สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ พ. พลั้งปากเสียศีล พลั้งตีนตกต้นไม้
ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยพลั้งปากเสียศีล พลั้งตีนตกต้นไม้
ที่มาของสำนวน กฎหมายตราสามดวงใช้ทั้งสีน และสิน สำนวนที่ว่านี้มีอยู่ในกฎหมายลักษณะผัวเมียสมัยพระเจ้าอู่ทอง
ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดให้ไปสู่ขอลูกสาวหลานสาวท่าน บิดามารดา ญาติแห่งหญิงตกปากให้ได้กินขันหมากท่านแล้ว ชายหาผิดมิได้ บิดามารดาญาติแห่งหญิงคิดกินแหนงแคลงใจแกล้งจะมิให้หญิงนั้นแก่ชาย แปรปากหลากคำหาที่กลัวมิได้ ครั้นชายผู้อื่นมาสู่ขออีก บิดามารดา หญิงนั้นก็รับ กลับกินขันหมากชายนั้นเล่า ถ้าชายทั้งสองเป็นความกัน ท่านว่าให้ลูกสาวนั้นแก่ชายผู้มาสู่ขอก่อน แล้วให้เอาขันหมากชายภายหลังนั้นตั้งไหม บิดามารดาหญิงทวีคูน ยกทุนให้เจ้าของ เหลือนั้นเป็นสีนไหม กึ่งพินัยกึ่ง แล้วให้ใช้ค่าฤชาทำเนียมให้แก่ชายภายหลังด้วย เพราะมันทะนงศักดิ์สามหาวล่วงความเมืองท่าน ถ้าบิดามารดาหญิงตกปากให้ บุตรีเป็นภรรยาชาย บิดามารดาหญิงรับสีนสอดขันหมากแห่งชายไว้แล้ว แลกลับถ้อยคำมิให้เล่าไซ้ ให้คิดเอาค่าตัวหญิงนั้นตามกระเสียรอายุแล้ว ให้คืนสีนสอดนั้นจงถ้วน เหตุพลั้งปากเสียสีน พลาดตีนตกต้นไม้”
กล่าวคือเมื่อตกปากรับคำการสู่ขอแล้ว จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นอีกไม่ได้ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง และ เกิดการฟ้องร้องกันขึ้นมา บิดามารดาฝ่ายหญิงจะต้องเสียค่าสีนไหมทันที … ครับผม ต่อๆ มาคำว่าสีน หรือสิน ที่มีความหมายว่าเงิน, ทรัพย์ ก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นศีล ที่มีความหมายว่า ข้อบัญญัติทางพระพุทธศาสนาที่กำหนดการปฏิบัติกาย และ วาจา เช่น ศีลห้า, ศีลแปด, การรักษากายวาจาให้เรียบร้อย
สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ พูดหรือ ทำอะไรโดยไม่ระมัดระวังย่อมเกิดความเสียหาย
กล่าวคือ การพลั้งปากพูดคำ รับคำไปโดยไม่ทันได้คิด และต่อมาก็ทำอย่างที่พูดไม่ได้ก็จะกลายเป็นคนที่เสียคำสัตย์ไป และอาจจะทำให้การงานต่างๆ ได้รับความเสียหาย ต่อไปจะไม่มีคนเชื่อถืออีก
ตัวอย่างการใช้สุภาษิตพลั้งปากเสียศีล พลั้งตีนตกต้นไม้
- ทำอะไรให้คิดก่อนเสมอ พูดไปแล้วเอากลับคืนไม่ได้ เพราะถ้าพลั้งปากเสียศีล พลั้งตีนตกต้นไม้อย่างแน่นอน เสียแล้ว เสียเลย
- นักธุรกิจใหม่คนนี้เข้าตำราพลั้งปากเสียศีล พลั้งตีนตกต้นไม้จริงๆ เพิ่งเข้าวงการอสังหาฯ มาไม่ทันไรก็ไปตวาด มีเรื่องมีราวกับนักธุรกิจคนอื่นเสียแล้ว สงสัยจะได้ไม่นาน
- ดาราดังๆ มักจะมีผู้จัดการไว้คอยรับงาน ไม่ใช่รับงานด้วยตนเองจนมั่วไปหมด มันจะกลายไปเป็น พลั้งปากเสียศีล พลั้งตีนตกต้นไม้
- ไม่น่าไปตัดสินใจอะไรเร็วเกินไปเลย ทำให้เลือกบ้านได้แย่กว่าที่จะเป็น เฮ้อ! พลั้งปากเสียศีล พลั้งตีนตกต้นไม้แท้ๆ แทนที่จะอดใจรอไปก่อน ดันรีบโอนเงินจอง
- พลั้งปากเสียศีล พลั้งตีนตกต้นไม้! นี่แหละผลทำอะไรไม่คิด ไปลงทุนในหุ้นไม่ศึกษาก่อน สุดท้ายขาดทุนยับเกือบหมดตัว