“นักเดินทางกับกระเป๋าสตางค์” นิทานอีสปที่สอนเราเกี่ยวกับความเห็นอกเห็นใจ การไม่เห็นแก่ตัว และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อื่นมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว
นิทานอีสปเรื่องนักเดินทางกับกระเป๋าสตางค์
นักเดินทางสองคนกำลังเดินไปด้วยกันบนถนนที่ยาวและเต็มไปด้วยฝุ่น ระหว่างทางพวกเขาเจอกระเป๋าใบหนึ่งวางอยู่บนพื้น พวกเขาหยิบมันขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นและพบว่ามันเต็มไปด้วยเหรียญทองคำ ความตื่นเต้นท่วมท้นเมื่อพวกเขาตระหนักถึงโชคชะตาที่พวกเขาสะดุดพบเจอ
Two travelers were walking together on a long and dusty road. Along the way, they came across a purse lying on the ground. Curious, they picked it up and discovered that it was filled with gold coins. Excitement washed over them as they realized the fortune they had stumbled upon.
ขณะที่พวกเขาตรวจสอบกระเป๋าสตางค์ เกิดความขัดแย้งระหว่างสองนักเดินทาง แต่ละคนอ้างว่ากระเป๋าเงินเป็นของพวกเขาและยืนกรานที่จะเก็บไว้เพื่อตัวเอง และไม่สามารถหาข้อยุติได้ พวกเขาตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากผู้พิพากษาที่ฉลาดและเป็นกลาง
As they examined the purse, a disagreement arose between the travelers. Each one claimed that the purse belonged to them and insisted on keeping it for themselves. Unable to reach a resolution, they decided to seek the help of a wise and impartial judge.
นักเดินทางได้พบกับชายชราผู้ชาญฉลาดซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความยุติธรรม พวกเขายื่นเรื่องของพวกเขาให้เขาฟัง โดยอธิบายถึงข้อเรียกร้องที่แตกต่างกันในกระเป๋าเงิน ชายชราฟังอย่างตั้งใจและไตร่ตรองคำพูดของพวกเขา
The travelers came across a wise old man who was known for his fair judgment. They presented their case to him, explaining their differing claims to the purse. The old man listened attentively and pondered their words.
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชายชราผู้ชาญฉลาดก็ยิ้มและพูดว่า “นักเดินทางที่รัก ดูเหมือนว่ากระเป๋าใบนี้ไม่ได้เป็นของคุณทั้งคู่ คุณบังเอิญพบมันโดยบังเอิญ และเจ้าของที่แท้จริงของมันอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่งข้างหน้านี้ ถนน แทนที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิง ทำไมไม่ใช้มันเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นที่ต้องการตลอดการเดินทางของคุณ”
After a moment of reflection, the wise old man smiled and said, “My dear travelers, it seems that this purse does not belong to either of you. You have found it by chance, and its true owner may be somewhere ahead on this very road. Instead of fighting over its contents, why not use it to help others in need along your journey?”
นักเดินทางต่างตกตะลึงกับสติปัญญาของชายชรา พวกเขาตระหนักว่าการทะเลาะกันเรื่องกระเป๋าเงินเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวและพวกเขาสามารถใช้มันเพื่อจุดประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่าได้ พวกเขาตกลงตามคำแนะนำของชายชราและตัดสินใจใช้เหรียญทองเพื่อช่วยเหลือผู้ที่โชคไม่ดีที่พวกเขาพบเจอ
The travelers were taken aback by the old man’s wisdom. They realized that their quarrel over the purse was selfish and that they could use it for a greater purpose. They agreed to the old man’s suggestion and decided to use the gold coins to assist those they encountered who were less fortunate.
ขณะที่พวกเขาเดินทางต่อไป พวกเขามีความสุขจากการให้และเห็นความขอบคุณ และความสุขที่มอบให้ผู้อื่น พวกเขาเรียนรู้ว่าความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การครอบครอง แต่อยู่ที่ความสามารถในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชีวิตของผู้อื่น
As they continued their journey, they experienced the joy of giving and witnessed the gratitude and happiness it brought to others. They learned that true wealth lies not in possession, but in the ability to make a positive impact on the lives of others.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในการครอบครอง แต่อยู่ในความสามารถในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชีวิตของผู้อื่น ผ่านการเสียสละและความเอื้ออาทร”
และนิทานเรื่องนี้สอนบทเรียนที่สำคัญแก่เราหลายประการ
- การครอบครองสิ่งต่างๆ ไม่ควรเป็นสาเหตุของความขัดแย้ง และความเห็นแก่ตัว
- การแบ่งปันและความเอื้ออาทรนำมาซึ่งความสมหวังและความสุขมากกว่าการกักตุนทรัพย์สินเงินทอง
- การช่วยเหลือผู้อื่นที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นความพยายามอันสูงส่งและคุ้มค่า
- ความมั่งคั่งที่แท้จริงวัดได้จากผลกระทบเชิงบวกที่เราสร้างในชีวิตของผู้อื่น
“True wealth is not in possession but in the ability to make a positive impact on the lives of others through selflessness and generosity.”
The story teaches us several important lessons:
- Possessions should not be a cause of conflict and selfishness.
- Sharing and generosity can bring greater fulfillment and happiness than hoarding wealth.
- Helping others in need is a noble and rewarding endeavor.
- True wealth is measured by the positive impact we make in the lives of others.
สรุปแล้วนิทานเรื่องนี้สนับสนุนให้เราให้ความสำคัญกับความเห็นอกเห็นใจ การไม่เห็นแก่ตัว และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อื่นมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว มันเตือนเราถึงความสุขและความสมหวังที่พบได้จากการแบ่งปันทรัพยากรของเราและใช้มันเพื่อสร้างความแตกต่างในเชิงบวกในโลกรอบตัวเรา