สุภาษิตคำพังเพยตักน้ำรดหัวตอ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ตักน้ำรดหัวตอ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยตักน้ำรถหัวตอ

ที่มาของสำนวนนี้คือ ตอไม้ที่ตายแล้วเมื่อเราเอาน้ำไปรด มันก็ย่อมไม่เติบโตแล้ว จึงใช้เป็นสำนวนเปรียบเทียบถึงการแนะนำสั่งสอนอย่างไรก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ไม่มีประโยชน์อะไรเลยในการสั่งสอน

สรุปความหมายของสำนวนนี้คือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ แนะนำเท่าไร พร่ำสอนเท่าไร ก็ไม่ได้ผล นิยมใช้กับคนที่รับรู้อะไรยาก สอนยากสอนเย็น สอนเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักจำ อาจจะเพราะหัวไม่ดีหรือเพราะความดื้อรั้นไม่ยอมรับรู้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยตักน้ำรดหัวตอ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตตักน้ำรดหัวตอ

  • ยายชดช้อยพยายามที่จะอบรมสั่งสอนหลานชายไม่ให้เที่ยวกลางคืน แต่หลานชายยังคงไปเที่ยวกลางคืนอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เพื่อนบ้านพูดกับยายว่าพร่ำสั่งพร่ำสอนไปเถิดหลานยายไม่เคยฟังเลยเหมือนตักน้ำรดหัวตอ
  • คนพวกนี้มั่นใจในตัวเองสูง รั้น ไม่ฟังใคร พูดไปก็เหมือนตักน้ำรดหัวตอ ไม่พูดดีกว่า
  • หลวงตาพร่ำสอนเด็กวัดทุกวันว่าให้เขารู้จักขยันเล่าเรียน อย่าเกเร เมื่อโตขึ้นจะได้สบาย เด็กทุกคนทำตามคำสอนของหลวงตา ยกเว้นเจ้าจุกที่ไม่ทำตามคำสั่งสอน ทำให้เจ้าจุกเรียนหนังสือไม่จบ ไม่มีงานทำดีๆ เหมือนเด้กวัดคนอื่นๆ
  • คุณอย่าไปตักน้ำรดหัวตอเลย เพราะพูดไปเขาก็ไม่ฟัง เสียเวลาเปล่า ต้องปล่อยให้เขาเห็นผลเสียที่จะตามมาซะบ้าง
  • จะสอนคนต้องสอนคนที่มีหัวก้าวหน้า ไม่ใช่สอนคนที่ติดกับความคิดเดิมๆ แถมหยิ่งผยองจองหองอีก เหมือนกับตักน้ำรดหัวตอชัดๆ แบบนี้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยตกกะไดพลอยโจน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ตกกะไดพลอยโจน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยตกกะไดพลอยโจน

ที่มาของสำนวนนี้คือ โบราณโดนเรือนไทยในสมัยก่อนมักจะมีบรรไดทุกบ้าน เปรียบเปรยถึงการกระทำที่ผิดพลาดกับการตกกระได คนที่ก้าวลงบันได(กระได)แล้วพลาดจะตก ก็เลยกระโจนตามไปดีกว่าที่จะฝืนล้มแล้วจะเจ็บหนักกว่า

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ จําเป็นที่จะต้องยอมเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่มีทางเลี่ยง เมื่อพลาดไปแล้วก็ยอมเลยตามเลยเพื่อไม่ให้เสียเชิง และมักจะสื่อไปในทางที่มีผลกระทบไม่ดีเกิดขึ้น

นิยมใช้เปรียบเทียบเมื่อเราต้องอยู่ในภาวะจำยอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการแบบคาดไม่ถึง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยตกกะไดพลอยโจน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตตกกะไดพลอยโจน

  • ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปทะเลาะวิวาทกับใคร แต่ตกกระไดพลอยโจนไปอยู่ในกลุ่มที่เคยมีเรื่องก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับเพื่อนต่างสถาบัน
  • นายหนุ่มซื้อของไปให้ป้าซึ่งกำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่ พอดีกับที่ตำรวจบุกเข้าจับ ทำให้นายหนุ่มต้องวิ่งหนีไปกับเขาด้วย ถ้าไม่วิ่งก็ต้องโดนตำรวจจับข้อหาเล่นการพนันไปด้วย
  • เขาตกกระไดพลอยโจน ต้องมาทำตัวเป็นสายสืบให้ตำรวจเนื่องจากไปรู้ข้อมูลบางอย่าง ของผู้ก่อการร้าย
  • นายสมัครช่วยชาวบ้านต่อต้านพวกนายทุนที่เข้ามาตัดไม้ทำลายป่าอย่างแข็งขัน จนชาวบ้านเห็นความตั้งใจและสนับสนุนให้ลงสมัครเป็นกำนัน ทั้งๆที่นายสมัครไม่ได้สมัครใจเลย แต่ก็หนีไม่ออก เพราะถ้าไม่รับก็ไม่มีใครทำหน้าที่นี้
  • ในบทเสภาขุนช้างขุนแผน ตอนพลายงามได้นางศรีมาลา กล่าวถึงขุนแผนที่พยายามป้องกันไม่ให้พลายงามเข้าหานางศรีมาลาแล้ว แต่ไม่สำเร็จจึงต้องยอมเลยตามเลยพูดสู่ขอนางให้กับพลายงาม ดังคำประพันธ์ว่า “ครานั้นขุนแผนแสนสนิท นิ่งคิดใคร่ครวญดูถ้วนถี่ การทั้งปวงล่วงเลยถึงเพียงนี้ จะทิ้งไปไม่ดีเป็นเนรคุณ อองามก็หลงจนงงงวย ไม่ช่วยไปข้างหน้าจะว้าวุ่น ตกกระไดพลอยโผนโจนตามบุญ ทำเป็นหุนหันโกรธเจ้าพลายงาม”

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยดีดลูกคิดรางแก้ว ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. ดีดลูกคิดรางแก้ว

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยดีดลูกคิดรางแก้ว

ที่มาของสำนวนนี้คือ ลูกคิดคืออุปกรณ์คำนวณที่ชาวจีนมักใช้คิดคำนวณเวลาค้าขาย ดังนั้นในที่นี้ดีดลูกคิดลูกคิดหมายถึงผลประโยชน์กำไร ส่วนแก้วหมายถึงของมีค่า ความมั้งคั่ง สรุปแล้วมันเป็นลูกคิดที่เป็นของดีมีค่ามีราคามูลค่าที่สูงนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้คือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คิดถึงผลที่จะได้ทางเดียว คิดรอบคอบถี่ถ้วนแต่เล็งถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับอย่างเดียว ไม่ยอมเสียเปรียบใคร

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยดีดลูกคิดรางแก้ว

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตดีดลูกคิดรางแก้ว

  • เฮียรุ่งขายน้ำชากาแฟอยู่ที่ในเมือง ไม่ว่าจะเป็นอะไรแกก็คิดเป็นเงินเป็นทองเสียทุกอย่าง ใครไม่มีเงินจ่ายก็ต้องเอาสิ่งของมาแลก บางครั้งแกก็เอาน้ำชาที่ลูกค้ากินไม่หมด มารวมๆกันแล้วนำมาขายต่อ
  • หลังจากดีดลูกคิดรางแก้วแล้ว ผมว่าจำนวนเงินที่ต้องจ่ายไปนั้นคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม รับรองว่าผลที่ได้รับกลับมานั้นดีเกินคาด
  • ชาวนายุคใหม่ดีดลูกคิดรางแก้ว ก่อนการผลิต รู้ต้นทุนการผลิต เหลือแต่ราคาขาย ทุกวันนี้ก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่งตรงที่รัฐบาลประกันราคา
  • คนเป็นพ่อค้าเขาดีดลูกคิดรางแก้วมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วหล่ะ ถ้าลงทุนแล้วเขาไม่ได้กำไร ก็คงจะไม่ทำให้เหนื่อยเปล่า
  • สมชายไม่ยอมเสียเปรียใคร เขาเป็นคนดีดลูกคิดรางแก้วเสมอ ทำให้สร้างฐานะร่ำรวยได้กว่าคนอื่นในรุ่นๆ เดียวกัน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ซ. ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ

ที่มาของสำนวนนี้คือ ในช่วงฤดูทำนา ชาวนาสมัยก่อยจะใช้ควายในการไถนา หากเราจะไปขอซื้อความยในช่วงนั้นคงจะหาซื้อได้ยาก และมีราคาแพงมาก จึงสามารถตีความหมายได้ว่า เป็นการกระทำที่ไม่ถูกเวลา

เปรียบเปรยถึงการที่จะซื้อควายในช่วงที่เป็นฤดูไถนา ราคาควายก็จะแพงกว่าช่วงที่ไม่ใช่ฤดูไถนา หรือในช่วงเทศกาลตรุษไทยตรุษจีน คนนิยมซื้อเสื้อผ้าให้กับเด็ก ช่วงนั้นผ้าจะมีราคาแพงกว่าปกติ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การกระทำใดๆ ที่ไม่ถูกเวลา หรือซื้อของไม่ดูฤดูกาล ทำให้ได้ของที่มีราคาแพงกว่าปกติมาก หรือซื้อของแพงโดยไม่จำเป็น ย่อมได้ของแพง ทําอะไรไม่เหมาะกับกาลเวลา ย่อมได้รับความเดือดร้อน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ

  • การรู้จักจับจ่ายใช้สอย ไม่ ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ จะซื้อสินค้าใด ก็รู้จักเลือกช่วงเวลา รู้จักหักห้ามใจ รอเวลาที่เหมาะสม ก็จะได้ของถูกกว่า ประหยัดเงินมากกว่า การซื้อสินค้าในช่วงเทศกาล
  • เธอซื้อมาทองช่วงเทศกาลตรุษจีนแบบนี้ ก็แพงนะซิ เพราะใครๆ เขาก็ซื้อกัน อย่างที่โบราณว่าอย่าซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าหนาว ถ้ารู้ว่าต้องใช้ทำไมไม่เตรียมการไว้ล่วงหน้า
  • นายน้อยรู้อยู่แล้วว่าเสื้อกันหนาวของตนนั้นไม่อยู่ในสภาพที่จะใส่ต่อไปได้ ซึ่งเสื้อกันหนาวมีวางขายทั่วไป สามารถซื้อหาได้ทันที แต่นายน้อยก้โอ้เอ้ไม่ใส่ใจ รอจนเข้าหน้าหนาวถึงจะไปเดินเลือกซื้อ ซึ่งต้องซื้อในราคาที่แพงกว่าช่วงอื่นๆ
  • บางคนมีนิสัยชอบใช้จ่ายไม่รู้จักคิด อยากซื้ออะไรก็ซื้อ บ่อยครั้งที่ซื้อแบบ ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ ไม่ดูช่วงเวลา ทำให้ได้สินค้าที่มีราคาแพง เพราะเป็นช่วงที่สินค้าได้รับความนิยม ขาดตลาด จึงมีราคาสูง แต่หากซื้อในช่วงที่ตลาดไม่นิยม สินค้าก็จะไม่แพงมาก
  • บางครั้งของจำเป็นก็ควรซื้อติดบ้านไว้แต่เนิ่นๆ ถึงไม่ได้ใช้ แต่ถ้าจะใช้ขึ้นมาอาจเป็นเหมือนซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษได้ ทำให้เราได้ของแพงกว่าปกติ ดังนั้นซื้อตอนปกตินี่แหละดีสุด

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยซื่อเหมือนแมวนอนหวด ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ซ. ซื่อเหมือนแมวนอนหวด

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยซื่อเหมือนแมวนอนหวด

ที่มาของสำนวนนี้คือ ปกติแมวจะมีอาการซึมเซาง่วงนอนในเวลากลางวัน และมักจะนอนขดอยู่ในที่แคบๆ เช่นในหวด  (หวดคือภาชนะสำหรับนึ่งข้าวเหนียวในสมัยโบราณ) ในซอกตู้ แต่พอถึงเวลากลางคืน แมวก็จะปราดเปรียวว่องไว เพราะเป็นเวลาออกหากิน เวลาแมวนอนในหวด ตัวจะคดไม่ตรง จึงนำมาพูดเปรียบเทียบคนที่คดว่า ซื่อเหมือนแมวนอนหวด

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ทำเป็นซื่อๆ ใสๆ ซื่อแต่ซ่อนความเจ้าเล่ห์หรือความปราดเปรียวไว้ภายใน จึงมักจะใช้เป็นคำพูดในเชิงประชด

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยซื่อเหมือนแมวนอนหวด

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตซื่อเหมือนแมวนอนหวด

  • วันนี้มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งย้ายเข้ามาใหม่ หน้าตาน่ารัก ดูแล้วไม่มีพิษภัย พวกเราจึงชวนให้เข้ามาอยู่กลุ่มเดียวกัน ไม่นานก็ได้รู้ถึงความเห็นแก่ตัว นิสัยไม่ดีชอบยุยงของเด็กคนนี้ ซึ่งไม่เหมือนกับหน้าตาของเธอเลย ตรงกับสำนวนไทยที่ว่าซื่อเหมือนแมวนอนหวด
  • เธอว่าหัวหน้าเป็นคนซื่อหรือ ซื่อเหมือนแมวนอนหวดน่ะซิ ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน
  • รับพนักงานใหม่ต้องระวังหน่อยนะ อย่าเผลอไปเลือกพวกซื่อเหมือนแมวนอนหวดเข้าละ
  • ใสๆ ซื่อๆ เหมือนแมวนอนหวดจริงนะเธอ เวลาอยู่ที่ทำงานน่ะเรียบร้อยมาก เวลาเที่ยวนี่ปล่อยตัวเลยนะ
  • สังคมสมัยนี้ต้องดูคนดีๆ คนบางคนนี่ทำตัวซื่อเหมือนแมวนอนหวดจริงๆ ภายนอกอีกอย่าง ภายในอีกอย่าง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยชุบมือเปิบ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ชุบมือเปิบ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยชุบมือเปิบ

ที่มาของสำนวนนี้คือ มาจากวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนไทยสมัยก่อนที่ใช้มือในการรับประทานอาหารก่อนจะมีช้อน ส้อม เรียกว่า “เปิบ” มีความหมายว่า ใช้ปลายนิ้วหยิบข้าวเข้าปากตนเอง ก่อนเปิบข้าว ต้องเอามือชุบน้ำให้เปียก เป็นการทำให้มือสะอาดก่อนหยิบข้าว และเพื่อไม่ให้ข้าวติดมือเวลาเปิบข้าวเข้าปากด้วย คนที่พอมาถึงก็ลงนั่งชุบมือเปิบข้าวกิน โดยไม่ยอมมีส่วนในการหาอาหาร ประกอบอาหาร หรือตั้งสำรับอาหาร เป็นคนที่เอาเปรียบคนอื่นนั่นเอง

ชุบมือเปิบมาจากวัฒนธรรมการเปิบข้าว

“เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน”

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ใช้หรือตำหนิคนที่ฉวยโอกาสเอาประโยชน์หรือผลสำเร็จที่คนอื่นทำไว้มาเป็นของตน หรือขอมีส่วนร่วมในผลสำเร็จนั้นโดยที่ตนไม่ได้ช่วยลงแรงด้วย เพราะไม่ได้ช่วยหรือมีส่วนในการประกอบอาหารเพื่อรับประทาน เพียงเเต่ชุบมือเเล้วเปิบข้าวรับประทานทันที ซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้อื่นนั่นเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยชุปมือเปิบ

 

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตชุบมือเปิบ

  • โครงการนี้ที่จริงเราก็ช่วยกันคิด อยู่ ๆ เขาก็ชุบมือเปิบเอาไปเสนอหัวหน้าว่าเป็นความคิดของเขา
  • ผมตั้งใจกับงานนี้มาก ลงมือทำเองทุกอย่างแต่สุดท้าย แต่สุดท้ายเขาก็มาชุบมือเปิบ เอาไปเป็นผลงานของตัวเองหน้าตาเฉย
  • รายงานชิ้นนี้เราสองคนช่วยกันทำ พอทำเสร็จเขาก็จะมาขอลงชื่อว่าได้ร่วมทำงานด้วย อย่างนี้เรียกว่า ชุบมือเปิบ
  • สิ่งใดก็ตามที่เป็นเงินเป็นทอง หรือมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ย่อมจะต้องมีคนเข้ามา ชุบมือเปิบ แสวงหาผลประโยชน์ด้วยเช่น กัน จึงต้องระวังหาทางป้องกันให้ดี
  • ณัฐกับโอเล่สนิทกันทำธุรกิจด้วยกัน จนเติบโต อยู่มาวันหนึ่งสมชายมาขอร่วมธุรกิจกับณัฐ ที่สร้างมากับโอเล่สองคน ณัฐเห็นว่าสมชายเป็นคนสนิทจึงไม่อาจปฏิเสธได้ แบบนี้สมชายนี่มาชุบมือเปิปชัดๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยชี้นกบนปลายไม้ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ชี้นกบนปลายไม้

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยชี้นกบนปลายไม้

ที่มาของสำนวนนี้คือ ชี้นก คือการแสดงอาการอยากจะได้นก ส่วน ปลายไม้ หมายถึง อยู่ไกลสุดเอื้อม เปรียบดั่งการเห็นนก แต่ทำได้แค่ชี้ ไม่มีทางที่จะจับถึงตัวนก ทำได้แค่มองเท่านั้นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ หวังในสิ่งที่อยู่ไกลตัว มันเป็นไปได้ยาก เป็นการคาดหวังหรือใฝ่ฝันในสิ่งที่อยู่ไกลตัวมาก เกินที่จะเอื้อมถึง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยชี้นกบนปลายไม้

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตชี้นกบนปลายไม้

  • ทำไมเธอถึงไม่ขยันทำมาหากิน วันๆเอาแต่หวังว่าจะลูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 แบบนี้ก็เหมือนกับชี้นกบนปลายไม้
  • เมื่อวานนี้สมชายดูการถ่ายทอดสดการประกวดนางสาว ณ สยาม กับเพื่อนๆ มีผู้เข้าประกวดหลายคนที่สวยถูกใจสมชาย เขาคอยเชียร์และส่งกำลังใจไปให้พวกเธอ เขาหวังว่าสักวันจะได้พูดคุยและขอเธอแต่งงาน
  • คุณควรจะหวังในสิ่งที่เป็นไปได้ดีกว่านะ มัวแต่ชี้นกบนปลายไม้หวังว่าจะได้แต่งงานกับลูกสาวเศรษฐี แค่สังคมของเขากับเราก็ต่างกันแล้ว
  • ชี้นกบนปลายไม้ วาดหวังไกลเกินลิขิต เปรียบคนก่นแต่คิด หวังสูงมากยากดังหวัง เข็นครกขึ้นภูเขา แบกรับเอาตามคำสั่ง งานยากเกินกำลัง ยากเห็นผลต้องทนทำ
  • อย่างน้อยการชี้นกบนปลายไม้ก็เหมือนหวังไปดวงจันทร์ แม้จะไม่ถึงดวงจันทร์ แต่คุณก็อยู่ท่ามกลางดวงดาว

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิด ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิด

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิด

ที่มาของสำนวนนี้คือ เปรียบเปรยถึงช้างเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ เวลาล้มตายกลับเอาใบบัวใบเล็กๆ มาปิด ปิดยังไงก็ปิดไม่มิดเพราะขนาดมันต่างกันมาก เปรียบเสมือนคนทำอะไร แต่คนอื่นก็รู้กันไปแล้วนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การทำความชั่วหรือความผิด ร้ายแรงซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะพยายามกลบเกลื่อนปิดบังอย่างไรก็ปิดไม่มิด ต้องมีผู้รู้เข้าจนได้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิด

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิด

  • ฉันเตือนเธอแล้วใช่ไหมว่าให้ยอมรับผิดในสิ่งที่ทำตั้งแต่แรก ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวปิด จะปิดยังไงก็ไม่มิดหรอก
  • โคลงสี่สุภาพประจำภาพในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามอธิบายความหมายว่า ช้างใดตายกลิ้งอยู่ ทั้งตัว อุตริเก็บใบบัว ปิดไว้ ความร้ายกาจน่ากลัว ฟุ้งเฟื่อง เสียทรัพย์เฟื่องไพให้ สงบฟุ้งฤๅฟัง
  • ทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้เขายังจะกล้าทำกลบเกลื่อน ซ่อนหลักฐาน คิดว่าไม่มีคนเห็น ก็เหมือนช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวปิดนั่นแหละ
  • ถ้าทำเรื่องไม่ดียังไงก็จะมีคนรู้ คนเห็นเข้าสักวัน เหมือนกับสำนวนที่ว่าช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิดจริงๆ
  • สมชายทำเรื่องใหญ่ที่เป็นข่าวมากมาย แต่กับแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ทั้งที่มีหลักฐาน และผู้คนก็รู้ นี่เหมือนกับช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิดเลย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม

ที่มาสำนวนนี้คือมาจาก “พร้า” คือ มีดใหญ่โบราณใช้เป็นเครื่องมือสำหรับฟัน ในการตีมีดแต่ละครั้งจะต้องใช้เวลานาน โดยค่อยๆ ตีเหล็กที่ร้อน ทีละน้อยจนกว่า จะได้ใบมีดที่บาง คม และสวยงาม สำนวนนี้บำงทีใช้ว่า “ช้ำๆ ได้พร้าสองเล่มงาม

สำนวนนี้มีในนิทานพื้นบ้านว่า

“ว่าช้าช้าจะได้พร้ำสองเล่มงำม หรือเนื้อความขวางไว้ให้นางแขวน มิใช่ไม้ปักเลนเอนคลอนแคลน เห็นผัวเปรี้ยงก็จะแปร้นพิไรพลอย”

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ พิจารณาให้ดี รอบคอบ ไม่รีบร้อน เดี๋ยวจะสัมฤทธิ์ผลสำเร็จด้วยดี

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยช้าๆ ได้พร้าสองเล่มงาม

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม

  • หมู่บ้านเทียนหอม เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในเรื่องกำรแกะสลักเทียนที่โด่งดังไปทั่วประเทศ อีกไม่กี่ เดือนจะใกล้ถึงวันออกพรรษา ทำงจังหวัดได้จัดงำนประเพณีงำนออกพรรษาและมีการประกวดเทียนพรรษาที่ มีความสวยงามด้วย ลุงโย่งผู้ชำนาญในกำรแกะเทียนประจำหมู่บ้ำน กำลังง่วนอยู่กับกำรแกะเทียนกับลูกน้อง อีกสองสามคน ไอ้เปี๊ยกลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้นว่ำ “ลุง ฉันว่าเรำคงต้องรีบกันหน่อยกันไหมอ่ะลุง อีกไม่กี่เดือนก็ จะใกล้ถึงวันประกวดต้นเทียน” ลูกน้องอีกคนจึงพูดว่ำ “ฉันก็ว่าอย่างนั้นนะลุง ฉันได้ยินมาว่าหมู่บ้านดอกโสน กำลังเร่งรีบแกะเทียนใกล้เสร็จเต็มที” ลุงโย่งลุกขึ้นจากการนั่งแกะเทียนแล้วเดินไปเอาขันกินน้ำ “ข้ำไม่สนใจ หรอก พวกเอ็งไม่เคยได้ยิน ช้ำๆ ได้พร้าสองเล่มงามหรือไง ไม่ต้องเร่งรีบจนเกินไปหรอก อย่างไรก็เสร็จทันวัน งานอยู่แล้ว พวกเอ็งมันคนหนุ่มใจร้อน” ไอ้เปี๊ยกมองหน้ำลุงโย่ง “ ลุงว่าอย่างไร ฉันก็ว่าตำมนั้นแล้วกัน” จำกนั้นลุงโย่งจึงก้มหน้ำค่อยๆ แกะเทียนต่อไป และคิดอยู่ในใจว่าปีนี้ต้นเทียนของหมู่บ้านเทียนหอมก็ต้องได้ รางวัลชนะเลิศอีกเช่นเคย
  • มาจากการตีเหล็กเพื่อจะทำเป็นมีดพร้า หากรีบร้อนตีก็จะทำพร้ามีผิวที่ไม่เนียนและไม่แข็งแรง แต่ถ้าค่อยๆตี ค่อยๆทำไม่รีบร้อนก็จะทำให้มีดพร้าที่สวยงามและคงทน
  • จะเข้าซื้อหุ้นไม่ต้องรีบรอดหรอก รอตอนราคามันลงมาถูกๆ แล้วค่อยซื้อ ช้าๆ มักได้พร้าเล่นงามเสมอ
  • บางครั้งความรักดีๆ ก็ต้องรอบ้าง ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ เหมือนสมัยโบราณเขาบอกไว้ว่าช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม เราก็ได้จะได้คู่ชีวิตดีๆ ไปเลย
  • สมชายเลือกรอที่จะลงทุนในกิจการที่ขาดทุนหนัก รออย่างใจเย็น คิดแบบช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม เขาตัดสินใจลงทุน และบริษัทกลับมาได้ ทำให้เขาได้กำไรมหาศาลจากการลงทุนครั้งนี้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ช. ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์

ที่มาของสำนวนนี้คือ สมัยโบราณเชื่อกันว่าเรื่องสงฆ์ เรื่องชี เป็นเรื่องใหญ่ใกล้ตัวที่แม้เราจะไม่เอามาเป็นธุระ แต่ก็คงจะไม่ถึงขั้นไม่ใส่ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะผลกระทบจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นกระทบต่ออนาคตของพุทธศาสนาที่มีคำทำนายว่า นี่ก็เกินกึ่งพุทธกาลมาแล้ว

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ พระสงฆ์ แม่ชีจะประพฤติตัวอย่างไรก็เรื่องของท่าน ท่านก็ได้รับผลกรรมเอง หรือจะเปรียบเปรยว่าปล่อยไปตามเรื่องตามราว ไม่เอาเป็นธุระ ประมาณว่าช่างหัวมันเถอะ พอแล้ว ไม่อยากยุ่งอะไรด้วยแล้ว อยากเป็นหรืออยากทำอะไรก็ตามสบาย ไม่อยากรู้อยากเห็นหรืออยากจะสนใจอะไรด้วย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์

  • นายแม้นเป็นเพื่อรักกับนายเมย นายเมยมีนิสัยชอบลักเล็กขโมยน้อย ชอบหยิบฉวยของของคนอื่นมาเป็นของตนอยู่เป็นประจะ ด้วยความรักเพื่อนนายแม้นจึงตักเตือนนายเมยด้วยความหวังดี แต่ปรากฏว่านายเมยไม่สนใจคำเตือน กลับต่อว่านายแม้นว่าอย่ามายุ่งเรื่องของตน เมื่อเกิดแบบนี้หลายครั้งเข้านายแม้นจึงเอือมระอาไม่อยากจะยุ่งด้วยอีกแล้ว จะทำอะไรก็ตามใจ นี่แหละที่โบราณท่านว่าไว้ ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์
  • ฉันทำบุญด้วยความบริสุทธ์ใจ แต่ถ้าหากมูลนิธิเหล่านั่นมาเรี่ยไรเงินเพื่อการพาณิชย์ หลอกลวงประชาชนก็ช่างเขาบาปของเขา ถือคติชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์
  • การรู้จักปล่อยวางจะช่วยให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น ใครจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกรรมหรือการกระทำของแต่ละคน ชั่วช่าง ชีดีช่างสงฆ์ ทุกข์ใจไปก็ไม่มีประโยชน์
  • ผมทำตามหน้าที่ ไม่ยุ่งเรื่องของใครอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ ใครอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะครับ
  • เรื่องบางเรื่องเราไม่ควรไปยุ่งกับคนอื่นเลย บางครั้งต้องชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ไปเถอะ การที่เราไปยุ่งมากเกินไปอาจเอาภัยมาใส่ตัวเองในที่สุดก็ได้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube