สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม
ความหมายสุภาษิตคำพังเพยกระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม
ที่มาของสำนวน ประโยคนี้มาจากเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา โดยความหมายคือกระเบื้องซึ่งมีน้ำหนักมาก ปรกติจะจมน้ำ กลับลอยน้ำได้ เปรียบเหมือนคนชั่วที่เฟื่องฟู คือได้ดี และเป็นแบบอย่างให้คนชั่วอื่นๆ ทำชั่วตาม ส่วนลูกน้ำเต้าแห้งซึ่งปรกติลอยน้ำได้ กลับจมน้ำลงไป เปรียบได้กับคนดีที่กลับตกต่ำ นอกจากไม่เป็นที่สนใจของสังคมแล้ว ยังถูกคนชั่วรังแกเอา
สรุปความของสำนวนหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ยุคที่มีความวิปริตผิดปกติ คนชั่วจะได้ดี เป็นใหญ่ เป็นที่ยกย่องเชิดชูในสังคม แต่คนดีกลับตกต่ำลง ถูกกลั่นแกล้ง ถูกใส่ร้ายป้ายสีแต่ทำอะไรไม่ได้
ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม
- ปัจจุบันคนชั่ว คนทำผิดกฏหมายเต็มไปหมด คนมีอำนาจก็ใช้ในทางที่ผิด แต่ตำรวจก็ไม่สามารถทำอะไรได้ หรือว่าเราจะเข้าสู่ยุดกระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจมแล้วจริงๆ
- ช่วงปีหลังๆนี้ประเทศไทยเปลี่ยนไปมากโดยส่วนใหญ่จะไปในทางไม่ดี เช่นข่าวฆ่ากัน ชิงทรัพย์ ทุจริต ฯลฯ จนมีวันหนึ่งพ่อได้พูดกับผมว่าสงสัยจะเป็นยุคของกระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม
- “กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม ผู้ดีจะเดินตรอก ขี้ครอกจะเดินถนน” คำพยากรณ์แต่โบราณนานมานี้ น่าจะบอกว่ายุคมืดจะมาถึง คือยุคที่คนดีจะถูกเหยียบย่ำ คนชั่วจะได้รับยกย่อง ซึ่งต้องเป็นผลของกรรม ที่ได้ทำกันมา ทั้งกรรมชั่ว และทั้งกรรมดี กรรมที่เอื้อมมือมาถึงแล้ว
- คนที่เราคิดว่าเป็นผู้ดีในปัจจุบัน อาจจะเป็นแค่ขี้ครอกที่ครองอำนาจมายาวนานก็ได้ นี่แหละนักการเมือง กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม
- แม้ว่าบ้านเมืองเราเหมือนกระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม เราทุกคนพึงหลีกให้พ้นการเป็นมือแห่งกรรมชั่ว ที่จะเหยียบย่ำคนดี และหลีกให้พ้นจากการเป็นมือแห่งกรรมดี ที่จะยกย่องคนชั่ว เพราะจะเป็นการร่วมสร้างบ้านเมืองของตนให้สิ้นความงดงาม ที่จะเกิดจากกำลังใจของคนดี ที่จะเกิดจากกำลังความสามารถของคนดี บ้าน เมืองจะเต็มไปด้วยความเลวร้ายที่เกิดจากกำลังใจของคนชั่ว ที่จะเกิดจากกำลังความสามารถของคนชั่ว พึงรอบคอบในการดูให้รู้จริง ว่าใครดี ใครชั่ว รอบคอบ ในการฟังเสียงบอกเล่า จึงจะช่วยประเทศชาติให้สวัสดีได้ และช่วยตนให้พ้นบาปได้