“เหยี่ยวดำป่วย” เป็นนิทานอีสปที่บอกเล่าเรื่องราวของเหยี่ยวดำที่กำลังจะตายซึ่งเต็มไปด้วยความเสียใจต่อชีวิตที่ผิดพลาด โดยเน้นถึงความสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมาย และหลีกเลี่ยงการกลับใจในนาทีสุดท้ายบนเตียงครั้งสุดท้าย
นิทานอีสปเรื่องเหยี่ยวดำป่วย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ท่ามกลางท้องฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด เหยี่ยวดำที่เหนื่อยล้าและป่วยก็ทะยานขึ้นอย่างไร้จุดหมาย ปีกของมันซึ่งครั้งหนึ่งเคยทรงพลัง ตอนนี้กลับอ่อนแอและอ่อนแอ มันใช้ชีวิตอย่างประมาทเลินเล่อ ปล่อยใจไปกับการผจญภัยทุกประเภทโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา
Once upon a time, Amidst the endless skies, a tired and ailing kite soared aimlessly. Its wings, once powerful, were now frail and feeble. It had lived its life recklessly, indulging in all kinds of misadventures without a second thought for the consequences.
เมื่อกำลังของเหยี่ยวดำลดลง มันก็ตระหนักถึงความประมาทเลินเล่อในเยาว์วัยและความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ความเสียใจท่วมท้นความคิดของมัน และปรารถนาที่จะมีโอกาสแก้ไขความเสียหายที่มันเกิดขึ้น ด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย มันร้องขอการให้อภัยและสัญญาว่าจะเปลี่ยนวิถีหากได้รับโอกาสอีกครั้ง
As the kite’s strength waned, it realized the recklessness of its youth and the mistakes it had made. Regret flooded its thoughts, and it longed for a chance to undo the harm it had caused. With its last breath, it pleaded for forgiveness and promised to change its ways if given another opportunity.
แต่โชคชะตาไม่ให้อภัยเหมือนสายลม ที่ไม่แสดงความเมตตา คำวิงวอนของเหยี่ยวดำไม่มีคำตอบ และมันก็ยอมจำนนต่ออาการป่วย และเวียนวนจนเหลือระยะสุดท้าย
But fate, as unforgiving as the wind, showed no mercy. The kite’s plea went unanswered, and it succumbed to its ailments, spiraling down to its final rest.
เมื่อลมหายใจเฮือกสุดท้าย ว่าวป่วยโหยหาเวลามากขึ้นเพื่อแก้ไข ใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยจุดมุ่งหมายและความหมาย แต่การเงื้อมมือแห่งความตายมิอาจหยุดยั้งได้ และไม่ได้ให้โอกาสครั้งที่สอง
With its last breath, the sick kite yearned for more time to make amends, to live a life filled with purpose and meaning. But the unrelenting grip of death offered no second chances.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ความเสียใจเป็นเครื่องเตือนใจว่าเวลาเป็นสิ่งมีค่าและไม่ควรถูกใช้อย่างสิ้นเปลือง เนื่องจากไม่รับประกันโอกาสครั้งที่สอง”
- คุณค่าของเวลา: เรื่องราวนี้เป็นเครื่องเตือนใจอันเจ็บปวดถึงความสำคัญของการใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดในชีวิต มันสนับสนุนให้เราคว้าโอกาส ไล่ตามความปรารถนาของเรา และทะนุถนอมทุกช่วงเวลา
- การหลีกเลี่ยงความเสียใจ: เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้ชีวิตโดยปราศจากความเสียใจ ตัดสินใจเลือกที่สอดคล้องกับค่านิยมและแรงบันดาลใจของเรา
- การกลับใจบนเตียงครั้งสุดท้าย: เรื่องราวเตือนไม่ให้ต้องพึ่งพาความเสียใจในนาทีสุดท้ายและการเปลี่ยนแปลงในใจ มันสนับสนุนให้เราดำเนินชีวิตในลักษณะที่สอดคล้องกับค่านิยมและหลักการของเราตั้งแต่เริ่มต้น
- การยอมรับวัตถุประสงค์: ความเสียใจของเหยี่ยวดำที่ป่วยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมาย ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายและการกระทำที่มีความหมาย
- ความไม่เที่ยงของชีวิต: เน้นย้ำถึงธรรมชาติของชีวิตที่หายวับไปและความที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของความตาย ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เราใช้เวลาทุกช่วงเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- การเรียนรู้จากข้อผิดพลาด: เรื่องราวเตือนเราว่าไม่เคยสายเกินไปที่จะไตร่ตรองตัวเลือกของเราและทำการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในขณะที่ยังมีเวลาอยู่
“Regret serves as a stark reminder that time is precious and should not be squandered, as second chances are not guaranteed.”
- The Value of Time: This story serves as a poignant reminder of the importance of making the most of the time we have in life. It encourages us to seize opportunities, pursue our passions, and cherish every moment.
- Avoiding Regrets: It emphasizes the need to live a life free from regrets, making choices that align with our values and aspirations.
- Final death-bed Repentance: The story cautions against relying on last-minute regrets and changes of heart. It encourages us to live in a way that aligns with our values and principles from the start.
- Embracing Purpose: The sick kite’s regrets highlight the significance of living a purposeful life, driven by meaningful goals and actions.
- The Impermanence of Life: It underscores the fleeting nature of life and the inevitability of death, motivating us to make the most of every moment.
- Learning from Mistakes: The story reminds us that it’s never too late to reflect on our choices and make positive changes while we still have time.
โดยสรุปแล้วนิทานเรื่องนี้ถ่ายทอดบทเรียนเหนือกาลเวลาที่ว่าชีวิตที่ดำเนินไปอย่างมีเป้าหมายและความตั้งใจนั้นเติมเต็มได้มากกว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยความเสียใจและพลาดโอกาส