สุภาษิตคำพังเพยต้นวายปลายดก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ต้นวายปลายดก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยต้นวายปลายดก

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงดอกผลของต้นไม้ เมื่อเริ่มต้นฤดูกาลก็ไม่ค่อยจะมีดอกออกผลสักเท่าไรนัก แต่ตอนท้ายๆฤดูกาลกลับทะยอยออกดอกออกผลมากกว่าปกติอย่างมากมาย สำนวนนี้ก็คล้ายกับสำนวนต้นร้ายปลายดี

สรุปความหมายของสำนวนนี้คือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ตอนต้นไม่ดี ไปดีเอาตอนหลัง กล่าวคือ ระยะแรกเริ่มมาดี ไม่มีทรง แต่ตอนท้ายกลับทำได้อย่างยอดเยี่ยม

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยต้นวายปลายดก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตต้นวายปลายดก

  • ต้นวายปลายดกแท้ๆ เชียว ตอนซื้อหุ้นตัวนี้มาได้ 2-3 วันราคาหุ้นก็ดิ่งลงจนน่าตกใจ แต่พอผ่านช่วงเวลานั้นมาจนถึงตอนนี้หุ้นกลับมีราคาสูงขึ้นกว่า 50% แล้ว
  • ลูกหลานเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากซนมากๆ เมื่อโตขึ้นเริ่มนิ่งขึ้น ดีขึ้น เข้ากับสำนวนที่ว่าต้นวายปลายดก คุณพ่อคุณแม่จะได้ปลื้มอกปลื้มใจ
  • ในปีแรกๆ สวนเราแทบจะไม่มีผลผลิตเลย แต่ก็อดทนกันเรื่อยมาจนเดี๋ยวนี้มีผลผลิตตลอดทั้งปี ก็เข้าทำนอง ต้นวายปลายดก นั่นแหละ
  • โชคดีที่เขาได้พบเจอกัลยามิตรชักชวนให้เขาไปในทางธรรม จึงทำให้ชีวิตที่เคยแย่มากที่สุดกลับดีขึ้นมาได้เข้าทำนองต้นวายปลายดก
  • ธุรกิจของผมจะเรียกว่า ต้นวายปลายดกก็ได้ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ พวกเราแทบจะล้มละลายมาตั้งหลายครั้ง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยตาเฟื้องตาสลึง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ตาเฟื้องตาสลึง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยตาเฟื้องตาสลึง

ที่มาของสำนวน มาจากมาตราเงินของไทย คือเฟื้อง และสลึง เฟื้องมีค่าเท่ากับ 8 อัฐ หรือ 12 สตางค์ครึ่ง เป็นครึ่งหนึ่งของสลึง เพราะ 1 สลึง เท่ากับ 25 สตางค์ สำนวนนี้ใช้กับการสบตาระหว่างหนุ่มสาว

อาการที่ใช้ตามองกันไปมองกันมาในทางชู้สาวมากบ้าง(สลึง) น้อยบ้าง(เฟื้อง) หรือ อย่างที่เรียกกันว่าตาเล็กตาน้อย ทุกคนต่างก็เชื่อกันว่าสายตาย่อมบ่งบอกภาษาใจ คือ หมายความว่าถ้าใจเราคิดอย่างไร ย่อมแสดงออกทางดวงตาได้ เช่น เวลามีความโกรธสายตาจะกล้าแข็ง และดุดัน ฉะนั้นบางคนมีความรักแต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอกรักได้ แต่ก็แสดงออกทางสายตาได้(นัยน์ตาจะหวานฉ่ำ) การแสดงกิริยาทางสายตาแบบนี้แหละครับที่เราเรียกว่าตาเฟื้องตาสลึง

สรุปความหมายของสำนวนนี้คือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ตาที่แสดงอาการว่าชอบพอรักใคร่ เป็นการทอดไมตรีในทางชู้สาว (มักใช้แก่หญิงสาว)

มักใช้กับสาวๆ ที่แสดงออกทางสายตาว่ารักใคร่ชอบพอใส่หนุ่มๆ หรือเล่นหูเล่นตา อ่อยผู้ชายแต่พองาม เพื่อให้เขาสนใจ มาจากสัญชาตญาณตามธรรมชาติของผู้หญิงในการดึงดูดผู้ชายที่ตนชอบ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยตาเฟื้องตาสลึง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตตาเฟื้องตาสลึง

  • หล่อนมีอาชีพเสริมเป็นพริตตี้รถยนต์ ทุกครั้งที่ไปทำงานก็มักจะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาทำตาเฟื้องตาสลึงให้อยู่เสมอๆ
  • เป็นธรรมดาที่จะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาคอยทำ ตาเฟื้องตาสลึง ให้ประจำ ก็เพราะงานที่เธอทำก็คือเป็น พริตตี้รถยนต์
  • ผมหมั่นไส้เพื่อนนักเรียนคนใหม่จริงๆ เพราะตั้งแต่เขาเข้ามาเรียนที่นี่สาวๆแต่ละคนก็ทำตาเฟื้องตาสลึง ตื่นเต้นไปตามๆกัน
  • เขาเป็นนักธุรกิจหมื่นล้าน บรรดาพวกสาวๆในสำนักงานแต่ละคนต่างก็ทำตาเฟื้องตาสลึง ต่อเขาตลอดเวลา
  • นี่! สาวที่นายชอบทำตาเฟื้องตาสลึงใส่นาย แสดงว่าเธอก็ชอบนายเหมือนกัน เดินเข้าไปทักทาย ทำความรู้จักเลย นานๆ จะเจอคนที่ถูกคอ ถูกใจกัน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยตามใจปากมากหนี้ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ตามใจปากมากหนี้

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยตามใจปากมากหนี้

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการตามใจปาก อยากกินนั่น กินนี่ตลอดเวลา ไม่สนว่าจะถูกจะแพง ขอให้ได้กินได้ลอง และไม่ได้หมายความแต่เรื่องกินหมายถึงการใช้จ่ายเงิน อยากได้สิ่งของนั่น สิ่งของนี่ ของมันต้องมี โดยไม่คำนึงถึงทรัพย์สินทร์ ไม่รู้จักอดออม ไม่ช้าไม่นานก็หมมดตัว เดือดร้อนในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน

สำนวนที่คล้ายกัน ตามใจปากลำบากท้อง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่ายตามแต่ใจตัวเอง จะทำให้สิ้นเปลืองมากจนอาจก่อให้เกิดหนี้สินตามมมาภายหลัง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยตามใจปากมากหนี้

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตตามใจปากมากหนี้

  • สมหญิงเป็นคนตามใจปากมากหนี้ ชอบกิน ชอบซื้อของบ่อย จนเป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ หมุนวนไปอยู่อย่างนั้น ถามจริงๆ ชีวิตแบบนี้มีความสุขจริงหรือ?
  • ตามใจปากมากหนี้! คนที่เห็นแก่กิน เห็นอะไรที่ชอบ เห็นอะไรที่น่ากินเป็นซื้อหมด ไม่สนใจว่าจะถูกหรือแพง ขอให้เป็นของชอบเท่านั้นก็จะไม่ลังเลในการซื้อหาเลย ซึ่งคนนิสัยแบบนี้จะมีความสิ้นเปลืองมาก เข้าทำนอง อยู่เพื่อกิน ไม่ใช่ กินเพื่ออยู่ นอกจากจะสิ้นเปลืองจากค่าอาหารอันมากมายแล้ว อาจจะต้องเสียเงินเสียทองกับการรักษาพยาบาลจากโรคที่มากับการกินของตนอีกด้วย
  • เธอควรจะรู้ตัวเองบ้างนะ ตอนนี้ฐานะของเธอก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเมื่อก่อน และถ้าเธอยังใช้จ่ายตามใจตัวเอง อยากซื้ออะไรก็ซื้อ ไม่รู้จักคิดอยู่แบบนี้ฉันว่าต่อไปเธอจะลำบากแน่ๆ เคยได้ยินไหมตามใจปากมากหนี้
  • เราไม่ควรกินตามใจปาก เพราะ ตามใจปากมากหนี้ ทำให้มีรายจ่ายตามมามากกว่าคนทั่วไป เรื่องอาหารการกินจึงควรทานให้เป็น เวลา และทานข้าวเป็นอาหารหลัก อาหารประเภทอืนจะไม่อยู่ท้อง
  • อย่าเป็นคนตามใจปากมากหนี้ ยิ่งในยุคสมัยนี้ เงินเฟ้อพุ่งสูง การเป็นอยู่ลำบากมากขึ้น ต้องงปรับตัว รู้จักอดทน เก็บเงิน อดออม ทำงานหนัก เพื่อความสุขในระยะยาว ดีกว่าได้ความสุขในระยะสั้น

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยตายประชดป่าช้า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ตายประชดป่าช้า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยตายประชดป่าช้า

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงคนที่อยากตาย เพื่อให้ป่าช้าเดือดร้อน ป่าช้าซึ่งเป็นสถานที่ฌาปนกิจอยู่แล้ว การกระทำแบบนี้ไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆ แถมยังเดือดร้อนตัวเองอีก ป่าช้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วย

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การกระทำที่เป็นการประชดประชันอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ตัวเองกลับเป็นฝ่ายที่ต้องได้รับผลกระทบ ความเสียหายจากการทำหรือคำพูดของตนเอง

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยตายประชดป่าช้า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตตายประชดป่าช้า

  • สส. ที่พากันตายประชดป่าช้า ด้วยการลาออกจากการเป็น สส. เพื่อประชดรัฐบาลที่ผ่านร่าง พรบ. นิรโทษกรรม โดยที่รัฐบาลไม่มีความรู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย
  • ผมอยากจะตายประชดป่าช้าเผารถทิ้งกันไปเลย เพราะผมซื้อรถใหม่ป้ายแดงคันนี้มาได้เพียง 1 ปี รถก็มีปัญหาต้องซ่อมตลอด ในส่วนของบริษัทรถยนต์ก็ไม่ได้มาชี้แจ้งหรือรับผิดชอบอะไรเลย
  • การคบคนขี้ใจน้อย ต้องระวัง บางคนเวลาไม่พอใจ ก็จะทำตัว ตายประชดป่าช้า แกลงทำอะไรหรือทำอะไรบางอย่างเพื่อประขด จน มักจะทำให้เกิดเรื่องยุ่งยาก เกิดปัญหาตามมา
  • คุณทำแบบนี้ก็เหมือนตายประชดป่าช้า คุณไม่พอใจที่บริษัทไม่ทำตามข้อเรียกร้องของคุณ ก็เลยตัดสินใจลาออกทั้งๆที่ยังไม่มีงานใหม่รองรับ
  • ถ้าคนที่เรารักไม่รักเราแล้ว ทำไมจะต้องมาตายประชดป่าช้า ด้วยการทำร้ายตัวเองแบบนี้ ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย หันมารักตัวเองก่อนเถอะนะ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยแตงเถาตาย ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. แตงเถาตาย

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยแตงเถาตาย

ที่มาของสำนวน เปรียบถึงผลแตง(พืชไม้เถาล้มลุก) เมื่อเถา หรือตัวลำต้นเลื้อยของมันได้ตายไปแล้วนั้น ก็ไม่มีสิทธิที่จะเติบโตสุกเปล่งปลั่ง หรือรสชาติดีได้อีกแล้ว

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 คือ หญิงหม้ายที่มีอายุมากแล้ว เหี่ยวแห้งอับเฉาไม่มีความสดใส

เปรียบกับผู้หญิงอายุมากที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วนั้น (บ้างก็ว่าเถาตาย = สามีตาย) ย่อมหมดสิ้นคุณค่าในตัวเอง และไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยแตงเถาตาย

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตแตงเถาตาย

  • อย่าติดสินคุณค่าตัดสินผูิหญิงจากแค่อายุและการแต่งงานว่าเป็นแตงเถาตาย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว ผู้หญิงก็มีสิทธิที่จะหย่าร้าง หรือเริ่มต้นชีวิตใหม่เหมือนกับผู้ชายได้ โดยไม่ต้องถูกตราหน้าหรือตัดสินว่าจะเปลี่ยนไป มีมลทิน ตลอดจนมีคุณค่าลดลง
  • น่าสงสารหล่อนจริงๆ เพิ่งจะแต่งงานมาได้เพียง 2 ปี สามีก็ออกจากบ้านปล่อยให้หล่อนนอนเหี่ยวแห้ง เป็นแตงเถาตาย
  • จากที่สามีเธอตาย เธอก็เหมือนแตงเถาตายเลย ไร้ซวึ่งชีวิตชีวา ต้องงลำบากเลี้ยงลูกคนเดียว แม่เลี้ยงเดี่ยวนี่เหนื่อยจริงๆ
  • ไม่น่าเชื่อว่าหนุ่มหล่อไฮโซมีสาวสวยรุมล้อมอย่างเขา จะมาตกลงปลงใจแต่งงานกับแม่หม้ายที่เป็นแตงเถาตายแบบนี้ น่าเสียดายจริงๆ
  • ถึงเธอแตงเถาตายแล้ว แต่เธอก็สู้ชีวิต สร้างคุณค่า เปิดร้านอาหารตามสั่ง รสชาติติดปาก อร่อย จนลูกค้าแน่นแทบทุกวัน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยไต่ไม้ลำเดียว ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ไต่ไม้ลำเดียว

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยไต่ไม้ลำเดียว

ที่มาของสำนวน สำนวนนี้ประกอบด้วยคำว่า ไต่ กับ ไม้ลำเดียว ไต่ คืออาการที่เคลื่อนไปหรือคืบคลานไปด้วยความระมัดระวัง.ไม้ลำเดียว ในที่นี้หมายถึงลำต้นของต้นไม้ 1 ต้น หรือ 1 ท่อน

เปรียบกับการใช้ไม้เพียงลำเดียวมาพาดข้ามคู หรือคลองส่งน้ำในสวน คนที่จะเดินผ่านข้ามไปมีโอกาสที่จะพลัดพลาดตกลงไปในคูคลองได้มาก เปรียบเหมมือนการเดินบนสลิงเส้นเดียว

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 คือ กระทำการใดๆ ตามลำพังตัวคนเดียวโดยไม่มีที่พึ่งหรือไม่พึ่งพาผู้อื่น อาจพลั้งพลาดได้

สำนวนนี้สอนคนเอาไว้ว่าการลงมือทำอะไรลำพังเพียงคนดียว โดยไม่ปรึกษาหรือพึ่งพาอาศัยผู้อื่นที่มีความรู้ ประสบการณ์ อวุโสกว่า อาจจะทำให้ผิดพลาดได้

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยไต่ไม้ลำเดียว

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตไต่ไม้ลำเดียว

  • ประชาชนประเทศไทยไม่อยาก “ไต่ไม้ลำเดียว” จึงได้ทำการแต่งตั้งสมาพันธ์ เข้ามาช่วยในการร่วมปฏิรูปประเทศด้วย
  • เพราะเขาเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง เด็ดเดี่ยว ไม่ฟังใคร เข้าทำนองไต่ไม้ลำเดียวซึ่งทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย
  • โคลงสุภาษิตประจำภาพในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ว่า “ไต่ ตพานพาดไม้ ลำเดียว ไม้ สั่นหวั่นกายเสียว เมื่อเมื้อ ลำ ฦกที่พึ่งเหลียว แลห่อน เห็นเฮย เดียว ดั่งคนบเอื้อ พึ่งผู้พาศนา” หมายความว่า คนที่เดินไปบนสะพานที่พาดด้วยไม้ลำเดียว เมื่อไม้สั่นไหวก็รู้สึกหวาดเสียว ครั้นคิดจะหาที่พึ่งก็ไม่มี
  • การลงทุนทำธุรกิจมันมีความเสี่ยงอย่าไต่ไม้ลำเดียว ก่อนจะลงมือทำอะไรลองปรึกษาคนที่เขามีประสบการณ์มาก่อนจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นอาจจะพลาดได้ง่ายๆ
  • การที่ผู้มีประสบการณ์สอนเราเรื่องต่างๆ นั้น มีประโยชน์มากกว่าที่เราคิด เพราะสิ่งที่เขาเจอมาก่อนมันผิดพลาด เขาเลยเตือนเราไม่ให้พลาดอย่างเขา การฟังหูซ้ายทะลุหูขวาก็เหมือนไต่ไม้ลำเดียว สักวันอาจผิดพลาด ในวันนั้นเราอาจจะคิดได้ แต่อาจสายเกินไป

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยถลำร่องชักง่าย ถลำกายชักยาก ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ถ. ถลำร่องชักง่าย ถลำกายชักยาก

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยถลำร่องชักง่าย ถลำกายชักยาก

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการก้าวขาพลัดตกลงไปในพื้นที่เป็นร่อง ยังพอจะประคองตัวออกมาจากร่องได้ แต่หากตกไปทั้งตัว ย่อมที่จะประคองตัวออกมายากกว่ามาก

โบราณสร้างคำพังเพยนี้ขึ้นมาเตือนใจคนว่า การที่เกิดเจ็บกาย(ถลำร่อง) เป็นเรื่องที่พอจะหายเจ็บได้ไว แต่เมื่อใดถลำใจปล่อยให้ใจตกอยู่ในความผูกพัน ก็จะเจ็บใจเสียใจไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต

สรุปความของสำนวนหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การตกหลุมรักใครไปแล้ว ย่อมที่จะตัดใจไม่ให้รักได้ยาก

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยถลำร่องชักง่าย ถลำกายชักยาก

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตถลำร่องชักง่าย ถลำกายชักยาก

  • การปล่อยใจให้ตกอยู่ในความรัก ย่อมจะหักห้ามใจได้ยาก ความรักมันมีพลังมากมายในโลกนี้จริงๆ มีทั้งดีและไม่ดี นี่แหละถลำร่องชักง่าย ถลำกายชักยาก
  • ถลำร่องชักง่าย ถลำใจชักยากนะจ๊ะ โชคดีเท่าไหร่แล้วที่เธอมารู้ว่าโดนเขาหลอกเสียแต่เนิ่นๆ จะได้ตัดใจได้ง่ายๆหน่อย เธอจะได้ไม่ต้องถลำใจรักเขาไปมากกว่านี้
  • เจ็บปวดหัวใจจริงๆ รักคนที่ไม่ได้รักเรา แล้วก็ตัดใจไม่ได้เสียด้วย ดั่งโบราณบอกไว้จริงๆถลำร่องชักง่าย ถลำกายถลำใจชักยากจริงๆ
  • ทำไมคนเราถึงรักคนที่ไม่มีวันเป็นไปได้ ก็เพราะคนเรามักโหยหาสิ่งที่ไม่มีอยู่ยังไงล่ะ มันเป็นธรรมชาติของเรา ยิ่งความรักยิ่งแล้วใหญ่ ดั่งคำพังเพยที่ว่าถลำร่องยังพอชักออกได้ แต่ถ้าถลำกายถลำใจมันชักออกยาก
  • ดาราสาวยอมรับยังรักฝ่ายชายอยู่เสมอ ถึงแม้จะทำผิดต่อเขา แถมยังกล่าวทิ้งท้ายว่าถลำร่องชักง่าย ถลำกายชักยาก

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยก้นหม้อไม่ทันดำ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. ก้นหม้อไม่ทันดำ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยก้นหม้อไม่ทันดำ

ที่มาของสำนวน การหุงข้าวต้มแกงในสมัยก่อนใช้หม้อดินและเตาฟืน เมื่อตั้งหม้อข้าวหรือหม้อแกงบนเตาที่ใช้ฟืนเป็นเชื้อไฟ นานเข้าเขม่าคือละอองดำๆ ที่เกิดจากควันไฟจะขึ้นมาติดที่ก้นหม้อทำให้ก้นหม้อดำ ถ้าสามีภรรยาอยู่ด้วยกันไม่นานแล้วเลิกกัน จะมีคำกล่าวเชิงตำหนิว่าอยู่ด้วยกันก้นหม้อไม่ทันดำ

สรุปความของสำนวนหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เปรียบกับสามีภรรยาที่แต่งงานอยู่กินด้วยกัน แล้วเลิกกันเร็ว อยู่ด้วยกันไม่ทันก้นหม้อดำก็เลิกกันแล้ว

ปัจจุบันคนสมัยใหม่อาจนึกภาพไม่ออก เพราะปัจจุบันไม่ได้ใช้เตาฟืนหุงหาอาหาร จึงไม่มีโอกาสที่ก้นหม้อหุงข้าวจะดำ แต่สำนวนนี้ก็ยังใช้กันอยู่ เมื่อกล่าวถึงสามีภรรยาที่เลิกร้างกันในเวลาไม่นาน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยก้นหม้อไม่ทันดำ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตก้นหม้อไม่ทันดำ

  • วัยรุ่ยสมัยนี้ไม่ค่อยมีความอดทน ช่วยกันประคับประครองครอบครัว ต่างคนต่างมีทิฐิ แต่งงานกันไป ก้นหม้อไม่ทันดำก็หย่าร้างกันแล้ว
  • บทละครนอกเรื่อง ไชยเชษฐ์ พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กล่าวถึงท้าวสิงหลที่ต่อว่าพระไชยเชษฐ์ที่ไล่ชายาคือนางสุวิญชาออกจากเมืองทั้งที่อยู่กันไม่นาน ว่า “เสียแรงเราออกปากฝากฝังไว้ จะโกรธขึ้งถึงกระไรก็นานนาน อยู่ด้วยกันก้นหม้อไม่ทันดำ หรือมาทำเฉินฉุกสนุกจ้าน”
  • ดูซิลูกสาวนักการเมืองชื่อดัง ตอนแต่งงานจัดงานเสียใหญ่โต เพิ่งผ่านไป 6 เดือนเลิกกันซะแล้ว ก้นหม้อยังไม่ทันดำเลย
  • ดาราสาวที่พึ่งเป็นข่าวประกาศอยู่กินกับนักการเมืองท้องถิ่นออกข่าวเสียใหญ่โตยังไม่ทันไรก็เลิกกันแล้ว เรียกว่าก้นหม้อยังไม่ทันดำขาเตียงก็หักเสียแล้ว
  • น่าสงสารคู่รักคู่นั้นเสียจริง โดยคลุมถุงชนจับแต่งงาน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รักกัน นิสัยใจคอก็ยังไม่รู้ แต่งงานกันก้นหม้อยังไม่ทันดำ สุดท้ายก็ต้องหย่ากัน นี่แหละ ความรัก

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยแกะดำ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฆ. แกะดำ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยแกะดำ

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงแกะขนสีดำ โดยธรรมชาติของแกะ ปกติแล้วแกะจะมีขนสีขาว แต่บางจะมีบางตัวที่เกิดมาแล้วขนสีดำ ซึ่งหายาก และมีน้อยมากๆ จึงเป็นที่มาของสำนวน

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่ทําอะไรผิดเพื่อนผิดฝูงในกลุ่มนั้นๆ หรือคนที่ชอบทำอะไรต่างจากพวกพ้อง คล้ายกับสำนวนไม้นอกกอ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยแกะดำ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตแกะดำ

  • เด็กคนนี้ทำตัวเหมือนแกะดำ ในจำนวนพี่น้อง 4 คนทุกคนตั้งใจเรียนจนสอบเข้าเรียนหมอได้หมด มีแต่เขาที่ไม่สนใจ ทำตัวแปลกแยกไม่เรียนหนังสือ
  • นี่สมชาย! เพื่อนๆ ชวนกันไปกินข้าวสังสรรค์ แต่กลับไม่เคยไปด้วย ชอบแยกตัวไปเที่ยวคนเดียว นายนี่มันแกะดำจริงๆ
  • อานนท์มันจะทำตัวเป็นแกะดำ เพราะชอบไปมีเรื่องชกต่อยกับนักเรียนต่างสถาบันเสมอๆ จนอาจารย์ต้องเรียนผู้ปกครองมาคุย
  • หมู่บ้านนี่เคร่งเรื่องศาสนา ชาวบ้านเขาไปวัดทำบุญในวันพระ แต่ลุงทิศไม่ไป กลับไปตกปลาเสียอย่างนั้น แต่แกชอบไปวัดในวันธรรมดาที่คนไม่ไปกัน นี่แหละแกะดำของหมู่บ้านจริงๆ
  • การเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้หมายความว่า ต้องนอกกระแสตลอดเวลา การเป็นตัวของตัวเอง คือ การรู้จักตัวเองดีว่าชอบอะไร อยากเป็นแบบไหน หากคุณมองไม่เหมือนคนอื่น คุณก็กล้าบอก ถึงจะเป็นแกะดำก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ต้องเคารพใในความคิดคนอื่นด้วย

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเจ๊กตื่นไฟ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฆ. เจ๊กตื่นไฟ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเจ๊กตื่นไฟ

ที่มาของสำนวน สำนวนนี้สื่อถึงคนจีน (เจ๊ก คือคำเรียกคนจีน) สมัยก่อน คนจีนจะอยู่รวมๆ กันแถวๆ ตลาดซึ่งบ้านก็จะติดๆ กัน คล้ายๆ สลัมในปัจจุบัน แล้วพอเกิดไฟไหม้ (ซึ่งเกิดบ่อยจากการจัดการระบบสาธารณะสุข และสาธารณุปโภคยังไม่ดี) ก็จะส่งเสียงล้งเล้งไปทั่ว ทั้งๆ ที่เขาอาจไม่ได้ตื่น หรือตกใจอะไร แค่พูดปกติ

คำว่าเจ๊กตื่นไฟมีที่มาจาก ย่านสำเพ็ง ที่เป็นย่านที่มีคนจีนอาศัยอยู่มาก จนเกิดความแออัดของผู้คนและการค้าขาย จึงทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้คนจีนแถวนั้นตื่นตระหนก จนมีสำนวนติดปากที่รับรู้มาได้จนถึงยุคปัจจุบัน คือ “วุ่นวายเหมือนไฟไหม้สำเพ็ง”

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ อาการของคนที่ตื่นตกใจ และเอะอะโวยวายเกินกว่าเหตุ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเจ๊กตื่นไฟ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเจ๊กตื่นไฟ

  • ด้วยความที่เป็นห้องแถวไม้แบบนั้นเวลามีไฟไหม้นั่น วุ่นวาย ตกใจโกลาหล กันวุ่นวายไปหมด ด้วยเพราะบ้านติดๆกันเป็นห้องเวลาไหม้ ก็จะวอดวายทั้งแถว ต้องอพยพกันวุ่นวาย ไปหมด คนจีนแถวนั้นจึงกลัวไฟไหม้ หรือเหตุที่จะก่อให้เกิดไฟไหม้กันมากจนแอบวิตกกันเลยทีเดียว คำนี้ มักพ้องมากับคำว่า เจ๊กตื่นไฟ ไทยตื่นข่าว ลาวตื่นยศ
  • หล่อนเห็นชาวบ้านเอะอะโวยวาย เหมือนเจ๊กตื่นไฟ วิ่งหนีกันเป็นการใหญ่ ก็เลยตามไปดูพบว่าเจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันจับงูเหลือมที่หลุดเข้ามาอยู่ในบ้านคน
  • นี่คุณ! เวลาตกใจมีปัญหาอะไร อย่าทำตัวเป็นเจ๊กตื่นไฟ ให้จัดเย็นๆ หัดใช้ความใจเย็นแก้ปัญหาเสียบ้าง เข้าใจไหม
  • คลิปข่าวเจอพยาธิในหอยแมลงภู่ ทำเอาชาวบ้านตื่นตกใจ ส่งต่อคลิปกันให้ว่อนอินเตอร์เน็ตเหมือนเจ๊กตื่นไฟ แท้ที่จริงแล้วคือลำไส้ของหอยแมลงภู่
  • ฮือฮา! คนไทยถูกหวยงวดนี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ จนหลายจังหวัดคนเกิดอาการเจ๊กตื่นไฟ ดีใจ จัดงานเลี้ยงกันยกใหญ่

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube