สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ห. หนูตกถังข้าวสาร
ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยหนูตกถังข้าวสาร
ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงข้าวสารก็เป็นอาหารที่หนูชอบอยู่แล้ว เมื่อหนูเผอิญพลัดตกลงไปในถังข้าวสาร มันจึงไม่ดิ้นรนที่จะขึ้นมาจากถังนั้น เพราะในถังมีอาหาร(ข้าวสาร) ให้มันกินได้อย่างอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว มันจึงชอบใจมากๆ ที่วาสนาของมันดี ที่ได้พลัดตกลงมาในถังข้าวสาร มันจึงอยู่ในถังข้าวสาร และกินข้าวสารอย่างมีความสุขสบายอย่างสุดๆ เลย
สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ผู้ชายที่มีฐานะไม่ค่อยดี ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ร่ำรวย กล่าวคือผู้ชายที่มีฐานะไม่ค่อยดี แต่เผอิญไปได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ร่ำรวย หรือที่มีฐานะดี จึงมีความสุขใจ และสบายกาย ไม่ต้องทนลำบากตรากตรำทำงานให้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอย่างเมื่อก่อนอีก ก็เปรียบเสมือนดังว่าหนูตกถังข้าวสารนั่นเอง
สำนวนนี้มักใช้เป็นคำพูดประชดประชัน ดูถูกดูแคลนหรืออิจฉาริษยามากกว่าด้านดี
ตัวอย่างการใช้สุภาษิตหนูตกถังข้าวสาร
- นายเชิดนี่เป็นหนูตกถังข้าวสารชัดๆ ได้แต่งงานกับคนรวย ทั้งๆที่บ้านฐานะยากจน ทำงานเป็นเด็กเสริฟร้านอาหาร อยู่ๆก็มีผู้หญิงรวยๆ มาชอบพออีก อะไรจะโชคดีขนาดนั้น
- นายสำรวยไปรับจ้างทำงานที่ร้านค้าของเก่า แต่โชคดีที่ลูกสาวเถ้าแก่มาชอบพอ เลยได้แต่งงานกัน แบบนี้มันเข้าตำราหนูตกถังข้าวสาร อย่างแท้จริง
- นิทานหนูตกถังข้าวสาร เศรษฐีคนหนึ่งรักลูกสาวมากจึงอยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝาแต่ยังหาเจ้าบ่าวให้ไม่ได้ พ่อจึงบอกว่าถ้าเจอผู้ชายมือสากๆ ให้บอกพ่อที แล้วเรื่องนี้ก็ไปถึงหูชายเกียจคร้านจึงออกอุบายนำข้าวเหนียวมาแช่แล้วไปผึ่งลมให้แห้ง แล้วไปหาลูกสาวเศรษฐีเพื่อขอน้ำกินพอได้สัมผัสมือก็พบว่ามือสากจึงนำเรื่องไปบอกพ่อและทั้งคู่ก็ได้ครองรักกัน
- คนนอกวงการเวลาคบกับคนในวงการมักโดนกระแสสังคมหาว่าเป็นหนูตกถังข้าวสารจนต้องพิสูจน์ตัวเองหนักมาก เพื่อคบหาดูใจกัน แต่ในที่สุดโชคชะตาก็ช่วยพลิกชีวิต เขาก็มีชื่อเสียงเพราะทำเพจชิมอาหาร ทำให้กล้าขอแต่งงาน จนมีครอบครัวที่น่ารักอย่างในวันนี้
- ในฐานะลูกผู้ชายการเป็นหนูตกถังข้าวสารไม่ใช่ว่าจะดีเลย เพราะต้องพึ่งฝ่ายหญิง ซึ่งการเป็นลูกผู้ชายต้องกล้าท้าทายชีวิต กล้าสู้ชีวิต สร้างฐานะด้วยลำแข้งตนเองด้วยความอดทนเข้มแข็งถึงจะหล่อหลอมให้เป็นลูกผู้ชายเต็มตัว สุดท้ายการได้เมียหาใช่ความสำเร็จในชีวิต