“เทพเฮอร์มีสกับสุนัข” เป็นนิทานอีสปที่เล่าถึงสุนัขตัวหนึ่งผู้เคร่งศรัทธาทำความเคารพต่อรูปปั้นของเทพเจ้า แต่พระเจ้ากลับปฏิเสธการให้เกียรติเพิ่มเติมอย่างถ่อมใจ โดยเน้นย้ำถึงความเรียบง่ายของการอุทิศตนอย่างแท้จริง
นิทานอีสปเรื่องเทพเฮอร์มีสกับสุนัข
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง มีรูปปั้นเฮอร์มาที่เรียบง่าย ซึ่งเป็นรูปปั้นสี่ด้านที่ทำเครื่องหมายขอบเขตของแผ่นดิน รูปปั้นเฮอร์มานี้ไม่เหมือนใคร เพราะรูปปั้นนี้อุทิศให้กับเทพผู้ส่งสารเฮอร์มีส ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องความรวดเร็วและความฉลาด
Once upon a time, In a peaceful village, there stood a simple herma statue, a four-sided statue that marked the boundaries of the land. This herma statue was unlike any other, for it was dedicated to the messenger god Hermes, known for his swiftness and cleverness.
เช้าอันสดใสวันหนึ่ง ขณะที่ดวงอาทิตย์อาบแสงสีทองให้กับหมู่บ้าน สุนัขผู้ถ่อมตนผู้มีจิตใจเคร่งศาสนาได้เข้ามาหาเฮอร์มา สุนัขตระหนักถึงความเชื่อมโยงอันศักดิ์สิทธิ์จึงตัดสินใจแสดงความเคารพต่อเฮอร์มีส ด้วยความเคารพอย่างลึกซึ้ง มันเงยหน้าขึ้น และด้วยท่าทางที่เรียบง่ายที่สุดแต่จริงใจที่สุด มันก็ทักทายเฮอร์มา
One bright morning, as the sun bathed the village in its golden light, a humble dog with a pious heart approached the herma. The dog, recognizing the divine connection, decided to pay homage to Hermes. With a deep sense of reverence, it raised its head, and in the simplest yet most sincere gesture, it saluted the herma.
เฮอร์มีสซึ่งเฝ้าดูจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา รู้สึกประทับใจกับการกระทำอันต่ำต้อยนี้ เขาปรากฏตัวต่อหน้าสุนัขในร่างอันศักดิ์สิทธิ์ของเขา มีรูปร่างที่เปล่งประกายสวมรองเท้ามีปีก สุนัขรู้สึกประหลาดใจและตกตะลึง รู้สึกถึงทั้งความสุขและความกลัวผสมกัน
Hermes, who had been watching from his divine realm, was touched by this humble act. He appeared before the dog in his divine form, a radiant figure with winged sandals. The dog, surprised and awestruck, felt a mixture of joy and fear.
เฮอร์มีสพูดด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นกับสุนัขว่า “เจ้าสุนัขผู้ซื่อสัตย์ การแสดงความเคารพของเจ้าทำให้ข้าประทับใจอย่างยิ่ง มันทำให้ข้าอบอุ่นใจที่ได้เห็นความจงรักภักดีของเจ้า ข้าจะทำอะไรได้บ้างเพื่อแสดงความขอบคุณเจ้า”
Hermes, with a warm smile, spoke to the dog, “Faithful one, your act of reverence has moved me. It warms my heart to see your devotion. What can I do to show my gratitude?”
สุนัขผู้ต่ำต้อยกระดิกหางอย่างมีความสุขตอบว่า “เฮอร์มีสผู้ยิ่งใหญ่ ข้าอยากจะชโลมท่านด้วยน้ำหอมที่หอมหวานที่สุด และประดับเฮอร์มาของคุณด้วยดอกไม้และมาลัย ท่านจะเป็นผู้นำทางนักเดินทางและปกป้องขอบเขต และสมควรได้รับเกียรติทั้งหมด”
The humble dog, its tail wagging in happiness, replied, “Great Hermes, I wish to anoint you with the sweetest perfumes and adorn your herma with flowers and garlands. You, who guide travelers and protect boundaries, deserve all honor.”
อย่างไรก็ตาม เฮอร์มีสยกมือขึ้นด้วยท่าทางอ่อนโยน เพื่อหยุดความตั้งใจของสุนัข “เพื่อนรัก” เขากล่าว “ข้าซาบซึ้งในความรักและความเคารพของเจ้า แต่ข้าไม่ได้แสวงหาเกียรติหรือเครื่องประดับใดๆ เพิ่มเติม คำทักทายที่เรียบง่ายของเจ้าซึ่งเกิดจากความจริงใจของหัวใจของเจ้า เป็นรูปแบบการอุทิศตนที่บริสุทธิ์ที่สุด มันคือทั้งหมดที่ข้าต้องการเพียงเท่านี้”
Hermes, however, raised his hand in a gentle gesture, halting the dog’s intentions. “Dear friend,” he said, “I appreciate your love and respect, but I do not seek further honor or adornment. Your simple salute, born from the sincerity of your heart, is the purest form of devotion. It is all I need.”
สุนัขเข้าใจคำพูดของเฮอร์มีส จึงพยักหน้าด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน โดยตระหนักว่าการอุทิศตนที่แท้จริงมาจากใจ ไม่ใช่จากการแสดงท่าทางหรือการถวายอันใหญ่โต ด้วยความรู้สึกพึงพอใจอย่างสุดซึ้ง สุนัขยังคงไปเยี่ยมเฮอร์มาต่อไป โดยแสดงความเคารพอย่างจริงใจต่อเทพเจ้าเฮอร์มีส
The dog, understanding Hermes’ words, nodded with humility. It realized that true devotion came from the heart, not from grand gestures or offerings. With a deep sense of contentment, the dog continued to visit the herma, offering its sincere salutes to the god Hermes.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“การอุทิศตนอย่างแท้จริงต่อบางสิ่งนั้นมาจากใจจริงและไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาอย่างประณีต”
- ความจริงใจในการอุทิศตน: เรื่องราวนี้เน้นถึงคุณค่าของการอุทิศตนอย่างจริงใจและจริงใจต่อท่าทางหรือการถวายอันยิ่งใหญ่
- ความอ่อนน้อมถ่อมตน: การที่เฮอร์มีสปฏิเสธที่จะให้เกียรติต่อไปสอนเราว่าแม้แต่เทพเจ้าก็ยังชื่นชมความอ่อนน้อมถ่อมตนและความเรียบง่าย
- พลังของการกระทำที่เรียบง่าย: การแสดงความเคารพเล็กๆ น้อยๆ อย่างแท้จริงสามารถถือเป็นความหมายและความสำคัญที่ยิ่งใหญ่ได้
- ตระหนักถึงความศักดิ์สิทธิ์: เรื่องราวเตือนให้เรารับรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตประจำวัน แม้แต่ในสถานที่ที่เรียบง่ายที่สุด
- บทเรียนของความพึงพอใจ: ความพึงพอใจมาจากภายใน และการอุทิศตนที่แท้จริงคือเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของหัวใจ ไม่ใช่การแสดงภายนอก
“True devotion for something is heartfelt and doesn’t require elaborate displays.”
- Sincerity in Devotion: This story highlights the value of sincere and heartfelt devotion over grand gestures or offerings.
- Humility: Hermes’ refusal of further honor teaches us that even gods appreciate humility and simplicity.
- The Power of Simple Acts: Small, genuine gestures of reverence can hold great meaning and significance.
- Recognizing the Divine: The story reminds us to acknowledge the divine in everyday life, even in the simplest of places.
- Lesson of Contentment: Contentment comes from within, and true devotion is about the purity of the heart, not external displays.
โดยสรุปแล้วนิทานเรื่องนี้สอนเราให้รู้ถึงความงดงามอันลึกซึ้งของการอุทิศตนอย่างจริงใจและถ่อมตน และบทเรียนที่ว่าการแสดงความเคารพอย่างฟุ่มเฟือยอาจไม่จำเป็นเสมอไปในการเชื่อมโยงกับพระเจ้า มันเตือนเราว่าการอุทิศตนอย่างแท้จริงนั้นมาจากหัวใจ