นิทานอีสป เรื่อง “ดอกกุหลาบและดอกบานไม่รู้โรย” ไทย-Eng

นิทานอีสปเรื่องดอกกุหลาบและดอกบานไม่รู้โรย ไทย-Eng
X
Advertisements

“ดอกกุหลาบและดอกบานไม่รู้โรย” เป็นนิทานอีสปที่เป็นเรื่องราวของดอกผักบานไม่รู้โรยยกย่องความงามของดอกกุหลาบ ในขณะที่ดอกกุหลาบรับรู้ถึงธรรมชาติที่ดำรงอยู่ชั่วคราวของมัน และดอกผักโขมรู้สึกภาคภูมิใจในการดำรงอยู่ของมันอย่างยั่งยืน

นิทานอีสปเรื่องดอกกุหลาบและดอกบานไม่รู้โรย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสวนที่มีชีวิตชีวา ดอกดอกบานไม่รู้โรยผู้ต่ำต้อยพบว่าตัวเองเติบโตอยู่ข้างๆ ดอกกุหลาบอันงดงาม ชื่นชมความงามอันวิจิตรและกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ ทำให้ผักดอกบานไม่รู้โรยอดไม่ได้ที่จะแสดงความชื่นชม “โอ้ กุหลาบผู้สง่างาม” มันกล่าว “ความงดงามของเจ้าทำให้ทุกคนที่จ้องมองเจ้าหลงใหล การปรากฏของคุณนำความสุขมาสู่สวนแห่งนี้”

Once upon a time, In a vibrant garden, a humble amaranth found itself growing beside a magnificent rose. Admiring the rose’s exquisite beauty and fragrant reputation, the amaranth couldn’t help but express its admiration. “Oh gracious rose,” it said, “your splendor enchants all who gaze upon you. Your presence brings joy to this garden.”

กุหลาบมีความสง่างามตอบสนองด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนเท่าเทียมกัน “ดอกดอกบานไม่รู้โรยที่รัก” มันตอบ “คำพูดของเจ้าทำให้ข้าอบอุ่น แต่จำไว้ว่าความงามของข้านั้นอยู่เพียงชั่วครู่ และเวลาของข้าที่นี่เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ข้าอาจจะบานสะพรั่งได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ในไม่ช้า กลีบดอกไม้ของข้าก็เหี่ยวเฉา และ กลิ่นของข้าก็จะจางหายไป”

The rose, in its elegance, responded with equal humility. “Dear amaranth,” it replied, “your words warm my heart. Yet, remember that my beauty is fleeting, and my time here is but a brief moment. I may bloom for a short while, but soon my petals will wither, and my fragrance will fade.”

ดอกดอกบานไม่รู้โรยฟังด้วยความเคารพและเข้าใจ “จริง” มันรำพึง “ความงามของเจ้าอาจอยู่เพียงชั่วครู่ แต่ธรรมชาติที่ยืนยงของข้าทำให้ข้าสามารถชื่นชมสวนแห่งนี้ได้ตลอดฤดูกาล ไม่เปลี่ยนแปลงและเป็นนิรันดร์”

The amaranth listened with respect and understanding. “True,” it mused, “your beauty may be fleeting, but my enduring nature allows me to grace this garden through seasons, unwavering and eternal.”

นิทานอีสปดอกกุหลาบและดอกบานไม่รู้โรย

Advertisements


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“จงรับรู้ถึงคุณค่าของทั้งความงดงามที่หายวับไป และความยืดหยุ่นในชีวิต”

  • ความอ่อนน้อมถ่อมตนและการเคารพซึ่งกันและกัน: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างดอกกุหลาบกับผักโขมแสดงให้เห็นถึงพลังของความอ่อนน้อมถ่อมตนและความชื่นชมซึ่งกันและกัน เตือนให้เราชื่นชมคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ของกันและกันโดยไม่หยิ่งผยอง
  • การโอบรับความไม่เที่ยง: การรับรู้ถึงความงามชั่วคราวของดอกกุหลาบสอนให้เรายอมรับความไม่เที่ยงในชีวิตและค้นหาคุณค่าในช่วงเวลาปัจจุบัน
  • ความหลากหลายในคุณค่า: เรื่องราวเน้นย้ำว่าสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันซึ่งมีส่วนช่วยต่อความงดงามและความสำคัญของโลก แต่ละคนมีบทบาทและคุณค่าของตัวเอง
  • ความงามของการมีอายุยืนยาว: ธรรมชาติอันเป็นนิรันดร์ของผักโขมบ่งบอกถึงความงามของความอดทนและความพากเพียร แสดงให้เห็นว่าความสม่ำเสมอสามารถรักษาเสน่ห์ของตัวเองได้อย่างไร
  • การสะท้อนถึงแก่นแท้: การไตร่ตรองถึงแก่นแท้ของสิ่งต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอกทำให้เราค้นพบความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและชื่นชมคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งเหล่านั้น
  • การยอมรับความหลากหลาย: เช่นเดียวกับสวนที่เจริญรุ่งเรืองไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ โลกของเราก็เต็มไปด้วยความหลากหลายของผู้คนและคุณสมบัติของพวกเขา การเปิดรับความแตกต่างเหล่านี้ช่วยส่งเสริมสังคมที่มีความสามัคคี

“Be aware value both the fleeting beauty and enduring resilience in life.”

  • Humility and Mutual Respect: The interaction between the rose and the amaranth showcases the power of humility and mutual admiration, reminding us to appreciate each other’s unique qualities without arrogance.
  • Embracing Impermanence: The rose’s acknowledgment of its transient beauty teaches us to accept impermanence in life and find value in the present moment.
  • Diversity in Value: The story highlights how different beings possess distinct qualities that contribute to the world’s beauty and significance. Each has its own role and worth.
  • The Beauty of Longevity: The amaranth’s everlasting nature signifies the beauty of endurance and persistence, illustrating how consistency can hold its own charm.
  • Reflection on Essence: Reflecting on the essence of things beyond their outward appearances enables us to discover deeper meanings and appreciate their true worth.
  • Embracing Diversity: Just as the garden thrives with various blooms, our world is enriched by the diversity of people and their qualities. Embracing these differences fosters a harmonious society.

โดยสรุปแล้วนิทานเรื่องนี้แสดงให้เราเห็นคุณค่าของคุณสมบัติอันหลากหลายที่แต่ละบุคคลนำมาสู่ชีวิตของเรา และยอมรับทั้งแง่มุมของการดำรงอยู่เพียงชั่วครู่และยั่งยืน

นิทานอีสปเรื่องอื่นๆ

The Æsop for Children

Advertisements