ้งอย่างไม่ใยดี และไปกับผู้ชายคนอื่น สงสารสมชายจริงๆ เจอผู้หญิงแบบนี้
  • มันจะเกินไปแล้วนะนี่มันสูบเลือดสูบเนื้อชัดๆ เห็นเป็นนักท่องเที่ยวไม่ใช่คนในพื้นที่ถึงได้คิดราคาอาหารแพงมหาโหดขนาดนี้
  • แม่ค้าที่ชายหาดบางแห่งขายสินค้า และอาหารให้นักท่องเที่ยวไม่ว่าคนไทย หรือชาวต่างชาติอย่าวสูบเลือดสูบเนื้อ เอามากๆ เลย
  • ที่หล่อนยอมมาแต่งงานกับผู้ชายคราวพ่อเพราะหวังในสมบัติ คงจะมาสูบเลือดสูบเนื้อจนหมดแล้วก็ไป
  • ชาติอาหรับพิงหลังสหรัฐฯ ไล่ตะเพิดรัสเซีย เนื่องด้วยสูบเลือดสูบเนื้อซีเรีย ตัวการสุมไฟสงคราม

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ส. สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก

ที่มาของสำนวน คำว่า สันดอน เป็นคำนาม หมายถึงดินหรือกรวดทรายเป็นต้นซึ่งน้ำพัดเอามารวมกัน ปรากฏนูนยาวอยู่ใต้น้ำ ทำให้สูงเป็นสันขึ้น ส่วนคำว่า สันดาน เป็นคำนาม หมายถึง อุปนิสัยที่มีมาแต่กำเนิด เช่น มีสันดานดี มีสันดานเลว หากใช้ในภาษาปากมักใช้ไปในทางไม่สู้ดี เมื่อดูคำอธิบายทั้งสองคำแล้ว คงเห็นภาพกันชัดเจนขึ้นว่าที่โบราณเปรียบไว้นั้นเพื่อให้เห็นว่าการขุดลอกนำดินทรายที่มาทับถมอยู่ในน้ำออกไปทำได้ง่ายกว่าจะแก้อุปนิสัยที่มีมาแต่กำเนิด

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ สิ่งที่คนเราประพฤติปฎิบัติจนเคยชินติดเป็นนิสัยนั้นยากที่จะเปลี่ยนแปลง แก้ไข

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก

  • ภูเขาแม่น้ำยังเปลี่ยนได้ แต่สันดาน (คนเรา) ยากที่จะขยับ (ยากที่จะเปลี่ยนแปลง) ใกล้เคียงกับภาษาไทยว่า สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก
  • สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยากจริงๆ ขนาดฉันตักเตือนเรื่องการวางตัว การพูดจาในที่สาธารณะบ่อยๆ ก็ยังทำตัวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
  • สันดานของเขาเป็นเช่นนี้ อย่าไปถือเลย นี่แหละอย่างโบราณว่าสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยากจริงๆ
  • ยายแกติดการพนันมาตั้งแต่สาวๆ คงจะเลิกยากแล้วหล่ะ สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก ปล่อยแกไปตามเวรตามกรรม
  • ความประพฤติที่เคยชินเป็นพื้นมาในสันดาน เช่น ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จไปเทศน์โปรดผู้ใดจะต้องทรงพิจารณาถึงอุปนิสัยของผู้นั้นก่อน และยังหมายถึง ความประพฤติที่เคยชินจนเกือบเป็นนิสัย สันดอนมันขุดง่าย แต่สันดานมันขุดยาก

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยหมาจนตรอก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ห. หมาจนตรอก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยหมาจนตรอก

ที่มาของสำนวน มาจากธรรมดาธรรมชาติของหมา ถ้ามันสู้ไม่ได้มันจะหนีก่อน แต่เมื่อมันหนีแล้ว อีกฝ่ายยังขับต้อนมันอยู่ จนในที่สุดแล้วมันไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหน เพราะไม่มีทางออกได้ และ อีกฝ่ายยังขับไล่ต้อนมันอยู่ มันก็จะฮึดขึ้นมาสู้ชนิดที่เรียกว่าสู้อย่างสุดชีวิต ไม่คิดกลัวตาย

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่หันหน้าสู้สุดชีวิตเพราะไม่มีทางเลือก เมื่อจนตรอกหมดทางหนีทีไล่ก็สู้โดยไม่กลัวตาย ไม่คิดชีวิต

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยหมาจนตรอก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตหมาจนตรอก

  • เมื่อเขาตกอยู่ในวงล้อมของพวกอันธพาล ไม่มีทางหนีจะถอยก็ถอยไม่ได้เขาเลยสู้หมือนหมาจนตรอก สู้ไม่คิดชีวิตเหมือนกัน
  • สุนัขที่ถูกไล่ให้จนมุม กลายเป็น สุนัขจนตรอก ก็ย่อมจะหันหลังกลับมาสู้ ไม่ยอมแพ้ แม้จะรู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ตามที คนจนตรอกก็เช่นกัน แม้จะอยู่ในสภาพที่แย่ ชีวิตไม่มีทางไปแล้ว แต่หากถูกเบียดเบียน ถูกกดขี่ ข่มเหง ได้รับความเจ็บปวดทางใจอย่างที่สุด ก็ย่อมจะสู้จนตายกันไปข้าง เป็นเรื่องธรรมดา
  • ที่เขาต้องกลายเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตายก็เพราะถูกเจ้าหนี้ข่มขู่อย่างหนัก เมื่อหมดทางหนีจากความกลัวก็เลยกลายเป็นความแค้นจึงสู้เหมือนหมาจนตรอก
  • การต่อสู้กันทางการเมือง หรือเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์กัน จะค่อนข้างโหดร้าย แม้คู่แข่งจะมีสภาพเหมือน สุนัขจนตรอก หมดทางสู้แล้วก็ตาม อีกฝ่ายก็มักจะไม่หยุด ส่วนใหญ่ก็จะกำจัดให้สูญพันธ์ หรือหายไปจากโลกอย่างถาวรกันเลยทีเดียว
  • “เวลาสงครามอย่าบีบให้ศัตรูเป็นหมาจนตรอก ต้องให้ทางหนีทางหนึ่งไว้เสมอ เพราะถ้าเข้าตาจนพวกเขาจะสู้แบบไม่คิดชีวิต ทำห้เราเสียหายหนักได้” ตำราพิชัยศึกจากซุนวู

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยสันหลังยาว ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ส. สันหลังยาว

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยสันหลังยาว

ที่มาของสำนวน มาจากตำราดูลักษณะของโบราณกล่าวว่า สันหลังที่ดีนั้นจะต้องสั้น และคงจะเป็นที่สังเกตกันว่า คนที่มีสันหลังยาวมักจะเป็นคนที่ทำอะไรอืดอาด เอื่อยเฉื่อย ล่าช้า ลักษณะเหมือนคนไม่อยากทำงาน หรือทำอย่างไม่เต็มใจ เกียจคร้าน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนขี้เกียจวันๆ เอาแต่นอนไม่ยอมทำอะไร กล่าวคือ เรียกคนเกียจคร้านเอาแต่นอนว่า ขี้เกียจสันหลังยาว หรือใช้สั้นๆ ว่า สันหลังยาว ก็มี ขี้เกียจหลังยาว ก็ว่า

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยสันหลังยาว

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตสันหลังยาว

  • คนที่ไม่ค่อยจะขยับตัวทำการทำงานต่างๆ มักถูกตำหนิว่าเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่คนเหล่านี้ทำอยู่มากกว่าคนอื่น ก็คือการใช้ความคิดตัดสินใจว่าจะลงมือทำสิ่งต่างๆ ดีหรือไม่ และควรจะทำอย่างไรให้เปลืองแรงเปลืองเวลาน้อยที่สุด ซึ่งทำให้สมองเผาผลาญพลังงานไปมากกว่าคนอื่นๆ
  • เขาเป็นพวกขี้เกียจสันหลังยาว ไม่ยอมทำงาน เอาเปรียบคนอื่นจนทุกคนเอือมระอา
  • เธอเป็นนักเรียนอย่ามัวแต่นอนเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว ต้องหัดตื่นแต่เช้าๆอ่านตำรับตำราทบทวนบทเรียน
  • เป็นสาวเป็นนางอย่าเอาแต่นอน ทำตัวเป็นพวกขี้เกียจสันหลังยาว หันตื่นเช้าๆช่วยพ่อแม่ทำงานเสียบ้าง
  • ลูกเอ๋ยถ้าทำการบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จงช่วยพ่อแม่ทำงานภายในบ้านบ้าง อย่ามัวแต่ขี้เกียจสันหลังยาวอยู่เลย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube