“ลากับเงาตัวเอง” เป็นนิทานอีสปที่สอนเราถึงการมีอยู่ของปัญหาก็เหมือนเงาติดตัวเรา เราต้องตระหนักรู้ในตัวเอง หาทางรับรู้และเข้าใจ และแก้ไขอย่างชาญฉลาด
นิทานอีสปเรื่องลากับเงาตัวเอง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลาตัวหนึ่งกำลังเดินไปตามถนนในวันที่แดดร้อนจัด แดดส่องจ้า ลาเริ่มร้อนและเหนื่อยมาก ขณะที่มันเดิน มันสังเกตเห็นเงาของมันยื่นออกมาข้างหน้าตัวมันเอง
Once upon a time, there was an ass who was walking down a road on a hot and sunny day. The sun was shining brightly, and the ass began to feel very hot and tired. As he walked, he noticed his shadow stretching out in front of him.
ลาคิดในใจว่า “ช่างดีเหลือเกินที่มีร่มเงาให้ข้าได้คลายร้อนจากแสงแดดแผดเผานี้” มันมองไปที่เงาของมันและมีความคิด “ถ้าข้าเดินเร็วขึ้น” มันคิด “เงาของข้าก็จะเคลื่อนที่เร็วขึ้นด้วย และข้าจะไปถึงร่มเร็วกว่ามาก”
The ass thought to himself, “How wonderful it would be to have some shade to cool me down from this scorching sun.” He looked at his shadow and had an idea. “If I walk faster,” he thought, “my shadow will move faster too, and I will reach the shade much sooner.”
รู้สึกตื่นเต้นกับแผนของมัน ลาเริ่มวิ่งเหยาะๆ แต่ไม่ว่ามันจะเดินเร็วแค่ไหน เงาของมันยังคงอยู่ตรงหน้ามัน ลาพยายามวิ่ง แต่เงาของมันยังคงอยู่ข้างหน้า มันวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เงาก็ยังคงแซงหน้ามันต่อไป
Feeling excited about his plan, the ass started to trot. But no matter how fast he walked, his shadow remained right in front of him. The ass tried to run, but his shadow still stayed ahead. He ran as fast as he could, but the shadow continued to outpace him.
ในที่สุดลาก็หยุดวิ่ง มันตระหนักว่าไม่ว่าจะพยายามไปเร็วแค่ไหน มันก็ไม่สามารถหนีจากเงาของมันได้ รู้สึกพ่ายแพ้ มันทรุดตัวลงใต้ต้นไม้เพื่อพักผ่อน
Exhausted and frustrated, the ass finally stopped running. He realized that no matter how fast he tried to go, he could not escape from his shadow. Feeling defeated, he plopped down under a tree to rest.
ขณะที่มันนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ ลาก็คิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น “ข้าโง่มาก” มันพูดกับตัวเอง “ข้าสูญเสียพลังงานไปมากในการพยายามหนีจากเงาของข้า แต่มันเป็นไปไม่ได้”
As he sat in the shade of the tree, the ass thought about what had just happened. “I was so foolish,” he said to himself. “I wasted so much energy trying to escape from my shadow, but it was impossible.”
ลาได้เรียนรู้บทเรียนอันล้ำค่าในวันนั้น มันเข้าใจว่าเขาไม่สามารถหนีจากตัวเองหรือปัญหาของเขาได้ เช่นเดียวกับเงาของมัน เงาจะอยู่ตรงนั้นเสมอ ไม่ว่าเขาจะพยายามหนีเร็วแค่ไหนก็ตาม
The ass learned a valuable lesson that day. He understood that he could not run away from himself or his problems. Just like his shadow, they would always be there, no matter how fast he tried to escape.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ปัญหาก็เหมือนเงา ถ้าไม่แก้ไขมันก็อยู่ติดตัวเราไปตลอด…”
- การยอมรับตัวเอง: ความพยายามของลาที่จะเอาชนะเงาของมันเป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนาของเราที่จะหลีกหนีจากปัญหาหรือแง่มุมของตัวเราที่เราไม่ชอบ เรื่องราวสอนเราถึงความสำคัญของการยอมรับว่าเราเป็นใครและเผชิญกับความท้าทายแทนการวิ่งหนี
- การพยายามหลีกหนีจากตัวตนโดยเปล่าประโยชน์: การที่ลาพยายามหนีเงาของมันอย่างเปล่าประโยชน์แสดงให้เห็นว่าเราไม่สามารถหลีกหนีจากตัวตนที่แท้จริงของเราหรือผลของการกระทำของเรา
- คำนึงถึงการกระทำของเรา: เรื่องราวเตือนใจเราให้คำนึงถึงทางเลือกและการกระทำของเรา เพราะสิ่งเหล่านี้สร้าง “เงา” ของเราหรือผลที่ตามมาที่เราต้องเผชิญ
- ยอมรับความจริง: แทนที่จะเสียพลังงานไปกับการพยายามปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงความเป็นจริง จะเป็นการดีกว่าที่จะยอมรับความจริงและหาวิธีจัดการกับมันอย่างสร้างสรรค์
“Problems are like shadows. If we don’t fix it, it will stay with us forever…”
- Accepting oneself: The ass’s attempt to outrun his shadow symbolizes our desire to escape from our problems or aspects of ourselves we don’t like. The story teaches us the importance of accepting who we are and facing our challenges instead of running away from them.
- The futility of trying to escape from oneself: The ass’s futile attempts to outrun his shadow demonstrate that we cannot escape from our true selves or the consequences of our actions.
- Being mindful of our actions: The story reminds us to be mindful of our choices and actions because they create our “shadows” or the consequences we must face.
- Embracing reality: Instead of wasting energy trying to deny or avoid reality, it is better to embrace it and find ways to deal with it constructively.
โดยสรุปแล้วนิทานเรื่องนี้สอนเราถึงความสำคัญของการยอมรับตนเอง การเผชิญกับความท้าทาย และการมีสติสัมปชัญญะในการกระทำของเรา มันเตือนเราว่าการพยายามหลีกหนีจากตัวเองหรือปัญหาของเรานั้นไร้ประโยชน์ และการเติบโตและการแก้ปัญหาที่แท้จริงมาจากการโอบรับความเป็นจริงและจัดการกับมันอย่างมีความรับผิดชอบ