สุภาษิตคำพังเพยดินไม่กลบหน้า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. ดินไม่กลบหน้า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยดินไม่กลบหน้า

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงการฝังคนหรือสัตว์ที่ตายไปแล้ว การที่ดินยังไม่มากลับหน้า แสดงว่ายังไม่ตาย ยังมีชวิตอยู่นั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้คือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย นิยมใช้กับคนที่ยังแคล้วคลาดปลอดภัย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยดินไม่กลบหน้า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตดินไม่กลบหน้า

  • รอดจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ถือว่าเป็นโชคดีไปที่ดินยังไม่กลบหน้า เป็นบทเรียนเลยว่าครั้งหน้าต้องไม่ประมาท และระวังตัวให้มากขึ้น
  • ถึงครอบครัวของเราจะจนสักแค่ไหน ตราบใดที่ดินไม่กลบหน้าฉันจะดิ้นรนจนถึงที่สุด ไม่ยอมให้พ่อแม่ต้องลำบากแน่นอน
  • เพราะเราเริ่มต้นจากศูนย์เราจึงรู้ซึ้งถึงความยากจน แม้ทุกวันนี้เราจะมีเป็นร้อยล้านพันล้าน แต่ตราบใดที่ ดินไม่กลบหน้า เราก็จะยังตั้งใจทำงานหาเงินกันต่อไป
  • ผมสาบานด้วยเกียรติของทหาร ตราบใดที่ดินไม่กลบหน้าผมจะไม่ยอมให่ใครมารุกราน หรือข่มเหงประเทศของเราได้
  • ดินยังไม่กลบหน้า ชีวิตไม่จบฝัน สู้กันต่อไป เวลาจากไปเราจะได้ไม่ติดค้างอะไรกับโลกใบนี้อีกแล้ว

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยดื่นเป็นกล้วยน้ำว้า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. ดื่นเป็นกล้วยน้ำว้า

ความหมายของสำนวนสุภาษิตคำพังเพยดื่นเป็นกล้วยน้ำว้า

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงกล้วยน้ำว่า เป็นกล้วยดีมีคุณค่าราคาถูกนิยมปลูกชุมชุกทุกแห่งหนจึงหาง่ายกระจายทั่วทุกตำบลทั้งมณฑลรู้จักจนดื่นดา ทำให้หาได้ง่าย หาได้ทุกที่

สรุปความหมายของสำนวนนี้คือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ สิ่งที่มีอยู่มากมายดาดดื่น สามารถหาได้ง่ายๆ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยดื่นเป็นกล้วยน้ำว้า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตดื่นเป็นกล้วยน้ำว้า

  • เมืองหลวงไปที่ไหนก็เจอคนเยอะดื่นเป็นกล้วยน้ำว้าไปหมดเลย จะเรียกได้ว่าแออัดเลยก็ได้
  • เดี๋ยวนี้ร้านหมาล่ามีเยอะแยะเต็มไปหมดดื่นเป็นกล้วยน้ำว้า แต่จะหาร้านที่อร่อยจริงๆ ก็ไม่ง่ายเลยนะ ไปที่ไหนก็ยังไม่ถูกใจเท่าทำเอง
  • โอกาสมีมากมาย ดื่นเป็นกล้วยน้ำว้า อย่าคิดว่าโอกาสนี้หมดแล้ว จะไม่มีโอกาสใหม่ ตราบใดที่ดวงอาทิตย์ยังขึ้นใหม่ทุกวัน ย่อมมีโอกาสใหม่ๆ มาเสมอ
  • สมัยนี้วัยรุ่นกำลังฮิตเคสโทรศัพท์ไอโฟน ดูร้านค้าต่างๆขนเอามาขายกันเต็มไปหมด ดื่นเป็นกล้วยน้ำว้ากันทีเดียว ไปที่ไหนก็เจอ
  • กล้วยจึงเป็นพืชพันธุ์ที่หาได้ง่ายในสมัยก่อนจนมีสำนวนกล่าวว่า “ดาดดื่นเป็นกล้วยน้ำว้า” มีความหมายว่า กล้วยมีมากมายจนดาดดื่นทั่วไป ผลิตผลจากกล้วยจึงมีผู้ทำเป็นของกินของใช้และของเล่นหลายประเภท

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเด็กเมื่อวานซืน ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. เด็กเมื่อวานซืน

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเด็กเมื่อวานซืน

ที่มาของสำนวน โบราณผูกคำพังเพยนี้สอนคนที่รู้น้อยแต่ชอบอวดรู้ ว่าเป็นเด็กเมื่อวานซืน เพิ่งเกิดเมื่อวานซืนนี่เอง ยังไม่มีประสบการณ์ หรือประสบการณ์มีน้อย แต่ชอบเบ่งคุยโตโม้ว่าเรียนรู้ชั้นสูงรอบรู้ทุกอย่าง แต่เวลาตอบคำถามก็อึกอักตอบไม่ได้สักอย่าง

อีกหนึ่งแหล่งที่มาคือ จอมพลสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระนครสวรรค์ ทรงใช้ กับพลโทประยูร ภมรมนตรี ขณะทรงถูกควบคุมจากพระตำหนักบางขุนพรหม มาประทับที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ในความควบคุมของคณะราษฎร (เบื้องแรกประชาธิปไตย สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2559) โดยพลโทประยูร ภมรมนตรี ต้องการยึดอำนาจ เลยโดนถามอายุ แล้วตอกกลับไปด้วยคำว่าเด็กเมื่อวานซืน

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่มีความรู้น้อยด้อยประสบการณ์ แต่ชอบอวดรู้ คุยโม้โอ้อวด

สำนวนนี้เป็นคำกล่าวเชิงดูหมิ่นหรือเชิงสั่งสอนว่า มีความรู้หรือมีประสบการณ์น้อย

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเด็กเมื่อวานซืน

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเด็กเมื่อวานซืน

  • ประวัติศาสตร์การเมืองชุดคณะราษฎร เป็นไปตามคำตรัสทำนายของท่านผู้ใหญ่ ทั้งเด็กเมื่อวานซืน เด็กอมมือ ที่เคยเป็นเพื่อนรัก ก็ผลัดกันหักเหลี่ยมโหด ผลัดกันฆ่ากันตายไปหลายคน เด็กเมื่อวานซืนรุ่นใหม่ๆ เด็กเล็กลูกกะหำใส น่าจะฟังเข้าหูไว้บ้าง ดีกว่าไม่ฟังเสียเลย
  • เธออย่าไปสนใจเลยก็แค่เด็กเมื่อวานซืน ไม่รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่ คิดว่าตัวเองจบจากเมืองนอกมาแล้วจะฉลาดกว่าคนอื่น
  • แดงเป็นเด็กชอบอวดเก่ง ท้าทายคนอื่นว่าตนเองวิ่งได้เร็ว กว่าคนใหญ่แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆ กลับแพ้เหมือนเด็กเมื่อวานซืน
  • ทำมาเป็นอวดเก่ง อวดรู้ ที่แท้ก็เด็กเมื่อวานซืนเพิ่งจะเรียนจบมา ริอาจมาสั่งสอนคนมีประสบการณ์ 10 กว่าปี
  • โธ่เป็นแค่เด็กเมื่อวานซืน คิดจะมาวัดรอยตีนกับผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนเก๋าประสบการณ์ คิดผิดแล้วไอ้หนู ที่เขาไม่ตอบโต้ นิ่งๆ เขารู้ดีว่าเขาทำอะไรได้บ้าง ถ้าเอ็งห้าวเป้งขนาดนี้ อาจจะเดือดร้อนได้ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเด็กอมมือ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. เด็กอมมือ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเด็กอมมือ

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงทารกหรือเด็กมักจะชอบดูดนิ้วหรืออมนิ้วมือนั้นส่วนใหญ่เป็นเพราะว่า เด็กๆ รู้สึกเบื่อหรือต้องการความสะดวกสบายอะไรบางอย่าง จึงเอานิ้วมือของตัวเองมาดูด เนื่องจากสิ่งนี้จะทำให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนานในแบบของทารกเองและจินตนาการไปในแบบของตัวเอง

สำนวนนี้ยังปรากฏในพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 2 เรื่องสังข์ทอง “เป็นกษัตริย์ตรัสแล้วไม่แม่นยำ กลับถ้อยคืนคำทำขายหน้า เหมือนไม้หลักปักเลนเอนไปมา ยิ่งกว่าลูกเล็กเด็กอมมือ” จึงอุปมาอุปไมยถึงคนที่ยังเด็ก ไม่รู้อะไรมามาก ผ่านโลกมาน้อยนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่ไม่รู้ประสีประสา ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ไม่มีประสบการณ์ ยังอ่อนต่อโลก

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเด็กอมมือ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเด็กอมมือ

  • โธ่ ไอ้หนู เป็นคนเด็กอมมือ ผ่านโลกมาน้อย อย่ามาปีนเกลียดกับผู้ใหญ่ โลกใบนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
  • คุณทำงานมาจนป่านนี้มีตำแหน่งเป็นหัวหน้า ทำไมถึงได้ทำตัวเหมือนเด็กอมมือ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไร้ฝีมือ ไร้ประสิทธิภาพในการทำงานอย่างนี้
  • ไม่มีใครชอบผู้ใหญ่นิสัยเด็กอมมือหรอก คนไม่รู้จักโต มักเป็นภาระของคนอื่น หาวิธีสร้างชีวิตของตัวเองซะเถอะ ก่อนจะสายเกินไป
  • โตจนป่านนี้ทำไมถึงได้ทำตัวเป็นเด็กอมมือไม่ประสีประสา ไปเชื่อคนที่เพิ่งรู้จักกันทางอินเตอร์เน็ต ไม่คิดบ้างหรือว่าจะมีอันตรายมาถึงตัว
  • นี่น้องคิดจะมีแฟน เลี้ยงตัวเองให้สบายได้ยังอ่ะ ทำตัวเป็นเด็กอมมือแบบนี้ ไม่มีใครเอาหรอก ถึงเขาเอาอยู่แปปเดียวเขาก็ไป ไปสร้างเนื้อสร้างตัว เลี้ยงตัวเองก่อน เดี๋ยวแฟนดีๆ ก็จะมาเอง

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเด็กเลี้ยงแกะ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. เด็กเลี้ยงแกะ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเด็กเลี้ยงแกะ

ที่มาของสำนวน มาจากนิทานอีสป โดย ณ หมู่บ้านชายป่า มีเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่งชอบพูดโกหกเป็นประจำ วันหนึ่งเกิดนึกสนุกอยากแกล้งชาวบ้านจึงร้องตะโกนว่า “ช่วยด้วย ๆ หมาป่ามันจะมากินแกะแล้ว” ชาวบ้านต่างพากันมาช่วย พอเด็กเลี้ยงแกะเห็นชาวบ้านวิ่งหน้าตาตื่นก็หัวเราะด้วยความชอบใจ แล้วชอบเล่นสนุปแบบนี้อีกหลายครั้ง ชาวบ้านก็พากันวิ่งหน้าตาตื่นมาช่วยเขาทุกครั้ง และพบว่าพวกเขาถูกหลอกอีกเช่นเคย จนวันหนึ่งหมาป่าก็มาจริง ๆ คราวนี้เด็กเลี้ยงแกะตะโกนให้คนมาช่วยสุดเสียง “ช่วยด้วย ๆ หมาป่ามันจะมากินแกะแล้ว” แต่ครั้งนี้กลับไม่มีชาวบ้านออกมาช่วยเด็กเลี้ยงแกะอีกแล้ว เพราะคิดว่าเขาคงจะโกหกอีก สุดท้ายเจ้าหมาป่าจึงกินแกะของเด็กเลี้ยงแกะไปทีละตัวๆ จนหมด นิทานเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่าคนที่ชอบโกหก แม้พูดควางจริงก็ไม่มีใครเชื่อ

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ คนที่ชอบพูดปด พูดจาไม่มีเค้าความจริง หรือโกหกจนเป็นนิสัยจนไม่มีใครเชื่อหรือให้ความสนใจกับคำพูดนั้นๆ

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเด็กเลี้ยงแกะ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเด็กเลี้ยงแกะ

  • สิ่งที่เขาทำนั่นมันเด็กเลี้ยงแกะชัดๆ มาบอกว่าเป็นลูกครึ่ง พูดได้หลายภาษาแต่จริงๆแล้ว เขาก็เป็นคนไทย มีพ่อแม่เป็นคนไทย
  • การทำตัวเองเป็น เด็กเลี้ยงแกะ ไม่ใช่เรื่องดี เพราะการพูดโกหกบ่อยๆ จนคนอื่นมองว่าเราเป็นคนที่ชอบโกหก ก็จะไม่มีใครเชื่อถือ พูดอะไรออกไปก็จะไม่มีใครสนใจ ด้วยคิดว่าเรากำลังพูดโกหก
  • เพื่อนๆ ต่างก็ไม่มีใครอยากคบกับเธอ เพราะเธอชอบสร้างเรื่องโกหก ชอบเรียกร้องความสนใจ เป็นเด็กเลี้ยงแกะเสียจนติดเป็นนิสัย
  • รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการนอน ชอบพูดจาในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง คนจึงให้สมญานามว่ารัฐมนตรีไวท์ไล หรือ รัฐมนตรีเด็กเลี้ยงแกะ
  • ที่ไม่มีใครยอมช่วยนาย ก็เพราะนายชอบพูดเล่นพูดโกหกจนเหมือน เด็กเลี้ยงแกะ นั่นแหละ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเด็ดดอกฟ้า ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. เด็ดดอกฟ้า

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเด็ดดอกฟ้า

ที่มาของสำนวน ในวรรณคดีเรื่องกามนิต นางวาสิฏฐีเคยพูดว่า “ดูซี กามนิต นั่นคือแม่คงคาในสถานสวรรค์ ขอให้เราปฏิญญาต่อพระคงคาในสวรรค์ซึ่งมีน้ำขาวดั่งเงินยวง เป็นที่เลี้ยงดอกบัวในทะเลบนสวรรค์โน้น” และกามนิตรำพึงว่า “รู้สึกประหนึ่งว่าดวงใจของเราทั้งสอง ในทันทีทันใดลอยขึ้นอยู่เหนือความทุกข์แห่งโลกนี้ ขึ้นไปจุติอยู่ในดอกฟ้าบนสวรรค์“ คำพูดของกามนิตและวาสิฏฐีทำให้ทราบว่า “ดอกฟ้าบนสวรรค์” ของกามนิต คือ “ดอกบัวในทะเลบนสวรรค์” ของวาสิฏฐี นั่นเอง

ดอกฟ้า เป็นคำเปรียบหมายถึงหญิงที่มีฐานะสูงศักดิ์กว่าชายที่หมายปอง ใช้เป็นสำนวนว่า ดอกฟ้ากับหมาวัด หมายความว่า ผู้หญิงที่มีฐานะหรือศักดิ์ศรีสูงกว่าผู้ชาย ในขณะที่เปรียบผู้ชายเป็นหมาวัดซึ่งเป็นสัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง มีฐานะที่ต่ำต้อย เป็นสำนวนที่ใช้ในเชิงดูถูกหรือกล่าวถึงความไม่คู่ควร ยังมีสำนวนอื่นที่มีความหมายใกล้เคียงกัน เช่น กระต่ายหมายจันทร์ เปรียบผู้ชายเป็นกระต่ายที่ต่ำต้อย และหญิงเป็นดวงจันทร์ที่อยู่สูง นอกจากนี้ยังพบคำว่าดอกฟ้าที่ใช้เป็นคำสอน เช่น อย่าหมายเด็ดดอกฟ้า หรือ ดอกฟ้าไม่โน้มกิ่ง เป็นต้น

สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ผู้ชายที่หมายปองหญิงสาวที่สูงศักดิ์ มีฐานะดีกว่าตนเองมาก และพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ได้เธอมาครอบครอง

สำนวนนี้นิยมใช้กับผู้ชายได้หญิงสูงศักดิ์กว่า ร่ำรวยกว่า ชาติตระกูลดีกว่ามาเป็นภรรยา ได้สมปรารถนา

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเด็ดดอกฟ้า

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเด็ดดอกฟ้า

  • เกิดเป็นผู้ชายต้องพัฒนาตัวเอง ถึงฟ้าจะสูงแค่ไหนเราก็ไปได้ ถ้ารักตัวเอง เคารพตัวเอง พัฒนาตัวเอง เมื่อถึงจุดหนึ่งจะเด็ดดอกฟ้าได้ ไม่ว่าดอกจะอยู่สูงแค่ไหน ขึ้นไปได้หมด
  • ผู้ชายบางคนหวังสบายด้วยการ เด็ดดอกฟ้า ตามจีบหญิงที่ร่ำรวยกว่าตนเอง ฐานะดีกว่า เพื่อแต่งงานเป็นภรรยา เพราะคาดหวังว่า จะมีชีวิตที่สุขสบาย หรือมีหน้ามีตา เพราะฐานนะของฝ่ายหญิงมีส่วนช่วย
  • ถ้าคุณคิดจะเด็ดดอกฟ้าอย่างเธอ คุณก็คงต้องแสดงความสามารถอะไรสักอย่างออกมาให้เธอได้เห็น ไม่เช่นนั้นคุณก็คงจะสู้คู่แข่งคนอื่นไม่ได้หรอก
  • ผมเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาๆหาเช้ากินค่ำ แต่เธอเป็นลูกสาวพ่อค้าใหญ่ระดับประเทศ ผมมิบังอาจไปเอื้อมเด็ดดอกฟ้า มาเชยชมหรอก
  • ไม่เคยคิดเด็ดดอกฟ้า แต่ดอกฟ้ากลับมาชอบคนต่ำต้อยอย่างผม ซวึ่งไม่ห่างกันเกินไป เราไม่สามารถรักกันได้หรอก สังคมเรามันคนละแบบกัน

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยแกงจืดจึงรู้คุณเกลือ ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. แกงจืดจึงรู้คุณเกลือ

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยแกงจืดจึงรู้คุณเกลือ

ที่มาของสำนวน สมัยก่อนเกลือมีความสำคัญมากกับอาหารไทย อาหารใช้เกลือเป็นเครื่องปรุงรสเค็ม แกงเป็นอาหารประเภทหนึ่งเป็นที่นิยมบริโภคกัน ทั้งแกงเขียวหวาน แกงเผ็ด แกงป่า ฯลฯ  ซึ่งการปรุงรสจะใช้เกลือใส่ในน้ำพริก หากไม่ใส่เกลือหรือใส่น้อยย่อมทำให้รสชาติจืด ไม่อร่อยนั่นเอง

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ การจะรู้คุณค่าของสิ่งต่างๆ ที่เรามองข้าม ไม่สนใจ ก็ต่อเมื่อไม่มีของสิ่งนั้นแล้ว

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยแกงจืดจึงรู้คุณเกลือ

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตแกงจืดจึงรู้คุณเกลือ

  • คนบางคนมีเงินแล้วใช้อย่างฟุ่มเฟือย พอเดือดร้อนมาจริงๆ กลับต้องการมันมากที่สุด นี่แหละเข้าสำนวนแกงจืดจึงรู้คุณเกลือ
  • นี่แหละนะตอนเขาอยู่ทำเป็นไม่เห็นค่า พอตอนนี้ แกงจืดจึงรู้คุณเกลือ ยอมรับความจริงแล้วเดินหน้าต่อไปเถอะ
  • แกงจืดจึงรู้คุณเกลือนิยมใช้เปรียบเทียบกับสิ่งที่เราไม่เคยให้ความสำคัญ มองข้ามมาตลอด แต่ถึงวันหนึ่งที่เดือดร้อน หาทางออกของปัญหาไม่ได้ จึงนึกถึงขึ้นมา
  • นี่แหละหนาแกงจืดจึงรู้คุณเกลือ ฉันทำงานด้วยใจ ทุ่มเทเพื่อบริษัทมา 10 กว่าปี ตลอดการทำงานที่นี่เจ้านายไม่เคยเห็นคุณค่า ถูกมองข้ามเสมอ แต่พอฉันลาออกมาแล้วค่อยมาเห็นความสำคัญ แถมยังจะมาขอร้องให้กลับไปช่วยงานเหมือนเดิม
  • ตอนฉันอยู่ทำดีกับเธอ แต่เธอกลับมาล้อเล่นความรู้สึกฉันมาตลอด ความอดทนของฉันหมดลงไปแล้ว เสียใจด้วย แกงจืดจึงรู้คุณเกลือ อย่ารั้งในวันที่สายเกินไป ลาก่อน ขอให้โชคดี

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง

ที่มาของสำนวน เปรียเปรยถึง บางคนไม่ชอบตัวเงินตัวทอง แต่ชอบกินไข่มัน บางคนก็เกลียดปลาไหลและรังเกียจในรูปร่างของมัน ที่ยาวเหมือนงูน่าขยะแขยง แต่เมื่อเอามาแกง น้ำแกงมีรสหอมก็กินน้ำแกงปลาไหลนั้นแต่ไม่กินเนื้อปลาไหลที่อยู่ใน้ำแกงนั้น

สรุปความหมายของสำนวนนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ เกลียดตัวเขา แต่อยากได้ผลประโยชน์จากเขา กล่าวคือ การที่ไม่ชอบใครสักคน หรือเกลียดอะไรสักอย่าง แต่ก็ยังอยากได้ผลประโยชน์จากคนๆ นั้น หรือสิ่งๆ นั้น

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง

  • เธอไม่ชอบเขา แต่กลับเก็บเขาไว้ผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ ไม่ชอบก็ปล่อยเขาไป อย่าทำตัวแบบเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง มันไม่สง่างามเลย ทำแบบนี้
  • คนเราส่วนมากชอบความสุข รังเกียจความทุกข์ ทั้งๆที่เกลียดความทุกข์ แต่ก็ขยันเสพความทุกข์เข้าหาตนเองเนืองๆ นี่แหละน้าเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงจริงๆ
  • นายน้อยเป็ยลูกน้องเสี่ยมาก นายน้อยไม่ชอบนิสัยเสี่ยมากเป็นการส่วนตัว และไม่ชอบครอบครัวของเขาด้วยที่ชอบทำงานไม่สุจริต แต่ก็ยังก้มหน้าก้มตาทำงานให้เสี่ยมากต่อไป เพราะพอใจในเงินเดือนที่ได้รับ เข้าสำนวนเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงเลย
  • คนบ้านนี้เขาเกลียดลูกสะใภ้ ไม่รับเข้าบ้านเพราะเป็นผู้หญิงที่ไม่มีชาติตระกูล ไม่มีฐานะเท่าเทียมแต่ก็อยากจะเอาลูกชายที่เกิดจากผู้หญิงคนนี้ แบบนี้เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงชัดๆ
  • คนสมัยนี้ เห็นแก่ตัว เอาผลประโยชน์เข้าตัวโดยไม่นึกถึงคนอื่น ถึงจะไม่ชอบเขาแต่ก็เก็บเขาเอาไว้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวล้วนๆ เข้าสำนวนโบราณเกลียดตัวกินไก่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงจริงๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง

ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงจะกินสิ่งใดก็จะต้องใช้ปากกินสิ่งนั้น และท้องจะเป็นตัวกำหนดว่าอยากกินหรือ ไม่อยากกิน เหมือนดั่งตัวเราเองรู้ดีว่าทำอะไร ต้องการอะไรนั่นเอง

ท้องกับปากมันเป็นของคู่กัน ถ้าท้องหิวก็จะสั่งปากให้กินอาหารเพื่อให้หายหิว แต่บางครั้งท้องไม่หิวหรอกครับ แต่ปากอยากจะกินเราก็หาอาหารกินตามที่ปากอยากกิน ทำให้ท้องต้องลำบากเพราะรับบรรจุอาหารมากเกินไป โดยสรุปท้องกับปากมันเป็นของคู่กันเอื้ออำนวยผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ รู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไรลงไป แต่ตีหน้าซื่อแสร้งทำเป็นไม่รู้

สำนวนนี้ใช้เปรียบเทียบเทียบคนที่ทำเรื่องที่ผิด หรือรู้เรื่องบางอย่างดี รู้ดีอยู่แก่ใจตัวเอง หรือเพราะทำเองแล้วแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องที่เกิดขึ้น คนรอบข้างอาจจะสงสัย แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง

  • อย่ามัวแต่มานั่งสร้างเรื่องโยนความผิดให้คนอื่นอยู่เลย คนราทำอะไรไว้ก็รู้อยู่แก่ใจ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ถ้าคุณสำนึกแล้วมาสารภาพผิดผมก็จะให้โอกาสคุณทำงานที่นี่ต่อไป
  • อย่ามัวแต่มานั่งสร้างเรื่องโยนความผิดให้คนอื่น คนเราทำอะไรไว้ก็รู้อยู่แก่ใจ
  • กระเป๋าของนักเรียนในโรงเรียนถูกรื้อค้นและมีของใช้หายอยู่บ่อยๆ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในชั่วโมงพลศึกษา เพราะต้องออกไปเรียนนอกห้องเรียน ดช. ก้อนทอง ซึ่งเป็นหัวหน้าห้อง โดยรู้ดีอยู่แก่ใจว่าใครเป็นคนทำ แต่แสร้างทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง เพราะคนที่ขโมยนั้น จริงๆ แล้วเป็นตัวเขาเอง
  • เมื่อสมชายกลับถึงบ้าน ภรรยาของเขาก็โวยวาย ด่าทอสมชายลั่นสนั่นบ้าน ที่เมื่อคืนสมชายบอกว่าทำงานที่บริษัทจนดึกที่แท้มีคนเห็นสมชายพาผู้หญิงเข้าโรงแรม แต่สมชายก็ยังปฏิเสธเสียงแข็ง บอกว่าอาจจะตาฝาดไปเพราะตัวเขานั่งทำงานทั้งคืน ทั้งๆที่จริงเขานอกใจภรรยา ตัวอย่างนี้ ตรงกับสำนวนไทยที่ว่ากินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง
  • คุณทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ รู้ว่าทำผิดมาก็สารภาพ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง เรื่องเล็กๆ จะได้ไม่เป็นเรื่องใหญ่

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube

สุภาษิตคำพังเพยกินเหล็กไหล ความหมาย, รูป, ตัวอย่าง

สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ก. กินเหล็กไหล

ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยกินเหล็กไหล

ที่มาของสำนวน เปรียบดั่งผู้ที่มีความทรหดอดทน และแข็งแรงผิดปรกติธรรมดา คนโบราณจึงมโนมติไปว่าคงไป กินเหล็กกินไหลมาแน่ๆ จึงได้มีความทรหดอดทน และแข็งแรงดั่งเหล็กไหล

สรุปความหมายของสำนวนคือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ทนต่อความเหน็ดเหนื่อย หรือความเจ็บปวดได้อย่างผิดปกติกว่าปุถุชนคนทั่วๆ ไป

รูปความหมายของสุภาษิตคำพังเพยกินเหล็กไหล

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตกินเหล็กไหล

  • เพื่อนผมชื่อสมชาย เป็นคนพลังม้ามาก ดีดทั้งวันทั้งคืน เหมือนกินเหล็กไหลมา ทำงานไม่หยุดไม่หย่อนเลย ต้องพาไปให้ตรวจฉี่สักหน่อยแล้ว
  • คนงานก่อสร้างเหล่านี้ไม่รู้กินเหล็กกินไหนที่ไหนมา ถึงได้เหมือนเครื่องจักรทำงานต่อเนื่องได้ไม่หยุดพัก
  • ความเชื่อกินเหล็กไหลรักษาสารพัดโรค จริงหรืออุปาทานหมู่ ระวังสารปนเปื้อน ทางด้านวิทยาศาสตร์ นักธรณีวิทยาระบุว่าไม่เคยพบหินที่อ้างว่าเป็นเหล็กไหล ที่ผ่านมาล้วนเป็นความเชื่อส่วนบุคคล
  • ถึงคู่ต่อสู้จะดูตัวใหญ่แต่เขาก็ไม่ได้กินเหล็กกินไหลมาจากไหน อย่ากลัวไปเลย แค่เราขยันฝึกซ้อมแล้วทำให้เต็มที่ก็มีโอกาสชนะได้
  • เขาเป็นคนขยัน ทำงานหนักจนก่อร่างสร้างตัวได้ ชาวบ้านต่างบอกกันว่าเขาเป็นคนกินเหล็กไหล โดยสามารถทำงานหนักได้มากกว่าคนอื่นๆ จริงๆ

สำนวนสุภาษิตอื่นๆ

Thai Proverb Youtube