สุภาษิตคำพังเพยเขียนเสือให้วัวกลัว ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. เขียนเสือให้วัวกลัว

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเขียนเสือให้วัวกลัว

ที่มาของสำนวนนี้คือ โบราณมาจากคนที่ขี้เกียจจะไปต้อนวัว จึงวาดภาพเสือเพื่อให้วัวกลัว ไม่กล้าออกจากคอก หรือตามธรรมชาติแล้ววัวเป็นสัตว์ที่กลัวเสือมาก แม้วัวจะมีรูปร่างใหญ่โตกว่าเสือก็ตามและวัวมักจะเป็นเหยื่อเสือเสมอ แต่ว่าการเขียนเสือให้วัวกลัวนั้นหมายถึงการขู่เพียงเท่านั้น ไม่มีตัวเสือจริงๆ หรือดูเป็นอันตรายจริงๆ การเขียนเสือให้วัวกลัวจึงเหมือนกับการหลอกเด็ก และไม่สามารถใช้ได้ผล เพราะว่าหากวัวได้คุ้นแล้ว สิ่งดังกล่าวก็ไม่ได้น่ากลัวด้วยซ้ำไป การเขียนเสือให้วัวกลัวนั้นจึงมักไม่ได้ผลนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้คือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียขวัญหรือเกรงขาม การข่มขู่อีกฝ่ายหนึ่งให้กลัว แต่สิ่งที่ขู่นั้นเป็นสิ่งที่ผู้ถูกขู่ไม่มีความกลัวสิ่งนั้นเลย เพราะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ที่ขู่อยู่แล้ว

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเขียนเสือให้วัวกลัว

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเขียนเสือให้วัวกลัว

  • ครูใหญ่ครับ การลงโทษหน้าเสาธงสำหรับนักเรียนที่ทำผิดระเบียบ นับว่าเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัวได้เป็นอย่างดีครับ
  • วันนี้ครูประจำชั้นบอกกับนักเรียนว่า พรุ่งนี้ถ้าใครไม่ทำการบ้านมาส่ง จะถูกทำโทษโดยการให้วิ่งรอบสนาม 100 รอบ เด็กๆ ได้ฟังก็ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด เพราะพวกเด็กนักเรียนรู้ทันว่า เป็นการเขียนเสือให้วัวกลัว
  • อย่ามาเขียนเสือให้วัวกลัวใส่ผมเลย เพราะผมไม่เคยเกรงกลัวคุณ คุณเป็นคนที่ปากอย่างใจอย่าง ถ้าเอาจริงเมื่อไหร่บอกมา ผมพร้อมเสมอ
  • ลุงศักดิ์มักจะข่มขู่พวกสุนัขจรจัดแถวหมู่บ้านเสมอ แต่หลังๆ มากลุ่มสุนัขพวกนี้ไม่มีความเกรงกลัวลุงศักดิ์เลย นี่มันเขียนเสือให้วัวกลัวชัดๆ ลุงศักดิ์คงต้องใช้ไม้แข็งกว่านี้แหละล่ะฃ
  • รปภ โรงเรียนชอบข่มขวัญเด็กนักเรียนที่ชอบเข้าแถวสายเป็นประจำ แต่ทุกวันนี้เด็กนักเรียนไม่กลัวด้วยซ้ำ ยังเข้าแถวสายเหมือนเดิม แบบนี้เขียนเสือให้วัวกลัวชัดๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม

ที่มาของสำนวนคือ “ตาหลิ่ว” ในที่นี้หมายถึงตาบอดข้างเดียว ไม่ได้หมายถึงการหลิ่วตา เปรียบเปรยว่าหากเราเข้าเมืองที่มีแต่คนตาบอดข้างเดียว แม้เราตาจะไม่บอด เราก็ต้องทำตาบอดข้างเดียวให้กลมกลืนไปด้วย

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ โบราณท่านใช้สอนให้เรารู้จักการปรับตัว เปลี่ยนแปลงตนเองให้เข้ากับสถานการณ์ การปฏิบัติตนให้เหมาะสม เข้ากันได้กับสภาวะแวดล้อมหรือสังคมที่เราอยู่ ไม่ทำตัวแปลกแยกจนกลายเป็นแกะดำหรือทำตัวขวางโลกสำหรับสังคมนั้นๆ เมื่อเราไปที่แห่งใดผู้คนส่วนใหญ่มีสังคมประเพณีอย่างไร ก็ให้ปฏิบัติตามให้สอดคล้องอย่าไปทำพฤติกรรมขัดแย้งกับเขา

แต่สำนวนนี้สอนให้ปรับตัวในทางที่ดี ไม่ใช่ว่าเราเข้ากลุ่มเพื่อนที่มีนิสัยไม่ดี เราต้องทำนิสัยไม่ดีไปด้วย แบบนั้นไม่ถูกต้องนะ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม

  • เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม หลายครั้งที่การเดินทางไปยังที่ใหม่ๆ มันสามารถเปลี่ยนความคิดของเราได้เสมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคน
  • เราไปอาศัยอยู่บ้านญาติก็ควรจะเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ซึ่งเขานิยมเข้าวัดเข้าวา ทำบุญตักบาตรอยู่เป็นประจำ เราก็ควรที่จะทำตามแบบเขาบ้าง ไม่ใช่คอยหลบหลีกไม่ยอมร่วมกิจกรรมกับเขา หรือพยายามพูดว่าสิ่งที่เขาทำอยู่เป็นสิ่งไม่ดีหรือไม่ควรทำ
  • สมชายถ้านายเดินทางไปอาศัยอยู่ต่างประเทศ ต้องเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตามนะ เพราะวัฒนธรรมที่นั่นกับบ้านเราไม่เหมือนกันเลย ต้องรู้จักปรับตัวเข้ากับสังคมบ้านเขา ไม่ใช่เอานิสัยบ้านเราไปใช้ อาจจะเกิดเรื่องเสียๆ หายๆ ได้นะ
  • คนเราไปอยู่ที่ไหนก็ต้องรู้จักปรับตัว ต้องรู้จักเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม เพราะการอยู่ในสังคมต้องอยู่ในกฏกติกาโดยรวม จะทำอะไรตามใจตนเองไม่ได้ เพราะมันอาจสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นได้นั่นเอง
  • ถ้ารู้ว่าสิ่งที่กลุ่มเพื่อนเราทำมันไม่ดีก็ไม่ต้องเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตามหรอก ให้เลี่ยงๆ หรือเลิกคบไปเลยก็ได้ มันไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นหรอก ชีวิตจะดีไม่ดีอยู่ที่ตัวเราเลือกทั้งนั้น เลือกคบคนดีก็มีแต่เรื่องดีๆ เลือกคบคนไม่ดีก็มีแต่เรื่องไม่ดี

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า หรือเข้าป่าอย่าลืมพร้า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า

ที่มาของสำนวนนี้คือ ในสมัยก่อนการเดินทางระหว่างเมือง ต้องผ่านป่าเขาลำเนาไพร ซึ่งยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก โดยเทียบเคียงจากความหมายของป่าที่หมายถึง ไร้อารยธรรม ไม่มีวัฒนธรรมอย่างสังคมเมือง หรือไร้ระเบียบ กฎหมายที่จะควบคุมถึง การเดินทางในป่าก็ต้องเตรียมพร้อมของที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นของกิน ผ้านุ่งผ้าห่ม กระบอกน้ำ ไฟ ยา อาวุธ รวมไปถึงมีดพร้า ซึ่งขาดไม่ได้ เพราะมีดพร้ามีไว้สำหรับแผ้วถางทางเดินให้สะดวก ใช้ตัดกิ่งไม้ทำฟืน เพื่อก่อไฟยามค่ำคืนป้องกันสัตว์ร้าย หุงหาอาหาร ใช้ในการล่าสัตว์เพื่อนำมาประกอบอาหาร ใช้ป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายและโจร

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ สำนวนนี้เรียกอีกอย่างคือเข้าป่าอย่าลืมพร้า (เถื่อน แปลว่า ป่า) โดยคนโบราณท่านนิยมใช้เตือนสติให้เป็นคนรอบคอบ ไม่ประมาท จะทำอะไรให้ตระเตรียมของให้พร้อม เมื่อถึงเวลาจำเป็นจะได้หยิบฉวยมาใช้ได้ทันที สำนวนนี้เข้าทำนองที่ว่า “เหลือดีกว่าขาด” นั่นเอง

จากสุภาษิตที่เขาเตือนคนในสมัยโบราณเวลาจะเดินทางเข้าป่า จนมาถึงในยุคปัจจุบัน ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก สุภาษิตนี้นำมาใช้ได้ เวลาจะเดินทางไปไหน ก็ต้องเตรียมเสื้อผ้า ยาประจำตัว สิ่งของเครื่องใข้ที่จำเป็น จะได้สะดวก จัดกระเป๋าเดินทางต้องรอบคอบ ต้องตรวจรายการว่าครบไม่ครบอย่างไร

ความจริงยังมีอีกหลายกรณีที่หากประมาทพลาดพลั้งถึงแก่พิการ และเสียชีวิต อีกหลายกรณีที่เกิดจากการไม่เตรียมพร้อม ไม่รอบคอบ ที่ทำให้คนมากมายต้องเสียใจ

จึงขอฝากท่านคิดพิจารณาไว้ว่า “เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า” ไม่ใช่สุภาษิตโบราณที่มีความหมายโบราณ แต่ความหมายนั้นทันสมัย ทันยุคเสมอ ถ้าเรานำมาใช้ให้เป็น ของดีๆ ที่เป็นภูมิปัญญาอย่างนี้ น่าส่งเสริมมาให้เด็กสมัยนี้ คนสมัยนี้ ได้เรียนรู้กัน และนำมาใช้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า

  • พ่อบอกว่า พรุ่งนี้ครอบครัวของเราจะพากันไปเดินป่า แล้วค้างแรมกันสองคืน แม่จึงบอกให้ลูกๆมาช่วยกันจัดเตรียมข้าวของให้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นเต้นท์ เสื้อผ้า เครื่องประกอบอาหาร ตลอดจนเครื่องใช้สอยอื่นๆที่จำเป็น เพราะถ้าเดินทางไปแล้วจะกลับมาเอาของไม่ได้
  • ก่อนจะเกินทางไกล เข้าป่าอย่าลืมพร้านะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมเอารถเข้าศูนย์ไปเช็คสภาพด้วย
  • เวลาเราจะทำอะไรเข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า เพราะบางอย่างถ้ายามจะใช้หรือต้องการมันจริงๆ ถ้าลืมละบรรลัยแน่นอน เพราะแบบนี้จึงห้ามประมาท
  • ผักต้มขนมยำ ปนเปไปไม่รู้พอ เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า ทุกแนวป่ามีภัยรอ ประมาทอาจทุกข์ท้อ ทุกข์การณ์ก่อต้องใคร่ครวญ ฝนตกอย่าเชื่อดาว ราวฟ้ากว้างกว่าเมฆกวน
  • จะทำอะไรให้รอบคอบทุกเรื่องในชีวิต ดั่งสำนวนที่ว่าเข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า ชีวิตเราจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเข้าตามตรอก ออกตามประตู ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. เข้าตามตรอก ออกตามประตู

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเข้าตามตรอก ออกตามประตู

ที่มาของสำนวนนี้คือ ตอนเข้ามาก็มาตามตรอกตามปกติ และเวลาออกก็ออกทางประตู ตามปรกติธรรมดาวิสัย ตรอก และประตู ก็คือทางเดินเข้าออกตามปรกติสามัญธรรมดาๆ ทั่วไปของบุคคลต่างๆ ไม่ใช่เข้าออกโดยทางอื่น ซึ่งผิดปรกติวิสัยของบุคคลธรรมดาๆ ทั่วไป คงเป็นผู้ไม่หวังดีอย่างแน่นอน

สรุปความหมายของสำนวนนี้ อ้างอิงจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 คือทําตามธรรมเนียมในเรื่องการสู่ขอ ชายหนุ่มกับหญิงสาวที่ต่างก็ผูกสมัครรักใคร่กัน ต่างก็ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่มีการละลาบละล้วงมือสั้นมือยาว รักษาวัฒนธรรมประเพณีที่มีมาตั้งแต่โบราณ เมื่อถึงเวลาก็มาสู่ขอกันตามขนบธรรมเนียมประเพณี สำนวนดังกล่าวเป็นสำนวนที่ใช้ในการเตือนใจผู้คนให้พึงระมัดระวังในการคบกัน เป็นการปรามไม่ให้ทั้งสองนั้นออกนอกลู่นอกทางชิงสุกก่อนห่ามจนทำให้ผู้ใหญ่เสียหน้าได้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเข้าตามตรอก ออกตามประตู

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเข้าตามตรอก ออกตามประตู

  • พ่อกับแม่ไม่ว่าหรอกนะถ้ารักใคร่ชอบพอกัน แต่ขอให้เข้าตามตรอกออกตามประตู ไม่เป็นที่นินทาของชาวบ้านก็พอแล้ว
  • หญิงสาวบอกกับชายหนุ่มว่า ถ้าเธอรักฉันจริงๆ ก็จงเข้าตามตรอก ออกตามประตู ไปบอกพ่อแม่ของเธอมาสู่ขอฉัน
  • นายหมีเป็นที่ชอบพอของครอบครัวฝ่ายหญิงเพราะดูแลลูกสาวเขาดี เข้าตามตรอกออกตามประตู ผู้ใหญ่ก็เลยสนับสนุน
  • การทำตามประเพณีโบราณเข้าตามตรอก ออกตามประตูเป็นข้อดีทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เพราะอย่างน้อยๆ ก็รู้ว่าทั้งคู่เป็นคนที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือได้
  • การทำตามประเพณีเข้าตามตรอก ออกตามประตูมันก็ดีเหมือนกันนะ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ศึกษาดูใจไม่ใช่แค่สองคน แต่เป็นครอบครัวฉันและเธอด้วย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเข้าด้ายเข้าเข็ม ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. เข้าด้ายเข้าเข็ม

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเข้าด้ายเข้าเข็ม

ที่มาของสำนวนนี้คือ การใช้เข็มเย็บผ้านั้น ก่อนจะเย็บต้องเอาด้ายเย็บผ้ามาใส่ในรูเข็มก่อน และการสนเข็มที่ต้องการสมาธิ จดจ่อแน่วแน่ ถึงจะสามารถสนด้ายเข้าไปในรูเข็มได้ หากมีอะไรมาขัดจังหวะ เพียงนิดเดียวก็จะไม่สำเร็จนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ อ้างอิงตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 คือระยะเวลาสำคัญที่กำลังจะทำอะไรเสร็จแหล่ไม่เสร็จแหล่ กำลังคับขันเวลากำลังสำคัญ หรือใกล้จะสำเร็จผล แต่หากมีสิ่งที่เข้ามาขัดจังหวะหรือทำผิดพลาดไปแม้แต่นิดเดียวก็จะเสียการทันที

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเข้าด้ายเข้าเข็ม

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเข้าด้ายเข้าเข็ม

  • อย่ามามั่วตอนนี่สิ เรากำลังทำงานอย่างเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่เลย
  • ขณะที่สมหมายกำลังยืนรอให้ฝ่ายบุคคลพิจารณาอนุมัติเงินเดือน ปรากฏว่ามีสายโทรศัพท์เข้ามา เมื่อฝ่ายบุคคลวางสายจีงแจ้งให้สมหมายฟังว่า ไม่สามารถขึ้นเงินเดือนให้ได้เพราะ เมื่อสักครู่สำนักงานใหญ่แจ้งมาว่าระยะนี้จะไม่มีการขึ้นเงินเดือน แต่จะให้พนักงานรอรับโบนัสแทน
  • ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของฟุตบอลคู่นี้ที่กำลังสูสี และทีมลิเวอร์พูลก็เสียจุดโทษในนาทีที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มซะด้วย นัดนี้สุดยอดจริงๆ
  • ช่วงเวลาการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของลูกค้าว่าจะเลือกซื้อสินค้าของใคร ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มของการปิดการขายของเซลล์จริงๆ
  • ช่วงสำคัญของผมช่วงหนึ่งในชีวิต คือการตัดสินใจซื้อหุ้นในช่วงกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม โดยบริษัทที่ขาดทุนหนัก เป็นอะไรที่ยากจะจินตการจริงๆ ความรู้สึกทั้งตื่นเต้น กลัวในเวลาเดียวกัน แต่แล้ววันนี้หุ้นบริษัทนี้ที่ซื้อไว้กลับมาทำกำไรได้เยอะกว่าเดิม นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกจริงๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเข็นครกขึ้นภูเขา ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. เข็นครกขึ้นภูเขา

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเข็นครกขึ้นภูเขา

ที่มาของสำนวนนี้คือ เปรียบเอาไว้เหมือนกับการเข็น กลิ้ง หรือดันให้ครก ซึ่งมีน้ำหนักมาก ให้ขึ้นไปบนภูเขาซึ่งมีความสูง เป็นสิ่งที่ทำได้ยากและลำบากยิ่ง เป็นสำนวนเก่าพูดกันมาแต่โบราณ เป็นที่เข้าใจกันดี คือไม่ว่าอะไรที่ทำยาก ปฏิบัติยาก หรือแนะนำสั่งสอนยากจนสิ่งนั้น เรื่องนั้นไม่อาจจะสำเร็จลุล่วงไปได้ง่าย

หรือเรียกสำนวนนี้อีกอย่างว่า กลิ้งครกขึ้นภูเขา

ความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 คือ การทำงานหรือทำอะไรที่ยากลำบาก เกินความสามารถของตน ต้องใช้ความเพียรพยายามและอดทนมากถึงที่สุด หรือบางทีก็เกินกำลังความสามารถหรือสติปัญญาของตน

สำนวนนี้มีความหมายคล้ายกับ พายเรือทวนน้ำ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเข็นครกขึ้นภูเขา

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเข็นครกขึ้นภูเขา

  • นี่คุณ การที่จะหายกเตียงชุดนี้ขึ้นชั้นสองมันหนักและเกินกำลังของเราสองคนนะครับ ยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา ผมว่าเราจ้างคนอื่นมาช่วยยกดีกว่า
  • งานนี้ยากมาก เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา พวกเราต้องใช้ความพยายามสูงมากๆ แล้วจะสำเร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้ได้
  • หัวหน้าครับ การระดมทุนเพื่อการเพิ่มทุนของบริษัทในภาวะเช่นนี้ยากมากนะครับ ยากซะยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาซะอีก
  • แม้ความพยายามครั้งนี้แม้มันจะยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขาก็ต้องทำให้ได้
  • พยายามให้กับคนที่ไม่ได้รักเราในแบบที่เราเป็น เหมือนดั่งเข็นครกขึ้นภูเขาโดยแท้ เพราะต่อให้ทำดีแค่ไหนก็ไม่วันสมหวัง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยขุดบ่อล่อปลา ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. ขุดบ่อล่อปลา

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยขุดบ่อล่อปลา

ที่มาของสำนวนคือ เป็นวิธีการหาปลาแบบภูมิปัญญาชาวบ้านแบบหนึ่ง วิธีนี้ชาวบ้านจะขุดบ่อตามริมฝั่งบึงที่ยังเป็นดินที่ยังไม่แข็งตัวมากนัก โดยการขุดเอาดินออกให้เป็นบ่อลึก และกว้างพอประมาณขนาดโอ่ง แล้วทำเป็นร่องน้ำเล็กๆ จากตัวบ่อไปถึงบึง แล้วนำดินโคลนเหลวๆ มายาไว้แนวตลอดระยะทาง เพื่อให้เป็นร่องน้ำที่ลื่น เมื่อเวลากลางคืนดึกๆ ไปจนถึงค่อนรุ่งน้ำค้างจะตกลงมารวมอยู่ในรางน้ำ และน้ำจะไหลลงไปสู่บึง ปลาที่อยู่ในบึงเมื่อได้กลิ่นไอน้ำใหม่ ธรรมชาติของปลา ปลาเป็นๆ จะว่ายทวนกระแสน้ำเสมอๆ ดังนั้นปลาจึงมุ่งมายังต้นน้ำ และจะกระเสือกกระสนไปตามรางน้ำที่ขุดล่อไว้ และท้ายที่สุดก็จะไปตกลงในบ่อที่ขุดไว้ ซึ่งเมื่อปลาลงมาติดอยู่ในบ่อแล้วจะจับได้ง่าย สรุปคือโบราณจึงเปรียบเทียบเอาไว้เหมือนการขุดบ่อเพื่อล่อให้ปลาเข้ามาอยู่อาศัยหรือเข้ามาติดกับดักนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 คือ ทำกลอุบายเพื่อให้ฝ่ายหนึ่งหลงเชื่อโดยหวังประโยชน์จากอีกฝ่ายหนึ่ง กล่าวคือการทำกลอุบายเพื่อหลอกลวงให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหลงเชื่ออย่างสนิทใจ โดยมุ่งหวังประโยชน์จากฝ่ายนั้น

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยขุดบ่อล่อปลา

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตขุดบ่อล่อปลา

  • เสี่ยต้มอยู่ในแวดวงการพนันมานาน เมื่อมีลูกค้ารายใหญ่ที่มีเงินหนา เสี่ยจะขุดบ่อล่อปลา ด้วยการให้เด็กๆของเสี่ยที่เป็นผู้หญิงเข้าไปออดอ้อนให้ลงเงินในวงการพนันทีละมากๆ หรือตอนเล่นเสียก็ให้ผู้หญิงพวกนี้คอยปลอบใจแล้วเชียร์ให้ยืมเงินกับเสี่ยมาเล่นใหม่จนหมดเนื้อหมดตัว
  • บริษัทคู่แข่งของเราอาจจะขุดบ่อล่อปลา เพื่อล่อหลอกให้เราหลงกลได้ เราจะทำอะไรต้องระมัดระวังเป็นอย่างดี และพิจารณาอย่างละเอียดรอบครอบ
  • เจ้านายครับ งานนี้เราชนะแน่นอน ขู่แข่งเราต้องพลาดงานนี้แน่นอน ผมขุดบ่อล่อปลาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
  • เราทำธุรกิจด้วยกลยุทธ์ขุดบ่อล่อปลา เพื่อผลประโยชน์ของบริษัทเราเอง มันอาจไมม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ
  • ผู้กองสมชายขุดบ่อล่อปลาให้โจรนามสมจิตมาติดกับหลักฐานการกระทำความผิด งานนี้ต้องชมผู้กองสมชายใช้ไหวพริบในการหลอกล่อโจรได้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยขุดด้วยปาก ถากด้วยตา ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. ขุดด้วยปาก ถากด้วยตา

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยขุดด้วยปาก ถากด้วยตา

ที่มาของสำนวนคือ เปรียบเปรยถึงการขุดเรื่องราวของเขามาพูดในทางที่ไม่ดี เพื่อให้เขารู้สึกเจ็บปวดจากคำพูดและถูกมองด้วยสายตาที่เหยียดหยามเหมือนโดนถูกมีดถาก

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เหยียดหยามทั้งวาจา และสายตามองแบบดูถูก มักใช้กับคนคุ้ยหรือค้นเอาเรื่องเก่ามาเปิดเผย หรือพูดจาทิ่มแทงให้เขาเสียหาย และมองด้วยสายตาเหยียดหยามไม่จริงใจ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยขุดด้วยปาก ถากด้วยตา

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตขุดด้วยปาก ถากด้วยตา

  • เขารู้สึกโกรธจนทำอะไรไม่ถูกเพราะ ถูกหญิงสาวที่เขาหมายปองมาตั้งแต่ยังเด็ก แสดงอาการเหยียดหยามถึงขนาดขุดด้วยปากถากด้วยจา
  • คุญนายบานเย็นเป็นเจ้าของตลาด ุกวันที่หล่อนออกไปเก็ยค่าเช่าแผงจะมีลูกน้องคอยติดตามเสมอ หากแม่ค้ารายใดไม่มีเงินจ่ายค่าแผง นอกจากหล่อนจะขุดด้วยปาก ถากด้วยตาแล้ว ยังให้ลูกน้องข่มขู่จนทำให้คนชังกันทั้งตลาด
  • หนุ่มน้อยลูกชาวนา โดนดูถูกคิดเลขไม่เป็น เปลี่ยนเป็นแรงฮึดจนสอบติดข้าราชการ เป็นหน้าเป็นตาแก่ครอบครัว ไม่สนพวกขุดด้วยปาก ถากด้วยตา “ความรู้ คือใบเบิกทางของชีวิต” เป็นประโยคที่หลายต่อหลายคนพิสูจน์แล้วว่าจริงในยุคนี้
  • คนจนอย่างเราคงไม่เป็นที่ต้อนรับในสังคม เพราะไม่ว่าจะไปไหนก็จะมีแต่คนรังเกียจถึงขนาดขุดด้วยปากถากด้วยตา
  • ชีวิตผมเคยโดนดูถูกมามากมาย แต่ที่เจ็บที่สุดคือญาติพี่น้องขุดด้วยปาก ถากด้วยตานี่แหละ ถ้าคนไกลตัวจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่คนใกล้ตัวเรา แต่ไม่เป็นไรผมจะเดินหน้าต่อไปและทำให้ดีที่สุด

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยขี่ช้างจับตั๊กแตน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. ขี่ช้างจับตั๊กแตน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยขี่ช้างจับตั๊กแตน

ที่มาของสำนวนคือ เป็นการเปรียบเปรยถึงลงทุนขี่ช้างเพื่อจับตั๊กแตน และการที่จะจับตั๊กแตนนั้น โดยปกติแค่เดินจับก็ได้ แต่หากขี้ช้างมาเพื่อจับตั๊กแตนก็จะดูยิ่งใหญ่แต่สิ่งที่ได้มานั้นแค่ตั๊กแตนตัวเล็ก เป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ไม่คุ้มค่ากับผลที่ได้รับตอบกลับมานั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 คือ ลงทุนมาก แต่กลับได้ผลนิดหน่อย กล่าวคือบุคคลที่ทำการลงทุนลงแรงหรือเวลาเป็นจำนวนมากจนเกินความจำเป็น เพื่อทำในสิ่งที่จะได้รับผลตอบแทนกลับคืนมาจำนวนน้อยนิดนั่นเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยขี่ช้างจับตั๊กแตน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตขี่ช้างจับตั๊กแตน

  • เช้าวันหนึ่งท้องฟ้าที่หม่นหมอง บนระเบียงหน้าบ้านไม้สักอันใหญ่โต ลุงรวยมองดูทุ่งหญ้ารวงทองผืน ใหญ่อยู่ตรงหน้าที่กำลังจะเก็บเกี่ยว ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ปีนี้เป็นปีแรกที่ข้าวราคาตกต่ำเป็นอย่างมาก เขาลงทุนกับนาผืนนี้อย่างมหาศาล ทั้งเลือกพันธุ์ข้าวอย่างดี ลงทุนจ้างรถไถนาแพงๆ มาลงกล้าปักดำ ใช้ปุ๋ยเกรด เอเพื่อบำรุงต้นข้าว เลือกสารเคมียี่ห้อดังมาจากในเมืองเพื่อกำจัดแมลง ลุงรวยลงทุนลงแรงไปไม่ใช่น้อย เพราะหวังว่าถ้าเก็บเกี่ยวข้าวเมล็ดงามผืนนี้ได้ เขาจะได้กำไรจากการขายข้าวอย่างมหาศาล ลุงรวยรู้สึกว่า ทั้งหมดที่ลงทุนลงแรงไปเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน หลังจากที่เขารู้มาว่าบางอย่างเขาไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปกับ นามากก็ได้ ชาวบ้านแถวนี้เขาก็ปักกล้า ดำนากันเอง ปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลงก็ทำเองจากธรรมชาติ ครั้งนี้เป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ที่ลุงรวยต้องเสียไป คราวต่อไปเขาบอกกับตัวเองว่า เขาจะไม่ทำเช่นนั้นอีกแล้ว ลุงรวยถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างแรงแล้วหันหลังกลับเข้าบ้าน
  • ยายเจิมมีลูกชายคนเดียวชื่อสมชาย เมื่อครั้งที่ลูกชายแกอายุสมควรแก่การบวชเป็นพระ แกเลยลงทุนจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างวงดนตรีชื่อดังจากต่างประทศมาแสดง จ้างหนังมาฉายในงานบวช เลี้ยงโต๊ะจีน ทั้งๆที่ลูกชายแกจะบวชเพียงแค่ 7 วัน
  • ท่านผู้การครับ เราลงทุนใช้เฮลิคอปเตอร์ เรือเร็ว และหน่วยปราบจราจลเพียงเพื่อจับโจรลักทรัพย์แค่สองคน ผมว่ามันไม่คุ้มนะครับ เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตนไม่มีผิด
  • การประชุมครั้งนี้เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน เสียงบประมาณไปมากมายแต่หาข้อยุติไม่ได้
  • สมชายลงทุนซื้อเครื่องงจักรเพื่อมาแพ็คสินค้า ซึ่งขายได้ไม่มากต่อวัน แบบนี้มันขี่ช้างจับตั๊กแตนแท้ๆ ทั้งๆ ที่เสียเวลาแพ็คเอง ก็ใช้เวลาไม่นาน ทำแบบนี้กิจการจะเจ๊งเอาในสักวัน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยขิงก็รา ข่าก็แรง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. ขิงก็รา ข่าก็แรง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยขิงก็รา ข่าก็แรง

ที่มาของสำนวนคือ เครื่องเทศอย่างขิงก็มีความเผ็ดร้อนเพียงพอ ที่จะต้านทานความฉุน และ ความเผ็ดร้อนอย่างรุนแรงของข่าได้ ทั้งขิง และข่าต่างก็มีรสฉุนรุนแรงด้วยกันทั้งคู่ ถ้านำทั้งขิง และ ข่ามาปรุงอาหาร จะทำให้รสชาติอาหารเผ็ดร้อนรุนแรงมากยิ่งขึ้น คนเราจึงไม่นิยมนำขิงกับข่ามาปรุงใส่อาหารร่วมกัน กล่าวคือรสชาดเผ็ดร้อนของขิงและข่า ซึ่งเผ็ดร้อนจัดจ้านพอๆ กันนั่นเอง

ความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 คือ ต่างคนต่างอารมณ์ร้อนพอกัน ต่างคนต่างไม่ยอมกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ถูกกัน ต่างไม่ยอมลดละกัน ไม่ยอมซึ่งกันและกัน เจอกันทีไรก็ทะเลาะกันอย่างรุนแรง คนสองคนที่มีบุคลิกลักษณะคล้ายๆ กัน มีความเก่งกาจพอๆ กัน มีอารมณ์ร้อนพอๆ กัน คล้ายดั่งสำนวน เกลือจิ้มเกลือ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยขิงก็รา ข่าก็แรง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตขิงก็รา ข่าก็แรง

  • ในบ้านในครอบครัว อาจจะมีพี่น้องบางคู่ ที่มีลักษณะ ขิงก็รา ข่าก็แรง พี่ก็ไม่ยอมน้อง น้องก็ไม่ยอมพี่ ทะเลาะกัน เถียงกัน มีปัญหา กัน เป็นที่ปวดหัวของพ่อแม่หรือคนในครอบครัว ในห้องเรียน ที่ทำงาน หมู่บ้าน ก็เช่นกัน อาจจะมีคนที่มีปัญหากัน ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ไม่มีใครยอมใคร
  • คุณยายเล่าให้ฉันฟังว่าสมัยก่อนคุณตากับคุณยายคุยกันไม่ค่อยลงรอย เจอกันทีไรเป็นต้องทะเลาะกัน ยิ่งสมัยก่อนคุณยายห้าวมาก แทบจะต่อยกันเลยทีเดียว คุณตาก็ใช่ย่อย เรียกได้ว่าขิงก็รา ข่าก็แรง แต่สุดท้ายมารักกันแล้วก็มีคุณแม่ของฉัน
  • อย่ามีเรื่องกันเลย ขิงก็รา ข่าก็แรง ไม่มีใครยอมใคร เดี๋ยวปัญหาจะยิ่งบานปลายมากขึ้นไปอีก
  • สามีภรรยาคู่หนึ่งมีเรื่องที่ต้องทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่เป็นประจำจนชาวบ้านเอือมระอา เนื่องมาจากต่างคนต่างเชื่อความคิดของตน คิดแต่ว่าฉันถูกเธอผิด ไม่มีใครยอมกัน คู่นี้มันขิงก็รา ข่าก็แรงชัดๆ
  • ตำรวจกับผู้ชุมนุมทั้งสองฝายต่างไม่ยอม แบบนี้ขิงก็รา ข่าก็แรงชัดๆไม่มีใครยอมมาเจรจากันมีแต่ใช้กำลังในการทำร้ายกัน เป็นอย่างนี้ไม่ดีแน่

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube