สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กินน้ำใต้ศอก
ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกินน้ำใต้ศอก
ที่มาของสำนวน มาจากการกินน้ำด้วยกระบวย น้ำที่รั่วออกมาตรงด้ามกระบวยจะไหลมาสู่แขนแล้วสิ้นสุดหยดลงตรงปลายข้อศอก
จริงอยู่ แต่ก่อนนี้เราใช้กระบวยตักน้ำกิน, แต่ก็ไม่เห็นมีใครไปรอกินน้ำใต้ศอกใคร พี่เส (เสนีย์ เสาวพงศ์ หรือ ศักดิชัย บำรุงพงศ์) บอกว่า เมื่อตอนเป็นทูตอยู่อินเดีย ได้เดินทางไปชนบท ที่บ่อน้ำแห่งหนึ่งได้เห็นคนกินน้ำแล้วมีคนอีกคนหนึ่งก้มหัวเอาปากไปรอกินน้ำที่หยดใต้ศอก. นี่ก็เป็นเรื่องของวรรณะ คนที่ไปกินน้ำที่ใต้ศอกเขานั้น คงจะเป็นจัณฑาล หรือไม่ก็ศูทร จึงจะไปกินน้ำร่วมบ่อกับเขาไม่ได้
คนในสมัยก่อนอธิบายว่า คนหนึ่งเอาสองมือรองน้ำมากิน มากิน อีกคนหนึ่งรอหิวไม่ไหวเลยเอาปากเข้าไปรองน้ำที่ไหลลงมาข้อศอก ของคนกอบน้ำกินนั้นเพราะรอหิวไม่ทันใจ
สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ โดยสำนวนนี้ที่ใช้กันในเมืองเรานั้น หมายถึง เมียน้อย จําต้องยอมเป็นรองเขา ไม่เทียมหน้าเทียมตาเท่า (มักหมายถึงเมียน้อยที่ต้องยอมลงให้แก่เมียหลวง) ผัวไม่ได้อยู่ด้วย, นานๆ จึงจะหลบเมียหลวงมาหาได้สักคืน, หรือไม่ก็ มาทุกวันแต่เฉพาะตอนพักเที่ยง, ต้องลักเขากิน ซ่อนเขากิน จะเต็มอิ่มได้ยังไง
ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกินน้ำใต้ศอก
- น่าสงสารสมหญิงจริงๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าผู้ชายมีเมียอยู่แล้ว แต่ก็รักเขามากจนยอมกินน้ำใต้ศอกมาหลายปีแล้ว เฮ้อ!
- ถึงแม้ว่าเรยาจะอยู่กินกับเจ้าสัว และเจ้าสัวพาเข้ามาอยู่ในบ้าน แต่ก็อยู่ในฐานะเมียรองเพราะเจ้าสัวมีเมียอยู่ก่อนแล้ว ทุกครั้งที่เจ้าสัวไปงานสังคมที่ใดก็จะควงแต่เมียหลวงไปเท่านั้น แต่เรยาก็ยังต้องจำยอมกินน้ำใต้ศอกเขา เพราะฐานะทางบ้านยากจน
- ยูเครนเป็นเมืองขึ้นของสหภาพโซเวียดต้องส่งทรัพยากรไปให้เมืองหลวงที่มอสโคตลอด ทั้งๆ ที่ยูเครนก็แทบจะแย่อยู่แล้ว โดยเฉพาะประชาชนต้องอดๆ อยากๆ แต่ยังต้องส่งทรัพยากรอยู่ดี โดยเมืองหลวงแทบไม่มาเหลียวแลเลย แบบนี้กินน้ำใต้ศอกของเมืองหลวงชัดๆ
- หญิงอย่าเป็นคนกินน้ำใต้ศอก เพราะชีวิตของเธอจะไม่มีความสุขเลย ได้แต่กินของเหลือจากคนอื่นเนี่ยนะ คิดดูให้ดี
- การกินน้ำใต้ศอกก็เหมือนการแบ่งชั้นวรรณะจริงๆ นะ คนที่รวยย่อมได้ของดีๆ ก่อน ไล่ลงมาเรื่อยๆ จนแทบไม่มีอะไรตกถึงมือคนจนเลย