สำนวนสุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย
ความหมายสำนวนสุภาษิตคำพังเพยขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย
ที่มาของสำนวน ในสมัยก่อนเปรียบขุนนางที่เป็นเจ้านายเรา แต่ไม่ได้เป็นพ่อแม่ของเรา และ หินที่เป็นแง่ที่เราเกาะจับก็ไม่ใช่ตายายของเรา เราอย่าไปไว้วางใจว่ามันจะมั่นคงแข็งแรง เราต้องระมัดระวังให้มากๆ
ผู้บังคับบัญชา, ผู้ที่มีตำแหน่งสูง (ขุนนาง) ที่เราทำงานรับใช้อยู่ด้วย อย่าไปไว้วางใจว่าเขาจะรัก และ เมตตาเราอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าเราพลาดพลั้งทำผิด หรือ ทำให้เขาโกรธ เขาจะไม่ให้อภัยเราเหมือนกับพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เขาอาจลงโทษทัณฑ์เรา หรือ ทำให้เราเดือดร้อนได้ เช่นเดียวกับหินที่มีแง่ ที่เราจับเกาะอยู่มันอาจจะแตกหักหลุดลงมาเมื่อใดก็ได้ และ มันก็อาจจะเป็นอันตรายแก่ตัวเรา
สรุปความหมายของสำนวน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คือ ถ้าไม่ใช่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายของตน ก็ไม่ควรไว้วางใจใคร ทํานองเดียวกับภาษิตที่ว่า อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน จะจนใจเอง
ตัวอย่างการใช้สุภาษิตขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย
- อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย คนโบราณบอกไว้แล้วถ้าไม่ช่ครอบครัวที่ไว้ใจได้อย่างสนิทใจก็อย่าให้จคนอื่นเต็มร้อย ให้ดูสิ่งที่คนอื่นกระทำต่อเราก่อน
- เธอเพิ่งจะรู้จักเขาได้ไม่เท่าไหร่ ก็จะไปอยู่กับเขาเสียแล้ว เขาไว้ใจได้แค่ไหน ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายายนะ
- ชูชกให้เหตุผลไว้อย่างน่าคิดว่า “เฒ่าก็ทูลตอบคดีในทันใด ว่าไม่ได้ ไม่ได้พระพุทธเจ้าข้า ซึ่งจะทรงพระกรุณาไม่เห็นด้วย ฉวยว่าเสียทีสิมิเป็นการ คำบุราณท่านกล่าวไว้แต่ก่อนปลาย ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย อันจะให้พาสองกุมาร ถ่อกายเข้าไปยังสำนักพระเจ้าปู่ ท้าวเธอก็จะให้มีพระกระทู้ซักถามซ้ำ จะละลักละล่ำว่าหน้าเป็นหลังตกตะลึงลืมตัว ด้วยความกลัวใช่พอดี เธอจะลงเอาว่าข้าทชีนี้ลักพระเจ้าหลานหลวง แล้วจะให้กระทำตามกระทรวงพระราชกิจ”
- ถึงเจ้านายเขาจะโปรดปรานคุณแค่ไหน แต่ถ้าคุณทำให้เขาโกรธ เขาก็คงไม่ให้อภัยคุณง่ายๆหรอก เข้าทำนองขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย
- คนสมัยก่อนเตือนเสมอว่าขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย อย่าไว้ใจหัวหน้าเจ้านายมากนัก เขาอาจเพิ่งเราเฉพาะมีประโยชน์ สมัยนี้ก็เหมือนกันดูหัวหน้าก็ดูกันให้ดี แต่สมัยนี้ก็ง่ายหน่อย คนไม่ดีก็แจ้งเบื้องบนให้มาตรวจสอบเลย