สุภาษิตคำพังเพยจับพลัดจับผลู ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. จับพลัดจับผลู

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยจับพลัดจับผลู

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการจับผิดๆ ถูกๆ ไม่มีความแน่นอนอะไร แต่มักจะใช้ในทางที่เผอิญไปจับได้ของที่ดี การทำอะไรแบบเสี่ยงๆ กล้าได้กล้าเสียมันก็แล้วแต่ดวง แต่สำนวนนี้มักจะใช้ไปในทางโชคดี เรียกว่าทำไปแบบเสี่ยงๆ สุ่มๆ ไปแต่เผอิญโชคช่วยจึงได้ดี

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ จับผิดๆ ถูกๆ บังเอิญเป็นไปโดยไม่ตั้งใจ กล่าวคือ การเสี่ยงจับไปแบบมั่วๆ ผิดๆ ถูกๆ แต่บังเอิญได้สิ่งที่ดี หรือได้ดิบได้ดี ไปโดยไม่ตั้งใจ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยจับพลัดจับผลู

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตจับพลัดจับผลู

  • หมอสาวแชร์ประสบการณ์ จับพลัดจับผลู เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดที่ดุ-โตเร็ว หลังคลำเจอก้อนที่คอ 6 เดือนกับการรักษาจนโรคเริ่มสงบ
  • เมื่อ 10 ปีที่แล้วเขาก็เป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดาๆคนหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่ง เขาได้จับพลัดจับผลูมาเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง
  • นิยายดัง “จับพลัดจับผลูมาเป็นภรรยาของศัตรูหัวใจ” อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตคนเรา ย่อมเคยนึกสงสัย ว่าถ้าเปลี่ยนร่างเป็นเพศตรงข้ามได้จะให้ความรู้สึกเช่นไรกันหนอ? ‘ซูเจี๋ยน’ เองก็เคยคิดพิเรนทร์ๆ ตามประสาหนุ่มโสด
  • เขาเป็นเด็กต่างจังหวัดธรรมดาๆ คนนึง แต่วันหนึ่งชีวิตก็ผกผลัน จับพลัดจับผลูได้เข้าวงการบันเทิงมาเป็นดาราดาวรุ่งชื่อดัง
  • ลมเพลมพัด! จากเพื่อนซี้ ‘สาวสอง’ ในวันนั้น จับพลัดจับผลู กลายเป็น ‘สามี’ ในวันนี้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยจับมือใครดมไม่ได้ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. จับมือใครดมไม่ได้

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยจับมือใครดมไม่ได้

ที่มาของสำนวนนี้ สถานการณ์ที่ต้องหาผู้กระทำผิด แต่ไม่มีหลักฐาน ไม่สามารถรู้ตัวคนทำได้เลย เปรียบเปรยถึงการจะจับมือใครมาดมมันก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าคนไหนผิดนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ หาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ กล่าวคือ การหาผู้กระทำความผิดไม่ได้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนกระทำความผิด เนื่องจากไม่มีหลักฐานมัดตัว หรือหลักฐานไม่เพียงพอ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยจับมือใครดมไม่ได้

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตจับมือใครดมไม่ได้

  • ร้องคดีไม่คืบ ! โจรขึ้นบ้าน 10 ครั้ง จับมือใครดมไม่ได้ หญิงสาวรายหนึ่งออกมาร้องหลังถูกโจรขึ้นบ้าน 10 ครั้ง ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา แต่แจ้งความแล้วคดีไม่คืบหน้า แถมถูกกลับมาขโมยของอีกครั้งเมื่อวานนี้ วอนหยุดขโมยเพราะไม่มีอะไรจะให้แล้ว
  • มีเหตุการณ์ขู่วางระเบิดตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง สร้างความโกลาหล วุ่นวายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่สุดท้ายก็จับมือใครดมไม่ได้
  • โคตรเพชรปลอม ยังจับมือใครดมไม่ได้ จากกรณีคนร้ายนำเพชรแอฟริกาน้ำหนัก 2,100 กะรัต มูลค่าประมาณ 315 ล้านบาท ที่ขโมยไปมาคืนยังที่เกิดเหตุบริเวณภายในบริษัทจัดหางาน ปรากฏว่าเพชรเป็นของปลอม เป็นแค่แร่มีราคาแค่ 200 บาท
  • มีข่าวโจรเข้าไปโจรกรรมขโมยทรัพย์สินภายในหมู่บ้านอยู่ดี นับ 10 ครั้ง จนบัดนี้ก็ยังจับมือใครดมไม่ได้เพราะกล้องวงจรผิดก็เห็นเพียงเงาดำลางๆ
  • ตะลึง! ข้อมูล 13 ล้านบัญชีรั่ว จับมือใครดมไม่ได้ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงจากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ สอนแฮกเว็บแบบแมวๆ โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า ถึงคิว ลาซาด้า ประเทศไทยแล้ว มีการประกาศขายข้อมูลคนไทยในเว็บใต้ดิน ประกอบด้วยชื่อ เบอร์โทร และอีเมล ที่อ้างว่าหลุดออกมาจาก เว็บรัฐ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยจับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. จับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยจับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการจับสัตว์ไปในทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรือทำไม่ได้ คนโบราณได้เปรียบเปรยถึงแมวกับเสือ ให้คำสละสลวยให้คล้องจอง เอาแมวไปแจวเรือ เอาเสือไปไถนา คงเป็นไปไม่ได้ เพราะสัตว์เหล่านี้ทำตามแต่สัญชาตญาณตนเท่านั้น

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางสำเร็จ หรือใช้คนไม่เหมาะสมกับความสามารถ วางงานผิดท่า วางค่าผิดคน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยจับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตจับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา

  • แบบนี้ก็เหมือนจับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา หัดยอมรับความจริงเสียบ้างว่าชีวิต มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วหมอจะไปหายาอายุวัฒนะ ที่ไม่มีวันแก่ ไม่มีวันตายมาได้อย่างไรง
  • บทร้อง รำกลองยาว “ไอ้ลูกกลมๆ เขาเรียกมะนาว ไอ้ลูกยาวๆ เขาเรียกมะดัน ไอ้ลูกสั้นๆ เขาเรียกพุทรา ตะละลา แบแบะ แบแบะ ลูกควายหลงแม่ ไปกินนมใคร กินนมตั๊กแตน ท้องแบนท้องควาย ตะละลา ทิงโนง โน้งโนง นกกิ้งโครงมาเกาะหลังคา จับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา จับเป็ดจับไก่ จับไข่พ่อตา ตะละลา”
  • คุณสั่งให้เจ้าหน้าที่เดินออกตามหา กลุ่มคนที่หลงป่า ในเวลากลางคืนแบบนี้เนี่ยนะ จับแมวแจวเรือ จับเสือไถนาชัดๆ
  • จบแมวแจวเรือ จับเสือไถนา ก็เหมือนวางงานผิดท่า วางค่าผิดคน รับรองเลยว่างานเสียหายหนักแน่นอน
  • อยากจะบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักบริหารคนเป็นหลักสำคัญ การจับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา นอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังเสียบุคคลที่มีคุณค่าในสายงานที่ถนัดอีกด้วย ทำให้เขาเหล่านั้นต้องลาออกไปที่อื่น

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยจับให้มั่นคั้นให้ตาย ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. จับให้มั่นคั้นให้ตาย

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยจับให้มั่นคั้นให้ตาย

ที่มาของสำนวน สำนวนนี้คนเราได้ยินเมื่อมีการพูดถึงสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้น เช่น ของถูกขโมย การคดโกง ยักยอกทรัพย์ หรือกระทำความผิดในรูปแบบต่างๆ เพราะคนทำผิดส่วนใหญ่ ถ้าไม่มีหลักฐานเพียงพอ ก็ไม่มีทางรับผิด ต้องมีหลักฐานมัดตัวดิ้นไม่หลุด เป็นที่มาของสำนวนจับให้มั่นคั้นให้ตาย

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การจะจับผิดหรือเอาผิดกับใครต้องมีหลักฐานแน่ชัด

นิยมใช้กับการที่จะไม่ปรักปรำใครง่ายๆ หรือไม่ลงโทษใครในขณะที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ ต้องรอจนกว่าพยานหลักฐานแน่นหนาพอจนดิ้นไม่หลุดถึงจะกล่าวโทษหรือลงโทษ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยจับให้มั่นคั้นให้ตาย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตจับให้มั่นคั้นให้ตาย

  • ประชาชนเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กวาดล้างพวกค้าอาวุธสงครม ทำลายชาติ ต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย เอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้
  • เด็กนักเรียนบางคนมีนิสัยขี้ขโมย ชอบแอบลักข้าวของคนอื่น ถ้าไม่จับให้มั่นคั้นให้ตาย จำนนด้วยหลักฐาน ก็จะไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด
  • ผู้ชายกะล่อน เจ้าชู้อย่างเขาเธอต้องหาหลักฐานเด็ดๆ จับให้มั่นคั้นให้ตาย ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางยอมรับผิดแน่ๆ
  • การติดตั้งกล้องวงจรปิด ทางของร้าน มีจุดประสงค์ เพื่อจับให้มั่นคั้นให้ตาย จัดการกับพนักงานที่ชอบลักขโมยของในร้าน เพื่อจะ ได้มีหลักฐานที่แน่ชัด ดิ้นไม่หลุด โดยเฉพาะร้านค้าที่มีสินค้าที่มีราคาแพงและมีราคา อย่าง ร้านทอง ร้านรับจำนำ
  • ผู้จัดการรับทราบเรื่องทุจริตโกงเงินของบริษัท แต่ก็ยังทำเฉยๆไม่ว่ากล่าวใคร แต่พยายามสอดส่องและเก็บรวบรวมหลักฐาน เพื่อที่วันหนึ่งจะได้มัดคนที่ทุจริตให้จนมุมด้วยหลักฐานนั้นให้ได้ แบบนี้เองที่โบราณท่านเรียกว่าจับให้มั่นคั้นให้ตาย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยกินเหมือนหมู อยู่เหมือนหมา ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กินเหมือนหมู อยู่เหมือนหมา / กินอย่างหมู อยู่อย่างหมา

ความหมายสำนวนสุภาษิตกินคำพังเพยเหมือนหมู อยู่เหมือนหมา

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงเวลากินก็กินอย่างรีบๆ ร้อนๆ ตะกุมตะกราม และกินได้อย่างไม่เลือกคล้ายๆเยี่ยงหมูกินอาหาร และสภาพความเป็นอยู่ก็สกปรกเลอะเทอะไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยคล้ายๆ กับหมาอยู่

ธรรมชาติของหมูย่อมกินอาหารไม่เลือก และ กินอย่างตะกละตะกลาม และ กินไม่หยุดปากจนกว่าจะอิ่ม และ จะอยู่อย่างสกปรกเลอะเทอะไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ชอบคลุกโคลนจนดินพอกหางอยู่ตลอดเวลา หมาก็เหมือนกันมันไม่ชอบน้ำเลย ถึงดูเหมือนเนื้อตัวจะสะอาดแต่ความจริงจะสกปรกมากๆ เพราะธรรมชาติของหมาจะไม่ชอบน้ำ

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เละเทะไม่มีระเบียบ มีความเป็นอยู่อย่างสกปรก ไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย

มักใช้กับคนที่เวลาจะกินอะไรก็กินไม่เลือก กินอย่างตะกละตะกลาม เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ข้าวของเครื่องใช้อยู่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเละเทะไปหมด

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยกินเหมือนหมู อยู่เหมือนหมา

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกินเหมือนหมู อยู่เหมือนหมา

  • ชีวิตผมเคยกินอย่างหมู อยู่อย่างหมา กินจุ แถมห้องยังเละเทะ จากนั้นก็ผ่านช่วงแย่ๆ มาได้ เพราะตั้งใจเปลี่ยนและพัฒนาตัวเอง เพื่อให้ผมมีความเคารพตัวเองบ้าง
  • เป็นผู้หญิงต้องหัดทำงานบ้านงานเรือน ดูแลความเรียบร้อยภายในบ้านบ้าง อย่าให้ใครมาว่าได้ว่ากินเหมือนหมูอยู่เหมือนหมา ไม่อย่างนั้นได้ขึ้นคานแน่ๆเชียว
  • คนที่ชอบเล่นการพนัน และเข้าบ่อนเป็นประจำ เวลาจะกินอาหารก็ไม่พิถีพิถันมีอะไรก็กินๆ ไป กินอย่างไม่สะดวกสบาย เพราะกินไปเล่นไป และที่อยู่ก็สกปรกคับแคบแออัด อยู่กันอย่างเบียดเสียดยัดเยียดไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย อุปมาเสมือนดั่งว่ากินเหมือนหมู อยู่เหมือนหมา
  • ไม่รู้ว่าหล่อนรักผู้ชายคนนี้ไปได้อย่างไร มีดีแค่ความหล่อ แต่มีนิสัยกินเหมือนหมูอยู่เหมือนหมา ฉันรับไม่ได้จริงๆ
  • ชีวิตคนหมดอาลัยตายอยาก กินเหมือนหมู อยู่เหมือนหมา อยู่ไปวันๆ โดยไร้เป้าหมาย จุดหมาย เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า ให้สำรวจตัวเองและไปพบแพทย์ห้เร็วที่สุด

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยกินรังแตน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กินรังแตน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกินรังแตน

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยการกินรังแตนของหมา หรือสุนัข ตามปกติธรรมชาติสุนัขไทยพื้นบ้านส่วนมากจะมีขนสั้นเรียบไม่ปุกปุยเหมือนสุนัขพันธุ์ผสม มันจะเที่ยวตระเวนเสาะแสวงหาอาหาร เมื่อไปพบรังแตนที่มักจะทำรังตามกิ่งไม้เล็กๆ ต้นเตี้ยๆ ก็จะงับกิน แตนก็จะกรูออกจากรังมาต่อยสุนัข สุนัขก็จะได้รับความเจ็บปวด และโมโหมาก มันจึงเห่าอยู่ตลอดเวลาเพื่อระบายความโกรธแค้น นั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ อาการอารมณ์เสีย หงุดหงิด ฉุนเฉียวแล้วโวยวายเกินกว่าเหตุ

กล่าวคือ คนที่มีอารมณ์เสียหงุดหงิดบ่นว่าเกินกว่าเหตุ มีอะไรมากระทบจิตใจนิดหน่อย ก็เอะอะโวยวาย มีอารมณ์โกรธโมโหฉุนเฉียวง่าย อุปมาเสมือนดั่งว่าหมากินรังแตน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยกินรังแตน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกินรังแตน

  • ถ้าคุณโมโหหงุดหงิดแบบไม่มีเหตุผล เหมือนหมากินรังแตนแบบนี้ก็อย่างเพิ่งมาคุยกันเลยดีกว่า สงบสติอารมณ์ได้ค่อยมาคุยกัน
  • สงสัยผู้จัดการจะไปกินรังแตนมา เพราะตั้งแต่เดินเข้ามาในบริษัทไม่เห็นมีใครเข้าหน้าติดซักคน
  • สมชายอยู่ดีๆ ก็โมโหหงุดหงิด ถามอะไรก็ไม่ตอบ ไม่รู้ว่าเขาไปกินรังแตน ที่ไหนมา จึงหงุดหงิดเจ้าอารมณ์เอามากๆ
  • ไม่รู้ว่าเขาไปกินรังแตนที่ไหนมา ผมแค่เดินผ่านทักทายตามปกติ ก็ด่าสวนกลับมาเป็นชุดเลย เหมือนผมไปทำอะไรให้ร้ายแรง
  • คนที่อารมณ์เสียขี้หงุดหงิด อาการเหมือนไปกินรังแตนมานี่ ไม่น่าอยู่ใกล้ด้วยเลยจริงๆ ไม่ใช้เหตุผล แถมยังโมโหตลอดเวลา เลี่ยงได้ให้เลี่ยงกับคนแบบนี้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยกินปูนร้อนท้อง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กินปูนร้อนท้อง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกินปูนร้อนท้อง

ที่มาของสำนวน มาจากคนเราเอาปูน (ปูนแดงที่กินกับหมาก) มาล่อให้ตุ๊กแกกินเข้าไป ซึ่งเมื่อมันกินมันจะมีอาการเมา งัวเงีย ส่งเสียงร้องแก๊กๆ พอคนได้ยินก็เหมาเอาว่ามันร้อนท้อง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ทําอาการมีพิรุธขึ้นเอง แสดงอาการเดือดร้อนขึ้นเอง

มักใช้กับคนที่กระทำความผิดแล้วกลัวว่าคนอื่นจะจับได้ว่าตนได้กระทำความผิดไว้ โดยแสดงอาการมีพิรุธ และแสดงอาการเดือดร้อนออกมาให้เห็นเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยกินปูนร้อนท้อง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกินปูนร้อนท้อง

  • ตำรวจได้ตั้งด่านตรวจรถที่ทำผิดกฏจราจร แต่คนขับแท็กซี่กินปูนร้อนท้อง อยู่ๆก็เสนอเงินให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งแล้วบอกว่ารีบ ทำให้ผิดสังเกตจึงทำการค้นรถปรากฎว่าพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่
  • กลอนกินปูนร้อนท้อง “กิน หมากพลูอาจพลั้ง กลืนปูน ปูน กัดปวดอาดูร เร่าร้อน ร้อน รนเท่าทวีคูณ ทำผิดไว้นา ท้อง ครืดคราดสะท้อน บ่งชี้ พิรุธ”
  • เปรียบเทียบคนในสังคมที่ทำงานร่วมกัน เมื่อทำความผิด แล้วเกรงว่าคนอื่นจะจับความผิดของตนได้ อันที่จริง เฉยไว้ ก็ไม่มีใครรู้ แต่กลับแสดงอาการออกมาให้เห็นก่อนที่คนอื่นจะรู้ แบบนี้เรียกว่ากินปูนร้อนท้อง สมัยนี้ คนที่กินปูน ก็คือคนแก่ที่กินกับหมาก แต่ในสังคมของคนในวัยทำงาน ไม่ได้กินหมากแล้ว จึงลืมสุภาษิตนี้เสียแล้ว
  • ถ้าคุณไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไร รีบออกตัวปฏิเสธพัลวันแบบนี้ เข้าเรียกว่ากินปูนร้อนท้อง
  • คนมีพิรุธยังไงก็เก็บอาการไม่อยู่ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ตำรวจก็สามารถจับไต๋ได้หมด คนเราเวลาทำผิดมักจะเก็บอาการไม่อยู่เสมอ เหมือนกินปูนร้อนท้องนั่นแหละ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยไก่บินไม่ตกดิน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. ไก่บินไม่ตกดิน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยสุภาษิตไก่บินไม่ตกดิน

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงไก่บินไม่ถึงพื้นช เนื่องจากสถานที่แออัด หลังคาติดๆ กัน เช่น สลัม บินไปก็ตกถึงหลังคา หาพื้นหาดินไม่เจอ

ยกตัวอย่าง เขตสำเพ็ง ขายสินค้าจากเมืองจีน มีทั้งเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับ ผลไม้ สำเพ็งนอกจากจะเป็นตลาดใหญ่แล้ว ยังเป็นแหล่งรวมอบายมุขระดับใหญ่ของประเทศในยุคนั้น มีทั้งโรงฝิ่น บ่อนการพนัน และโรงหญิงโสเภณี ซึ่งมีอยู่หลายสำนัก และด้วยเหตุที่เป็นย่านการค้าขายและแหล่งชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น มีการเปรียบเทียบภาพของสำเพ็งในยุคนั้นว่า “ไก่บินไม่ตกพื้น” เพราะหลังคาบ้านแต่ละหลังต่างเกยกัน ทำให้มีเหตุเพลิงไหม้บ่อยอยู่เป็นประจำนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ บริเวณที่มีอาคารบ้านเรือน ชุมชนหนาแน่นแออัด

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไก่บินไม่ตกดิน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไก่บินไม่ตกดิน

  • ปัจจุบันการจะหาที่ดินว่างในกรุงเทพนั้นเป็นไปได้ยาก ยิ่งอยู่ในแหล่งใจกลางเมืองยิ่งแออัด พราะการสร้างบ้านเรือนชิดติดกันจนไก่บินไม่ตกดิน
  • สถานที่สลัมเป็นพื้นที่แออัด ทั้งการกินการอยู่ลำบากมาก บ้านแต่ละหลัง หลังคาติดกันจนไก่บินไม่ตกดิน โลกมีสองด้านเสมอมีรวยก็มีจน
  • เขาเติบโตมาในถิ่นทุรกันดาร เป็นชุมชนที่อยู่กันอย่างหนาแน่น แออัดชนิดที่ว่าไก่บินไม่ตกดิน
  • สมชายขยันทำงาน สู้ชีวิต เพื่อจะให้ชีวิตออกจากที่แออัดสุดๆ ขนาดไก่บินไม่ตกดิน จนวันนี้การที่เขาทำงานหนักทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่ไม่ลืมตีนตัวเอง กลับมาพัฒนาที่ๆ ตนเคยอยู่
  • พื้นที่ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นจนไก่บินไม่ตกดิน และจำนวนประชากรในพื้นที่เมืองมีมากจนเกินขีดความจุ มักมีอยู่ในเมืองใหญ่ เมืองหลวงต่างๆ มักมีชุมชนหนาแน่นเสมอ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยฟางเส้นสุดท้าย ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฟ. ฟางเส้นสุดท้าย

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยฟางเส้นสุดท้าย

ที่มาของสำนวน เปรียบเทียบกับฟางเส้นสุดท้ายที่บรรทุกเพิ่มลงไปบนหลังลาซึ่งมีของเพียบแปล้อยู่แล้ว เมื่อเจ้าของอูฐนำของบรรทุกหลังอูฐมากขึ้นเรื่อยๆ พอถึงจุดที่อูฐทนต่อไปไม่ไหว แม้จะใส่ฟาง (ซึ่งมีน้ำหนักเบามากๆ) อีกเส้นเดียวก็ทำให้อูฐหลังหักได้

สำนวนนี้ไม่ใช่สำนวนของไทย แต่ไทยเราก็รับมาใช้จนบางครั้งนึกว่าเป็นสำนวนไทยนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ สาเหตุ มูลเหตุ หรือประเด็นหลังสุดซึ่งก่อให้เกิดเรื่องแตกหัก เนื่องจากมีสาเหตุอื่นเกิดประดังมาก่อนหน้าแล้ว กล่าวคือ ความอดทนกับเรื่องที่เจอมันถึงที่สุดแล้ว เปรียบดั่งฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลงไปแล้ว

สำนวนนี้ บ่งบอกถึงความรู้สึกจากหัวใจ ที่สุดแสนจะอัดอั้น แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งมีอะไร หรือการกระทำใดๆ ไม่ว่าจะเล็กน้อย หรือ ใหญ่หลวงขนาดไหน มันก็ระเบิดออกมาเพราะมันสุดจะทนแล้ว

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยฟางเส้นสุดท้าย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตฟางเส้นสุดท้าย

  • คุณอย่ามาล้ำเส้นผม กดดันให้ความอดทนสุดท้ายของผม เหมือนฟางเส้นสุดท้ายขาด เพราะถ้าคุณกดดันให้ผมเอาด้านไม่ดีของผมออกมา ผมจะไม่ยกโทษให้คุณตลอดไป
  • ฟางเส้นสุดท้าย ตอนตะวันบ่ายคล้อยลงมา นายสั่งให้ลงมือฆ่า เด็กตาดำๆ ศรัทธาสลาย ความเป็นตายไล่เรียงเป็นฉาก จากเริ่มถึงนี้ยิ่งนาน เหนี่ยวไกปืน เหยียบศพข้ามไปคว้าเอาเงิน ข้ามความจนที่ฉันหนีหน้า ปากกัดตีนถีบเรื่อยมา ตีรันฟันแทงแกร่งกล้า หนุ่มกระทง
  • ให้ช้ำจนจำฝังใจให้รักเธอคงไม่ไหวอีกแล้ว ถึงดีแสนดียังไงได้แต่ขอให้เดินจากไปเสียที ฟางเส้นสุดท้ายที่มันหนักเกินเกินจะรับเข้ามา ต้องบอกลาแม้ใจจะยังเสียดายอยากให้เธอเข้าใจ
  • ฟางเส้นสุดท้ายของระบอบประชาธิปไตยจึงขึ้นอยู่กับหมากเกมการเมืองซ้ำซ้อนแค่ไหน ถ้าเสถียรภาพการเมืองไม่มั่นคง โอกาสที่จะเกิดวิกฤติการเมืองจนต้องยุบสภาหรือยึดอำนาจเป็นไปได้แค่พริบตาเดียว
  • สมชายเขาเป็นคนที่อดทน ยอมโดนเอาเปรียบโดยนายจ้างมาโดยตลอด จนวันหนึ่งฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดไป เขาได้ใช้กำลังทำร้ายนายจ้างอย่างไม่ใยดี นี่แหละบทเรียน อย่าไปเอาเปรียบคนอื่น

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยไก่รองบ่อน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. ไก่รองบ่อน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยสุภาษิตไก่รองบ่อน

ที่มาของสำนวน พูดถึงไก่ที่เจ้าของบ่อนเลี้ยงไว้ประจำบ่อนเพื่อเป็นตัวสำรอง ที่ยืนโรงไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด สำหรับไว้ชนกับไก่ตัวอื่นที่ไม่มีคู่ชน ตามปกติธรรมดาธรรมชาติเจ้าของบ่อนชนไก่จะเลี้ยงไก่ชนไว้ประจำบ่อนเป็นจำนวนมาก เพื่อจัดหาไว้เป็นตัวสำรอง เผื่อว่าจำเป็นต้องนำมาชนกับไก่ที่บุคคลอื่นนำมาชน เพราะไก่ที่นำมาชนไม่มีคู่ชนที่เหมาะสม จึงเรียกว่าไก่รองบ่อน  ส่วนมากไก่รองบ่อนจะเป็นรองคู่ต่อสู้ แต่บางครั้งไก่รองบ่อน อาจพลิกความคาดหมายสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ เพราะเป็นไก่ที่ซ้อมมาเป็นอย่างดีเหมือนกัน และคอยจังหวะหาคู่ชนที่ประมาท หากชนะเจ้าของไก่ (เจ้าของบ่อน) ก็จะได้เงินพนันมากเป็นพิเศษ

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ผู้ที่อยู่ในฐานะตัวสํารอง ไม่ใช่ตัวเลือกแรก ซึ่งจะเรียกมาใช้เมื่อไรก็ได้

กล่าวคือ บุคคลที่อยู่ในฐานะตัวสำรองไม่ใช่บุคคลในเป้าหมาย เมื่อบุคคลในเป้าหมายไม่อยู่ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ จึงจะเรียกบุคคลผู้นี้มาทำหน้าที่แทน หรือ เป็นตัวแทน และพร้อมที่จะทำงานเมื่อไรก็ได้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไก่รองบ่อน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไก่รองบ่อน

  • สมชายรู้สึกเสียหน้าและอับอายเป็นอย่างมากที่รู้ว่าตัวเองเป็นไก่รองบ่อน เมื่อเพื่อนร่วมงานที่เป็นคู่แข่งของเขาได้รับเลือกเป็นตัวแทนขององค์กร แทนที่จะเป็นตัวเขา
  • ผมไม่ใช่ไก่รองบ่อนนะ จะเรียกใช้อะไรก็ต้องดูว่าฉันว่าง หรือ เปล่า ไม่ใช่จะมาเรียกจิกหัวใช้ตลอดเวลา
  • ถ้าเธอยังยอมเขาอยู่เรื่อยๆ แบบนี้ เธอก็คงต้องเป็นไก่รองบ่อนตลอดชาติ ไม่ได้ขึ้นเป็นตัวจริงเสียที
  • ทางโรงเรียนประกาศรับสมัครนักฟุบอล สมชายสนใจอยากจะเป็นนักฟุตบอลก็เลยไปสมัคร หลังจากที่ฝึกซ้อมมานานพอสมควร อาจารย์ก็เรียกตัวไปคัดตัว สมชายได้เป็นแค่ผู้เล่นตัวสำรอง แต่เขาก็พยายามมาฝึกซ้อมทุกวัน เมื่อลงสนามจะได้แสดงฝีมือให้อาจารย์เห็น หวังว่าสักวันเขาจะได้เป็นผู้เล่นตัวจริง
  • นายเอกเป็นนักร้องคนหนึ่งของวงดนตรี แต่หัวหน้าวงไม่ค่อยเรียกขึ้นร้อง จะมีโอกาสได้ร้องก็ต่อเมื่อนักร้องของวงหลักไม่สบายหรือติดกิจธุระเท่านั้น นี่แหละไก่รองบ่อนของแท้

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube