นิทานอีสป เรื่อง “เด็กเลี้ยงแกะ” ไทย-Eng

“เด็กเลี้ยงแกะ” เป็นอีกหนึ่งนิทานอีสปที่สอนบทเรียนสำคัญของความซื่อสัตย์และผลของการโกหก

นิทานอีสปเรื่องเด็กเลี้ยงแกะ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เด็กชายคนหนึ่งรู้สึกเบื่อหน่ายขณะเฝ้าฝูงแกะ เขาจึงตัดสินใจเล่นอุบายหลอกชาวบ้าน เขาตะโกนออกมา “หมาป่า! หมาป่า!” แม้ว่าจะไม่มีหมาป่า ชาวบ้านรีบเข้าไปช่วย แต่เมื่อรู้ว่าเป็นสัญญาณหลอกก็ด่าว่าเด็กโกหกเสียเวลา

Once upon a time, a boy was bored while watching over a flock of sheep, so he decided to play a trick on the villagers. He yelled out, “Wolf! Wolf!” even though there was no wolf. The villagers rushed to help, but when they found out it was a false alarm, they scolded the boy for lying and wasting their time.

เด็กชายทำสิ่งเดิมอีกครั้ง ชาวบ้านรีบเข้าไปช่วยอีกครั้ง แต่กลับพบว่าไม่มีหมาป่าอีกแล้ว พวกเขาเตือนเด็กชายว่าถ้าเขาโกหกอีกครั้ง จะไม่มีใครมาช่วยเขาเมื่อเขาต้องการมันจริงๆ

The boy did the same thing again, and once again, the villagers rushed to help, only to find out that there was no wolf. They warned the boy that if he lied again, no one would come to help him when he really needed it.

ในที่สุดหมาป่าตัวจริงก็ปรากฏตัวขึ้นและเด็กชายก็ร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครมา การโกหกของเด็กชายทำให้สูญเสียความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือ และผลที่ตามมาของการกระทำของเขาส่งผลให้แกะตายของเขาโดนหมาป่ากินจนหมด

Finally, a real wolf appeared and the boy cried out for help, but no one came. The boy’s lies had led to the loss of trust and credibility, and the consequences of his actions resulted in the loss of his sheep.

นิทานอีสปเรื่องเด็กเลี้ยงแกะ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ความไม่ซื่อสัตย์อาจนำไปสู่การสูญเสียความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือ”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าความซื่อสัตย์และความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความไว้วางใจกับผู้อื่น นอกจากนี้ยังแสดงให้เราเห็นถึงผลเสียของการโกหกและความสำคัญของการรับผิดชอบต่อการกระทำของเรา

  • ความซื่อสัตย์และความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • การโกหกอาจส่งผลเสียและอาจทำให้สูญเสียความไว้วางใจได้
  • การรับผิดชอบต่อการกระทำของเราเป็นสิ่งสำคัญ และเราควรตระหนักถึงผลที่อาจเกิดขึ้นจากการเลือกของเรา
  • สิ่งสำคัญคือต้องคิดถึงผลกระทบที่การกระทำของเราอาจมีต่อผู้อื่น

“Dishonesty can lead to loss of trust and credibility.”

The story teaches us that honesty and credibility are important in building trust with others. It also shows us the negative consequences of lying and the importance of taking responsibility for our actions.

  • Honesty and credibility are important in building trust and relationships with others.
  • Lying can have negative consequences and can lead to the loss of trust.
  • Taking responsibility for our actions is important, and we should be aware of the potential consequences of our choices.
  • It’s important to think about the impact our actions may have on others.

โดยสรุปแล้วนิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องราวอมตะที่เตือนเราถึงความสำคัญของความซื่อสัตย์และการรับผิดชอบต่อการกระทำของเรา บทเรียนนี้สอนให้เราตระหนักถึงผลกระทบที่การเลือกของเราอาจมีต่อผู้อื่น และพยายามพูดความจริงและน่าเชื่อถืออยู่เสมอ

นิทานอีสปเรื่องอื่นๆ

The Æsop for Children

นิทานอีสป เรื่อง “กระต่ายกับเต่า” ไทย-Eng

“กระต่ายกับเต่า” เป็นนิทานอีสปคลาสสิกอีกเรื่องหนึ่งที่สอนบทเรียนอันมีค่าของความเพียรและอันตรายของความมั่นใจมากเกินไป นี่คือการบอกเล่าเรื่องราวและคำสอนที่บอกเล่า

นิทานอีสปเรื่องกระต่ายกับเต่า

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว กระต่ายตัวหนึ่งโอ้อวดความเร็วของตนและท้าแข่งกับเต่า เต่าซึ่งมั่นใจในความสามารถของตนเองจึงรับคำท้า การแข่งขันเริ่มขึ้น กระต่ายวิ่งนำหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ในไม่ช้ามันก็มั่นใจมากเกินไป และตัดสินใจงีบหลับในขณะที่เต่าวิ่งต่อไปอย่างช้าๆ และมั่นคง

Once upon a time, a hare was boasting about his speed and challenged a tortoise to a race. The tortoise, confident in his own abilities, accepted the challenge. The race began, and the hare quickly ran ahead, but he soon became overconfident and decided to take a nap while the tortoise continued on slowly and steadily.

เมื่อกระต่ายตื่นขึ้นก็รู้ว่าเต่าเกือบจะถึงเส้นชัยแล้ว กระต่ายวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็สายเกินไป เต่าได้ข้ามเส้นชัยและชนะการแข่งขันแล้ว กระต่ายได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่าเกี่ยวกับความมั่นใจที่มากเกินไป ในขณะที่เต่ามีความมุ่งมั่นและความอุตสาหะนำไปสู่ความสำเร็จ

When the hare woke up, he realized that the tortoise was almost at the finish line. The hare ran as fast as he could, but it was too late. The tortoise had already crossed the finish line and won the race. The hare learned a valuable lesson about overconfidence, while the tortoise’s determination and perseverance led to his success.

นิทานอีสปเรื่องกระต่ายกับเต่า

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ความพากเพียรและความมุ่งมั่นสามารถนำไปสู่ความสำเร็จได้ แม้ว่าเราจะดูช้าหรือเก่งน้อยกว่าคนอื่นก็ตาม นอกจากนี้ยังเตือนเราเกี่ยวกับอันตรายของความมั่นใจมากเกินไปและความเย่อหยิ่ง”

  • ความอุตสาหะและความมุ่งมั่นสามารถช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้ แม้ว่าเราจะดูมีทักษะหรือพรสวรรค์น้อยกว่าคนอื่นๆ
  • ความมั่นใจมากเกินไปและความเย่อหยิ่งอาจนำไปสู่ความผิดพลาดและความล้มเหลวได้
  • สิ่งสำคัญคือต้องมุ่งมั่นและเดินหน้าต่อไปแม้ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคหรือความท้าทายก็ตาม
  • บางครั้งความก้าวหน้าที่ช้าและมั่นคงอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าการกระทำที่รวดเร็วแต่ประมาทเลินเล่อ

“perseverance and determination can lead to success, even if we may seem slower or less skilled than others. It also warns us about the dangers of overconfidence and arrogance.”

  • Perseverance and determination can help us achieve our goals, even if we may seem less skilled or talented than others.
  • Overconfidence and arrogance can lead to mistakes and failures.
  • It’s important to stay focused and keep moving forward, even when faced with obstacles or challenges.
  • Slow and steady progress can sometimes be more effective than quick but careless actions.

โดยสรุปแล้วกระต่ายกับเต่าเป็นเรื่องราวอมตะที่เตือนใจเราถึงความสำคัญของความอุตสาหะ ความมุ่งมั่น และความอ่อนน้อมถ่อมตน มันสอนให้เราไม่ยอมแพ้และก้าวไปข้างหน้าเพื่อไปสู่เป้าหมายของเรา แม้ว่าอุปสรรคจะดูไม่เป็นใจกับเราก็ตาม

นิทานอีสปเรื่องอื่นๆ

The Æsop for Children

นิทานอีสป เรื่อง “มดกับตั๊กแตน” ไทย-Eng

“มดกับตั๊กแตน” เป็นนิทานอีสปยอดนิยมอีกเรื่องหนึ่งที่ให้บทเรียนสำคัญถึงคุณค่าของการทำงานหนักและการวางแผน นี่คือการบอกเล่าเรื่องราวและคำสอนที่บอกเล่า

นิทานอีสปเรื่องมดกับตั๊กแตน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มดทำงานหนักตัวหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการเก็บอาหารสำหรับฤดูหนาว ในขณะเดียวกัน ตั๊กแตนผู้ไร้กังวลกำลังร้องเพลงและเล่นท่ามกลางแสงแดดโดยไม่สนใจอนาคต มดเตือนตั๊กแตนให้เริ่มเตรียมตัวสำหรับฤดูหนาว แต่ตั๊กแตนกลับหัวเราะและสนุกกับตัวเองต่อไป

Once upon a time, a hardworking ant was busy collecting food for the winter. Meanwhile, a carefree grasshopper was singing and playing in the sun, not caring about the future. The ant warned the grasshopper to start preparing for winter, but the grasshopper laughed and continued to enjoy himself.

เมื่อฤดูหนาวมาถึง มดมีอาหารเพียงพอสำหรับประทังชีวิต ในขณะที่ตั๊กแตนไม่มีอะไรเลย ตั๊กแตนสำนึกผิดจึงอ้อนวอนมดให้ช่วย มดรู้สึกสงสารตั๊กแตน จึงให้อาหารเพียงเล็กน้อย แต่เตือนตั๊กแตนว่ามันควรเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตเสียบ้าง

As the winter arrived, the ant had enough food to survive, while the grasshopper had nothing. The grasshopper, realizing his mistake, begged the ant for help. The ant, feeling sorry for the grasshopper, gave him a small portion of food, but reminded him that he should have prepared for the future.

นิทานอีสปเรื่องมดกับตั๊กแตน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“การทำงานหนักและการมองการณ์ไกลได้รับรางวัลในวันหนึ่ง ในขณะที่ความเกียจคร้านและการผัดวันประกันพรุ่งนำไปสู่ความยากลำบากในอนาคต”

  • การทำงานหนักและการวางแผนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จและความอยู่รอด
  • การผัดวันประกันพรุ่งและความเกียจคร้านสามารถนำไปสู่ผลเสียได้
  • การคิดล่วงหน้าและวางแผนสำหรับอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงปัญหาได้
  • เตรียมตัวให้พร้อมและมีมากกว่านั้นดีกว่าที่จะตั้งตัวไม่ทันและไม่มีอะไรเลย

“Hard work and foresight are rewarded in future, while laziness and procrastination lead to difficulties in the future.”

  • Hard work and planning are essential for success and survival.
  • Procrastination and laziness can lead to negative consequences.
  • It’s important to think ahead and plan for the future, as it can help us avoid problems.
  • It’s better to be prepared and have extra than to be caught off guard and have nothing.

นิทานเรื่องนี้เรื่องราวอมตะที่เน้นความสำคัญของการทำงานหนัก การวางแผน และการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต เป็นเครื่องเตือนใจที่ดีให้ขยันหมั่นเพียรในการทำงานและวางแผนล่วงหน้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

นิทานอีสปเรื่องอื่นๆ

The Æsop for Children

นิทานอีสป เรื่อง “ราชสีห์กับหนู” ไทย-Eng

“ราชสีห์กับหนู” นิทานอีสปเรื่องนี้ยอดนิยมที่สอนบทเรียนอันล้ำค่าว่าน้ำใจแม้เพียงน้อยนิดก็สามารถตอบแทนได้อย่างคาดไม่ถึง

นิทานอีสปเรื่องราชสีห์กับหนู

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว… ราชสีห์ตัวหนึ่งกำลังหลับใหลอยู่ในป่า มีหนูตัวหนึ่งมากวนจมูกของมันและทำให้มันตื่นขึ้น ราชสีห์โกรธมาก และคำรามเสียงดัง แต่หนูร้องขอความเมตตา และสัญญาว่าจะตอบแทนหากราชสีห์ปล่อยมันไป ราชสีห์รู้สึกขบขันกับความคิดที่ว่าหนูตัวเล็กๆ สามารถช่วยกับเจ้าป่าอย่างมันได้ มันจึงตัดสินใจปล่อยหนูให้เป็นอิสระ

Once upon a time, a lion was sleeping in the jungle when a mouse ran over his nose and woke him up. The lion was angry and roared loudly, but the mouse begged for mercy and promised to repay the favor if the lion let him go. The lion, amused by the idea of a tiny mouse being able to help him, decided to let the mouse go free.

หลายวันต่อมา ราชสีห์ติดกับดักของนายพรานและไม่สามารถหลบหนีได้ ไม่ว่ามันจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม หนูนึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับราชสีห์ เห็นราชสีห์มีปัญหาจึงวิ่งเข้าไปช่วย หนูแทะเชือกจนราชสีห์หลุดรอดไปได้

Days later, the lion was caught in a hunter’s trap and could not escape, no matter how hard he tried. The mouse, remembering his promise to the lion, saw the lion in trouble and ran to help. The mouse gnawed at the ropes until the lion was able to break free and escape.

ราชสีห์ได้เรียนรู้ว่าแม้แต่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ก็สามารถช่วยเหลือมันได้ และความเมตตานั้นสามารถตอบแทนได้ด้วยวิธีที่คาดไม่ถึง การแสดงความเมตตาเล็กๆ น้อยๆ ของหนูที่มีต่อสิงโตทำให้หนูช่วยชีวิตสิงโตได้

The lion learned that even small creatures can be helpful and that kindness can be repaid in unexpected ways. The mouse’s small act of kindness towards the lion led to the lion’s life being saved by the mouse.

นิทานอีสปเรื่องราชสีห์กับหนู

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ความมีน้ำใจแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถตอบแทนด้วยรางวัลอันมหาศาลได้”

  • การแสดงน้ำใจแม้เพียงน้อยนิดก็สามารถมีนัยสำคัญและส่งผลกระทบที่ยั่งยืนได้
  • เราควรปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดด้วยความเมตตาและความเคารพ โดยไม่คำนึงถึงขนาดหรือความใหญ่โตแค่ไหน
  • เราไม่ควรประเมินพลังของผู้อื่นต่ำไป เพราะพวกเขาอาจสามารถช่วยเราได้อย่างคาดไม่ถึง
    การมีน้ำใจและช่วยเหลือผู้อื่นสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ในเชิงบวกและเสริมสร้างความสัมพันธ์

“Kindness, no matter how small, can be repaid with great rewards.”

  • Even small acts of kindness can be significant and have a lasting impact.
  • We should treat all creatures with kindness and respect, regardless of their size or stature.
  • We should not underestimate the power of others, as they may be able to help us in unexpected ways.
  • Being kind and helping others can lead to positive outcomes and strengthen relationships.

โดยสรุปแล้วนิทานเรื่องนี้เล่าถึงว่าการแสดงความเห็นอกเห็นใจของเจ้าหนูตัวจิ๋ว โดยการช่วยสิงโตที่ติดกับดักกอยู่ ในที่สุดก็ช่วยชีวิตมันเองได้เมื่อสิงโตตอบแทน เรื่องราวเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเมตตาและแสดงให้เห็นว่าแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุดก็สามารถสร้างความแตกต่างที่สำคัญผ่านการกระทำของพวกเขาได้ โดยสอนว่าไม่ควรประมาทผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการช่วยเหลือผู้อื่น

นิทานอีสปเรื่องอื่นๆ

The Æsop for Children