สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. ก้นหม้อไม่ทันดำ
ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยก้นหม้อไม่ทันดำ
ที่มาของสำนวน การหุงข้าวต้มแกงในสมัยก่อนใช้หม้อดินและเตาฟืน เมื่อตั้งหม้อข้าวหรือหม้อแกงบนเตาที่ใช้ฟืนเป็นเชื้อไฟ นานเข้าเขม่าคือละอองดำๆ ที่เกิดจากควันไฟจะขึ้นมาติดที่ก้นหม้อทำให้ก้นหม้อดำ ถ้าสามีภรรยาอยู่ด้วยกันไม่นานแล้วเลิกกัน จะมีคำกล่าวเชิงตำหนิว่าอยู่ด้วยกันก้นหม้อไม่ทันดำ
สรุปความของสำนวนหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เปรียบกับสามีภรรยาที่แต่งงานอยู่กินด้วยกัน แล้วเลิกกันเร็ว อยู่ด้วยกันไม่ทันก้นหม้อดำก็เลิกกันแล้ว
ปัจจุบันคนสมัยใหม่อาจนึกภาพไม่ออก เพราะปัจจุบันไม่ได้ใช้เตาฟืนหุงหาอาหาร จึงไม่มีโอกาสที่ก้นหม้อหุงข้าวจะดำ แต่สำนวนนี้ก็ยังใช้กันอยู่ เมื่อกล่าวถึงสามีภรรยาที่เลิกร้างกันในเวลาไม่นาน
ตัวอย่างการใช้สุภาษิตก้นหม้อไม่ทันดำ
- วัยรุ่ยสมัยนี้ไม่ค่อยมีความอดทน ช่วยกันประคับประครองครอบครัว ต่างคนต่างมีทิฐิ แต่งงานกันไป ก้นหม้อไม่ทันดำก็หย่าร้างกันแล้ว
- บทละครนอกเรื่อง ไชยเชษฐ์ พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กล่าวถึงท้าวสิงหลที่ต่อว่าพระไชยเชษฐ์ที่ไล่ชายาคือนางสุวิญชาออกจากเมืองทั้งที่อยู่กันไม่นาน ว่า “เสียแรงเราออกปากฝากฝังไว้ จะโกรธขึ้งถึงกระไรก็นานนาน อยู่ด้วยกันก้นหม้อไม่ทันดำ หรือมาทำเฉินฉุกสนุกจ้าน”
- ดูซิลูกสาวนักการเมืองชื่อดัง ตอนแต่งงานจัดงานเสียใหญ่โต เพิ่งผ่านไป 6 เดือนเลิกกันซะแล้ว ก้นหม้อยังไม่ทันดำเลย
- ดาราสาวที่พึ่งเป็นข่าวประกาศอยู่กินกับนักการเมืองท้องถิ่นออกข่าวเสียใหญ่โตยังไม่ทันไรก็เลิกกันแล้ว เรียกว่าก้นหม้อยังไม่ทันดำขาเตียงก็หักเสียแล้ว
- น่าสงสารคู่รักคู่นั้นเสียจริง โดยคลุมถุงชนจับแต่งงาน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รักกัน นิสัยใจคอก็ยังไม่รู้ แต่งงานกันก้นหม้อยังไม่ทันดำ สุดท้ายก็ต้องหย่ากัน นี่แหละ ความรัก